Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข


 


 


คำเตือน : ไม่เอา ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ในการร่างฯครั้งนี้ อนาคต ความจำเป็นจะบังคับให้นายกฯต้องมาจากการเลือกตั้งโดยตรง



 


 


ระหว่างที่นั่งถกการเมืองกับขาประจำกลุ่มเดิม ถึงเรื่องที่ว่าด้วยการแห่กันย้ายออกจากพรรคไทยรักไทยของนักเลือกตั้งทั้งหลาย กระนั้นก็เป็นไปในสภาพที่หวั่นไหวเหลือประมาณเพราะไม่รู้ว่า การเลือกตั้งคราวหน้าจะเข้าสภามาได้หรือไม่ หากต้องแข่งกับสีเสื้อไทยรักไทย


 


มาถึงตรงนี้ก็ให้นึกได้ว่า นี่เกิดอะไรขึ้นกับนักเลือกตั้งเหล่านี้หรือ เดิมนั้น การย้ายพรรคไม่ใช่ปัญหาหรือตัวชี้วัดการเข้าสภาของเหล่านักเลือกตั้งเหล่านี้ได้สักเท่าไร เงินและแรงอัดฉีดเท่านั้นที่เป็นความเชื่อมั่นของเขา การเข้าสังกัดนายทุนพรรคคนไหนต่างหากที่จะเป็นตัวชี้วัด เพราะมันหมายถึงแรงอัดฉีดปูพรม แต่ทำไมคราวนี้จึงเกิดอาการหวั่นไหวกันได้


 


ก็เพราะนโยบายและแบรนด์ของพรรคไทยการเมืองนั่นไง


 


เป็นครั้งแรกทีเดียวที่นักเลือกตั้งประเมินว่า นโยบายและชื่อชั้นของพรรครวมทั้งคนหรือบุคลากรหรือผู้นำของพรรค เป็นตัวชี้วัดความนิยม นั่นหมายความว่า นักเลือกตั้งเหล่านี้ไม่เชื่อมั่นในเงินของตัวเองว่าจะซื้อคะแนนได้อีกต่อไปแล้ว นี่คือดอกผลของการออกแบบระบบการเลือกตั้ง เพียงช่วง 5 ปี กับการเลือกตั้งเพียงสองครั้งเท่านั้น การซื้อเสียงกำลังจะหมดความหมายไปจากสังคมไทย


 


เอะ เมื่อวันก่อนคุณจรัญ ภักดีธนากุล ประธานอนุกรรมาธิการฯสถาบันการเมือง ท่านยังพูดเรื่องการซื้อเสียงอยู่เลยไม่ใช่หรือ แต่ท่านเองนั่นแหละที่เสนอให้ยกเลิกปาร์ตี้ลิสต์ ซึ่งเป็นระบบการเลือกตั้งที่ทำให้นโยบายและบุคลากรในพรรคการเมืองมีความหมาย


 


ท่านจะรู้หรือไม่ว่า สิ่งที่ท่านทำนั้น ท่านกำลังรักษาระบบและการซื้อเสียงอย่างเดิมไว้


 


ท่านเป็นคนดีจริงๆ ครับ ส.ส.ร.ทั้งหลายก็คนดีทั้งนั้น แต่ก็เลือกคนที่ไม่สามารถคิดเชิงระบบอะไรได้มาทำหน้าที่ยกร่างฯ เต็มไปหมด ไปๆ มาๆ คนดีแบบนี้ ทำให้เด็กรุ่นใหม่ๆ ลดทอนคุณค่าของ "ความดี" เสียเปล่าๆ


 


ผมไม่เห็นด้วยกับการลดทอนความเข้มแข็งของนายกรัฐมนตรีลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบการเลือกตั้ง ที่มี ส.ส. สองแบบ หรือเรื่องการบังคับห้ามย้ายไปพรรคใหม่ หากเป็นสมาชิกพรรคนั้นไม่ถึง 90 วัน ผมยิ่งไม่เห็นด้วยกับการอ้างว่า การมี ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์นั้นเป็นกึ่งระบบประธานาธิบดี เพื่อพยายามทำให้คนเห็นว่า ระบบแบบนี้ไปลดทอนการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข


 


เพราะความพยายามออกแบบระบบที่ทำให้นายกฯเข้มแข็ง เป็นบทเรียนที่สังคมไทยสั่งสมประสบการณ์มาเป็นเวลาหลายสิบปี และติดปัญหาแล้วปัญหาเล่า


 


แม้แต่การรับฟังเสียงจากประชาชนในคราวยกร่างรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตยที่สุด เสียงเรียกร้องให้นายกฯมาจากการเลือกตั้งทางตรง ก็ถูกบล็อกแบบไม่มานั่งพิจารณากัน กล่าวโดยสรุปก็คือ ตลอดเวลาที่ผ่านมา วงวิชาการไทยพยายามออกแบบระบบที่ทำให้นายกฯเข้มแข็งขณะเดียวกันก็เหมาะสมลงตัวกับระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งกลายมาเป็น ส.ส. สองแบบ และแสดงผลเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนในรัฐธรรมนูญ 2540 ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา


 


ถ้าจะมีอะไรผิดพลาดที่ผ่านมา ก็เห็นจะเป็นเพราะ เราไม่ทันได้สร้างพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนคนยากคนจน มีแต่พรรคที่เป็นตัวแทนนายทุน ไม่ว่าจะทุนใหม่ ทุนเก่า ทุนจารีต แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหลายคนก็ดำริจะตั้งพรรค ถึงกับไม่รับตำแหน่งใดๆ ในคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ทว่าการดำเนินการตั้งพรรคก็เงียบหายไปพร้อมกับบทบาทใหม่ในการไล่ทักษิณ และทุบโครงสร้างที่เอื้ออำนวยให้ตั้งพรรคของตัวเอง


 


นักวิชาการอย่าง ศ.อมร จันทรสมบูรณ์ ที่อยู่ฝักฝ่ายเดียวกับพวกท่านนักร่างรัฐธรรมนูญทั้งหลาย ก็เป็นผู้เสนอประเด็นนี้นายกฯ ต้องเข้มแข็ง อย่าลืมนะครับว่า หากย้อนเวลาไปสิบปีเศษ เรื่องนี้ไม่เคยเป็นที่ถกเถียงหรือลังเลเลย


 


การยกเลิกระบบปาร์ตี้ลิสต์ไป แล้วกลับไปย้อนยุค รังแต่จะเพิ่มวิกฤติและแรงกดดันให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (ในแบบไม่ยอมปรับตัว) เสียเปล่าๆ


 


ลืมคุณทักษิณ ชินวัตรไปบ้างไม่ได้หรือครับ อย่าให้เขามาหลอกหลอนและกำหนดชะตาชีวิตที่เหลือของคนไทยที่ต้องถูกบังคับให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่เลย


 


พฤติกรรมของคุณทักษิณที่ผ่านมาเป็นข้อยกเว้น เพราะให้ทุกอย่างเหมือนเดิม ใช้รัฐธรรมนูญ 2540 มีการเลือกตั้ง มีคุณทักษิณเป็นนายกฯ อีกครั้ง สังคมการเมืองไทยก็ไม่เหมือนเดิมแบบที่คุณทักษิณจะมาเผด็จอำนาจได้อีกแล้ว นั่นก็เพราะระบบตรวจสอบทำงานแล้ว และนั่นคือหัวใจ


 


เราต้องเพิ่มระบบตรวจสอบให้เข้มแข็งขึ้น ติดอาวุธให้กับกลไกตรวจสอบ เพิ่มอำนาจประชาชน ประชาชนฟ้องคดีทุจริตได้ เข้าชื่อถอดถอนได้ง่ายขึ้น ทำสื่อให้เป็นอิสระและฉลาด กระจายอำนาจออกไป แต่อย่าลดทอนความเข้มแข็งของรัฐบาล


 


เพราะการลดทอนความเข้มแข็งของรัฐบาล ประชาชนจะเสียประโยชน์ที่นโยบายที่พรรคการเมืองหาเสียงไว้ก็ทำไม่ได้ ต้องกลับไปวัดค่า ส.ส. ด้วยการขายเสียงเหมือนเดิม


 


ขณะที่ประโยชน์ของการลดทอนความเข้มแข็งของรัฐบาลจะไปอยู่ที่ข้าราชการและอำมาตย์ทั้งหลายที่ร่วมกันทำรัฐประหาร


 


ที่สำคัญที่สุดคือศักดิ์ศรีของชาติและประชาชน ในฐานะที่ชาติและประชาชนเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ 2540 แต่หลงลืมทุกอย่าง หลงลืมบทเรียน ประวัติศาสตร์ และย้อนกลับไปรอยเดิม ให้คนรู้เรื่องไม่ค่อยมาก หรือรู้มากแต่มีอคติ หรือไม่ก็รู้มาก แต่กลัวทักษิณเสียจนขาดสติ พาชาติและการเมืองไทยถอยหลังไปหลายสิบปี

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net