ประชาไท - 2 มี.ค. 2550 กรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชียเปิดเว็บไซต์http://thailand.ahrchk.net/edecree/ เรียกร้องให้ยกเลิกพรก.ฉุกเฉินที่บังคับใช้ในสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
"พรก. ฉบับนี้อนุญาตให้ทหารและตำรวจควบคุมตัว กักตัว ทรมาน และฆ่า ได้โดยไม่ต้องรับการลงโทษ" บาซิล เฟอร์นานโด ผู้อำนวยการขององค์กรสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาคเอเชีย ที่มีสำนักงานที่ฮ่องกง กล่าวในการเปิดตัวเว็บไซต์
"กฎหมายฉบับนี้ผิดหลักการทางกฎหมายตามมาตรฐานสากล และพวกเราร้องเรียนให้รัฐบาลไทยยกเลิกกฎหมายฉบับนี้"
พรก. ฉุกเฉินฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2548 และจะต้องทบทวนเพื่อต่อเวลาการบังคับใช้พรก. ฉบับนี้ทุก 3 เดือน
กฎหมายฉบับนี้ริเริ่มและประการใช้โดยรัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และมีการต่ออายุการบังคับใช้ไปแล้วสองครั้งในรัฐบาลทหารที่ยึดอำนาจในการปกครองประเทศไปตั้งแต่วันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา
ในเว็บไซต์ใหม่นี้ http://thailand.ahrchk.net/edecree/ จะแสดงวันที่พรก. ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ และจำนวนครั้งที่มีการต่ออายุเวลาการบังคับใช้ ปัจจุบันมีการต่ออายุพรก.ฉบับนี้ไปแล้ว 8 ครั้ง
โดยครั้งต่อไปจะมีการต่ออายุ พรก.ฉบับนี้อีกในวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2550
เนื้อหาภายในเว็บประกอบด้วยกฎหมายพรก. ข้อวิพากษ์วิจารณ์ในข้อบทบัญญัติที่ผู้รายงานพิเศษเรื่องการฆ่านอกระบบกฎหมายได้วิจารณ์ไว้ และรวมถึงเนื้อหาที่ทางกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย (AHRC) ได้เผยแพร่รณรงค์ต่อต้านพรก.ฉบับนี้
ผุ้แทนพิเศษขององค์การสหประชาชาติได้กล่าวไว้ว่า "พรก.สถานการณ์ฉุกเฉินทำให้ทหารและตำรวจไม่ต้องรับผิดชอบต่อการฆาตกรรม"
ในเว็บไซต์ยังประกอบไปด้วยรายงานของกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติที่ระบุถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ ที่ระบุถึงข้อเสนอแนะในการปฏิรูประบบกระบวนการยุติธรรมและโครงสร้างต่าง ๆ
"รัฐบาลไม่ได้นำข้อเสนอแนะของกรรมการสมานฉันท์ไปใช้เลย" บาซิล เฟอรนันโดกล่าว
"ความจริงแล้วกอส. ได้เน้นย้ำแล้วว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ ทั้งในแง่วัฒนธรรมและศาสนาที่มีความแตกต่างแล้วยังผสมไปด้วยกับความไม่เอาใจใส่ของรัฐบาลต่อปัญหาความขัดแย้งดังกล่าว"บาซิล เฟอรนันโด กล่าว
"จะเป็นประโยชน์อะไรในการตั้งกรรมการสมานฉันท์ขึ้นมา ถ้าสิ่งที่กอส พยายามจะนำเสนอไม่ได้ถูกนำไปใช้เลย" บาซิล เฟอรนันโด กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ขณะเดียวกันนี้กฎอัยการศึก มีผลบังคับใช้ในพื้นที่กว่า 50 % ของประเทศไทย รัฐบาลทหารนำการจัดการกับความมั่นคงในสมัยสงครามเย็นมาใช้ใหม่เพื่อตอบโต้กับผู้ก่อการที่ฝังตัวในหมู่บ้านและอธิบายว่าเป็นการปฏิบัติการเพื่อการรักษาภัยคุกคามต่อชาติ กรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชียขอต่อต้านการรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน
หนึ่งเดือนหลังจากการยึดประเทศ กรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชียได้ออกเอกสารจำนวน 27 หน้าระบุถึงผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและหลักนิติรัฐ นิติธรรมของไทยและภูมิภาคเอเชียไปแล้วโดยดูได้จาก
http://thailand.ahrchk.net/docs/AHRC_Thailand_Coup_2006.pdf
และในเดือนพฤศจิกายน ได้ออกเอกสารเปรียบเทียบระหว่างความจริงและความลวงในการรัฐประหาร โดยดูได้จาก http://thailand.ahrchk.net/fiction-fact