Skip to main content
sharethis





การเมือง


 


"สุรยุทธ์" แจงสื่อมาเลย์ ไม่ทวง "ชินแซต" คืนจากลอดช่อง


ผู้จัดการออนไลน์ - พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีของไทยให้สัมภาษณ์ยืนยันกับสำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซียเผย รัฐบาลไทยจะไม่พยายามทวงบริษัท "ชิน แซตเทิลไลต์" คืนจากบริษัทเทมาเส็ก โฮลดิงส์ของสิงคโปร์ที่ซื้อไปจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร


 


พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินเคยประกาศว่าจะทวงความเป็นเจ้าของบริษัทดาวเทียม ชิน แซตเทิลไลต์คืน ซึ่งบริษัทเทมาเส็กของสิงคโปร์ซื้อไปจากครอบครัวของอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเมื่อปีที่แล้ว เป็นต้นเหตุให้เกิดการเดินขบวนประท้วง ซึ่งผลักดันให้พล.อ.สนธิทำการล้มอำนาจรัฐบาล


 


อย่างไรก็ดี ในการให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการกับสำนักงานข่าวเบอร์นามา พล.อ.สุรยุทธ์กลับกล่าวว่า การซื้อดาวเทียมคืนนั้นขึ้นอยู่กับบริษัทของไทย หากพวกเขาต้องการที่จะซื้อคืน ก็ปล่อยให้เป็นไปตามการแลกเปลี่ยนในตลาด โดยรัฐบาลจะไม่เข้าไปยุ่ง


 


เขาเสริมว่า "หากพวกเขาต้องการที่จะเสี่ยง ก็ไม่เป็นไร พวกเขาต้องวิเคราะห์ประเมินความเสี่ยงด้วยตัวเองว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาหรือไม่"


 


ขณะที่ พล.อ.สนธิถือว่าดาวเทียมทั้ง 4 ของชินแซตเป็นสมบัติชาติซึ่งควรกลับมาเป็นของไทย ด้วยความหวั่นเกรงว่าสิงคโปร์อาจใช้ดาวเทียมเหล่านั้นแอบสอดแนมไทย


 


ด้าน พล.อ.สุรยุทธ์ยังคงยืนยันในความสัมพันธ์ทางการทูตกับสิงคโปร์ว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะเกิดความตึงเครียดจากการซื้อบริษัทดาวเทียมดังกล่าว รวมถึงการเดินทางเยือนแดนลอดช่องของพ.ต.ท.ทักษิณเพื่อเข้าพบเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสิงคโปร์เป็นการส่วนตัว


 


ส่วน สิงคโปร์ก็ออกมาปฏิเสธเรื่องการสอดแนมดังกล่าว พร้อมทั้งย้ำชัดในความสัมพันธ์โดยรวมอันดีกับไทยด้วย


 


 


โฆษก "คมช." อัด "พีทีวี"ช่องดิ้นตายของกลุ่มเผด็จการทุนนิยมเก่า ระบุผังรายการมีเลศนัย


เว็บไซต์แนวหน้า - พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์กรณีแกนนำพรรคไทยรักไทยประกาศเดินหน้าตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวี ว่า เรื่องนี้พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคมช. และพล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการคมช. ได้เคยเน้นย้ำว่า คมช.ยินดีรังฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย ทุกภาคส่วน แต่สิ่งที่คมช.เห็นว่าไม่เหมาะสมไม่เหมาะสมที่จะรับฟังจากกลุ่มรัฐบาลเก่า คือ เป็นการดำเนินการของกลุ่มเผด็จการทุนนิยมเก่าที่เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายที่เกิดขึ้น และจริงๆแล้วช่องทางในการพิสูจน์และชี้แจงความและจะมีผลในเชิงคดีด้วย แต่การมาชี้แจงออกสื่อไม่มีผลอะไรเลยต่อคดี แล้วจะชี้แจงผ่านช่องทางดังกล่าวทำไม


 


"เรื่องพีทีวี เท่าที่ทราบนั้นทำไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ และการนำไปเปรียบเทียบกับเอเอสทีวี ผมว่าไม่ถูกต้องนัก เพราะกรณีเอเอสทีวีมีคดีความกันอยู่ และดำเนินการได้เพราะได้รับสิทธิคุ้มครองชั่วคราว แต่พีทีวียังไม่เกิดขึ้น แต่กลับพยายามเดินเส้นทางเลียนแบบ ซึ่งอยากให้ทุกฝ่ายยึดถือความเที่ยงตรง โดยเฉพาะการพิจารณาทางกระบวนการศาล ซึ่งเห็นชัดในรัฐบาลที่ผ่านมาแม้จะมีอำนาจควบคุมในหลายส่วน แต่กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ก็ถูกจำคุกกันมาแล้ว เพราะไม่มีใครไปบังคับศาลให้พิจารณาคดีได้ คือตัดสินมาอย่างไร ทุกฝ่ายก็ต้องยอมรับ"โฆษกคมช.กล่าว


 


ทั้งนี้ โฆษก คมช. ระบุว่าการดำเนินการกับพีทีวีนั้นไม่เกี่ยวกับคมช. แต่เราก็ห่วงว่า หากผังรายการเป็นไปตามที่ระบุ โดยมีแกนกลุ่มนำอำนาจเก่ามาจัดรายการเป็นจำนวนมากตลอดทั้งวัน คงต้องมีนัยยะอื่นแฝงเข้ามาด้วย และการที่แกนนำไทยรักไทยพยายามตั้งสื่อเป็นของตัวเอง คงเป็นเพราะที่ผ่านมาคมช.ได้ขอความร่วมมือสื่อให้นำเสนอในทางสร้างสรรค์ ซึ่งเราได้รับความร่วมมือ จึงทำให้กลุ่มเผด็จการทุนนิยมเก่าอาจรู้สึกอึดอัด จึงไปหาช่องทางชี้แจง หากชี้แจงในความเป็นจริงก็ไม่เป็นไร แต่เราห่วงมากในเรื่องความเป็นจริงที่นำเสนอ และที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้ปิดกั้น เพราะข่าวนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทยนั้น สถานีโทรทัศน์ในกำกับของรัฐก็ยังเสนอข่าว


 






ความมั่นคง


 


กอ.รมน.แถลงพร้อมรับมือเหตุร้ายช่วงมาฆบูชา-สงกรานต์


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - เมื่อวันที่ 24 ก.พ. พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์ เสนาธิการทหารบก ในฐานะเลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลรักษาความปลอดภัย ในช่วงเทศกาลวันมาฆบูชา และวันสงกรานต์ ว่า ตนได้รับมอบหมายจากพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบกในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(ผอ.รมน.) ให้ติดตามเรื่องการข่าว และได้แจ้งเตือนให้หน่วยต่างๆในพื้นที่ ดูแลเฝ้าระวังความปลอดภัยให้กับประชาชน


 


อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าประชาชนทุกคนต้องมีส่วนร่วมด้วย เพราะลำพังเพียงเจ้าหน้าที่ ไม่สามารถดูแลพื้นที่ได้ทั่วถึง และหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำได้ดีอยู่แล้ว เช่น การตรวจตราก่อนเข้าสถานบันเทิง อย่าคิดว่าเป็นการละเมิดสิทธิ ซึ่งทุกคนคงทราบถึงความจำเป็น ที่ต้องมีการตรวจตรา ทั้งนี้การตรวจตราอยากให้ทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยของประชาชน เพราะหลังช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา การตรวจตราได้ลดน้อยลงไป


 


พล.อ.มนตรีกล่าวว่า ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เป็นภัยที่จะมีผลกระทบต่อทุกคน โดยจะไม่เลือกสถานที่ ไม่เลือกเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งปัญหาได้กระทบกระเทือนความเป็นอยู่ของประชาชน การดูแลรักษาความปลอดภัย ไม่เฉพาะพื้นที่กทม.เท่านั้น แต่ต้องทุกที่ โดยควรจะทำเป็นระเบียบปฏิบัติที่ควรต้องทำ ซึ่งถ้าทุกคนทำเรื่อนี้จนชินเป็นนิสัย คิดว่าประชาชนจะหายอึดอัด และจะได้จับจ่ายใช้สอยอย่างมีความสุขขึ้น โดยเรื่องนี้ไม่ได้กระทบเฉพาะประเทศไทย แต่กระทบทั้งโลก ทั้งนี้ได้มีการพูดคุยประสานงานกับทางตำรวจ เพื่อติดตามสถานการณ์โดยตลอด


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ในด้านการข่าวพบสิ่งผิดปกติหรือไม่ พล.อ.มนตรีกล่าวว่า เท่าที่ได้รับแจ้งมายังไม่พบสิ่งผิดปกติ โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุจะอาศัยก่อเหตุในวันสำคัญ ที่ประชาชนมารวมกันจำนวนมาก อย่างไรก็ตามได้มีการแจ้งเตือนไปแล้ว ทั้งในส่วนของวันมาฆบูชาและวันสงกรานต์


 


เมื่อถามว่า หน่วยข่าวแจ้งว่าพบผู้ต้องสงสัยจำนวน 10 คน จะเดินทางเข้ามาก่อเหตุในกทม. ในช่วง 2-3 วันนี้ พล.อ.มนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้รับรายงาน


 


เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลออสเตรเลีย แจ้งเตือนชาวออสเตรเลียไม่ให้เดินทางมายังประเทศไทย เพราะอาจเกิดการก่อเหตุขึ้น พล.อ.มนตรีกล่าวว่า ทางเราไม่ได้คัดค้านอะไร เพราะเป็นการแจ้งเตือน ซึ่งเป็นหน้าที่ของสถานทูตต่างๆที่ต้องดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนของเขา ดังนั้นเขาจึงแจ้งเตือน ว่าที่ใดบ้างที่ควรจะหลีกเลี่ยง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน


 


 "กอ.รมน.ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเฝ้าระวังดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในห้วงที่มีเทศกาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามทำอย่างเต็มที่ แต่พื้นที่กว้างขวางและหลากหลาย ลำพังเจ้าหน้าที่อย่างเดียวคงไม่พอ เพราะคนที่จ้องจะทำ กับคนที่เฝ้าระวังมันสู้กันไม่ได้"พล.อ.มนตรีกล่าว


 


พล.อ.มนตรีกล่าวว่า ในต้นเดือนมีนาคมนี้ ผอ.รมน.จะเชิญกอ.รมน.ภาค และกอ.รมน.จังหวัด มาประชุมกัน เพื่อกำชับนโยบายต่างๆ เช่น นโยบายเศรษฐกิจพอเพียง นโยบายความมั่นคงต่างๆ โครงการที่จะต้องเร่งทำในปี 2550 คือเรื่องอุดมการณ์ความรักชาติ นอกจากนี้ยังกำชับการประชาสัมพันธ์เรื่องงานทำบุญประเทศที่จะจัดขึ้นในวันที่ 21 เมษายนนี้


 


 


ปูดโจรใต้จ้างทหารปลดประจำการฝึกแนวร่วม


เว็บไซต์คมชัดลึก - ผศ.ดร.พีรยศ ราฮิมมูลา อดีตอาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวว่า สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกเหนือจากแนวร่วมที่เพิ่มมากขึ้น โดยการแฝงตัวและหลบซ่อนในสถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนที่ตั้งอยู่ในและนอกพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งถือเป็นหลุมหลบภัยจากเจ้าหน้าที่รัฐชั้นดีแล้ว ขณะนี้ยังสามารถเพาะพันธุ์ความคิดปลูกฝังอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนได้ง่ายกว่าสถานที่อื่นหลายเท่าตัว จนปัจจุบันโครงข่ายของแนวร่วมรุ่นใหม่มีความแข็งแรงและสามารถเชื่อมโยงเคลื่อนไหวชนิดรัฐติดตามความเคลื่อนไหวได้ยากเย็น



ผศ.ดร.พีระยศ กล่าวว่า จากการศึกษาข้อมูลพบว่า แนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบได้ฝึกทักษะการต่อสู้ รวมถึงการใช้อาวุธ เพื่อก่อเหตุสร้างสถานการณ์ โดยมีอดีตทหารเกณฑ์พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ปลดประจำการ ทำหน้าที่ครูฝึกให้เยาวชนที่หลงผิดในพื้นที่



"วันนี้มีอดีตทหารเกณฑ์ปลดประจำการคนหนึ่ง ซึ่งมีถิ่นที่อยู่อาศัยใน อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ที่เคยประจำการมณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ ปัจจุบันทำหน้าที่ครูฝึกถ่ายทอดรูปแบบการฝึกให้แนวร่วม โดยรับค่าจ้างถึง 3 ล้านบาท" ผศ.ดร.พีระยศ กล่าว



อดีตนักวิชาการมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวต่ออีกว่า วันนี้สิ่งที่อยากเสนอ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช.คือ การตรวจสอบประวัติทหารเกณฑ์ปลดประจำการที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ย้อนหลัง 5 ปี ก่อนเกิดเหตุความไม่สงบเมื่อปี 2547 เนื่องจากปัจจุบันคนเหล่านี้บางส่วนถูกผู้ก่อความไม่สงบดึงตัวไปร่วมทำงาน โดยการเสนอรายได้และค่าจ้างเพื่อเป็นแรงจูงใจในการสร้างกองกำลังเยาวชนออกก่อเหตุ



"อยากให้ ผบ.ทบ.พูดคุยกับอดีตทหารเกณฑ์ชายแดนใต้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งหมดดูว่า วันนี้เขาทำอะไรที่ไหน อย่างไร รวมถึงแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ เพราะอดีตทหารเกณฑ์บางส่วนไม่มีงานทำจนขาดรายได้ ถือเป็นช่องโหว่และแรงจูงใจอย่างหนึ่ง หากเป็นไปได้ควรจัดให้คนเหล่านี้อยู่ในสารบบที่สามารถตรวจสอบได้ รวมทั้งดูแลเรื่องสวัสดิการหรือมอบหมายภาระหน้าที่ในการมีส่วนร่วม เพื่อแก้ไขปัญหาแก่คนเหล่านี้เพื่อปิดช่องฝ่ายตรงข้าม" อดีตนักวิชาการ กล่าว



ด้านนายอับดุลอายิ อาแวสือแม เลขานุการคณะกรรมาธิการติดตามแก้ไขปัญหาสถานภาพของคนไทยในมาเลเซีย กล่าวว่า จากตัวเลขคนไทยในพื้นที่ชายแดนภาคใต้เดินทางเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซีย สิ้นปี 2549 พบว่ามี 5.3แสนคน โดยในจำนวนนี้มีการเดินทางเข้าไปประกอบอาชีพและดำเนินชีวิตในลักษณะที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายจำนวน 2.3 แสนคน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วงท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ซึ่งรัฐบาลไทยและมาเลเซียพยายามร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว



นายอับดุลอายิ กล่าวอีกว่า หากไม่นำประชาชนจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านในรูปแบบที่ไม่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ อาจจะเป็นช่องโหว่ที่ผู้ไม่หวังดีฉวยโอกาสดึงเข้าไปมีส่วนพัวพันกับปัญหาในพื้นที่ได้ ฉะนั้นการพยายามหาทางทำให้ประชาชน 2.3 แสนคน เข้ามาสู่ระบบจะเป็นการปิดช่องว่างของฝ่ายตรงข้ามได้เป็นอย่างดี







ต่างประเทศ


 


ชีอะห์ในอิรักประท้วงกองทัพสหรัฐจับบุตรชายของแกนนำ


กรมประชาสัมพันธ์, ศูนย์ข่าวแปซิฟิก - วันนี้ชาวชีอะห์หลายพันคนชุมนุมบนท้องถนนในเมืองนาจ๊าฟของอิรัก เพื่อประท้วงที่กองกำลังสหรัฐจับกุมตัวนายอัมมาร์ อัล-ฮาคิม บุตรชายของนายอับดุล อาซิซ อัล-ฮาคิม หนึ่งในแกนนำชาวชีอะห์ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของอิรัก และผู้ประท้วงได้เรียกร้องให้สหรัฐกล่าวขออภัยต่อการกระทำดังกล่าว ทั้งนี้นายฮาคิมถูกกองกำลังสหรัฐจับกุมตัวขณะเดินทางข้ามชายแดนมาจากอิหร่านเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐกล่าวว่า นายฮาคิมและเจ้าหน้าที่คุ้มกันของเขาถูกควบคุมตัว เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ต้องสงสัยว่าลักลอบค้าอาวุธ แต่ได้ปล่อยตัวในเวลาต่อมา ด้านนายฮาคิมกล่าวหลังได้รับการปล่อยตัวว่าเขาถูกปิดตาและถูกควบคุมตัวไว้นาน 11 ชั่วโมง อีกทั้งยังได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีอีกด้วย


 


ในวันเดียวกันนี้กองทัพสหรัฐฯ ออกแถงการณ์ระบุว่า เด็กชาวอิรัก 2 คนเสียชีวิตและอีก 1 คนได้รับบาดเจ็บหลังจากเหตุยิงต่อสู้กันระหว่างทหารสหรัฐฯ กับกลุ่มต่อต้าน บริเวณแม่น้ำไทกริส เขตซาฟารานิยา ทางตอนใต้ของกรุงแบกแดดเมืองหลวงของอิรักเมื่อวันศุกร์


 


 


ปธน.ปาเลสไตน์เยือนฝรั่งเศสหาแรงสนับสนุนรัฐบาลเอกภาพปาเลสไตน์


กรมประชาสัมพันธ์ - ประธานาธิบดีมาห์มุด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ เดินทางเยือนฝรั่งเศส และได้เข้าพบกับประธานาธิบดีฌ้าค ชีรัก ที่ทำเนียบประธานาธิบดีในวันนี้ โดยประธานาธิบดีชีรักยืนยันว่า จะให้การสนับสนุนในการเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์และเรียกร้องให้มีการเจรจาเกี่ยวกับสันติภาพตะวันออกกลางครั้งใหม่


 


 


ผู้แทนเจรจานุกโสมแดงเยือนมะกัน 1 มี.ค.นี้


กรมประชาสัมพันธ์, เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้รายงานว่านายคิม กี-กวาน หัวหน้าผู้แทนเจรจานิวเคลียร์เกาหลีเหนือจะเดินทางไปเยือนสหรัฐในวันที่ 1 มีนาคมนี้ ตามคำเชิญของนายคริสโตเฟอร์ ฮิลล์ หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาสหรัฐ เพื่อคลี่คลายความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ หลังบรรลุข้อตกลงยุติโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนือในระหว่างการเจรจา 6 ฝ่ายในกรุงปักกิ่ง.



ทั้งนี้ สำนักข่าวของเกาหลีใต้ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในสหรัฐว่า นายคิมจะเดินทางเยือนซานฟรานซิสโกเพื่อกล่าวปาฐกถาในวันที่ 1 มีนาคม และจากนั้นจะเดินทางต่อไปยังนิวยอร์ก เพื่อเข้าพบนายคริสโตเฟอร์ ฮิลล์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ ที่ได้เชิญนายคิม เดินทางเยือนนิวยอร์ก เพื่อหารือเรื่องการบรรเทาความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศ


 


เกาหลีเหนือ เห็นด้วยในที่ประชุม 6 ฝ่ายที่จะปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์และแหล่งผลิตพลูโตเนียมที่มีคุณภาพสำหรับผลิตอาวุธได้ เพื่อแลกกับเชื้อเพลิง 50,000 ตันในเบื้องต้น หรือความช่วยเหลือที่มีมูลค่าเท่าเทียมกัน


 


นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังได้เชิญนายโมฮัมเหม็ด เอลบาราเด ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (ไอเออีเอ) เดินทางเยือน เพื่อหารือเรื่องการยุติโครงการนิวเคลียร์ และทำให้เกาหลีเหนือกลับเข้าสู่การกำกับดูแลของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งนายเอลบาราเดได้ตอบรับคำเชิญแล้ว


 


ด้านนายเอลบาราเด เปิดเผยว่า เขาได้รับคำเชิญจากเกาหลีเหนือ หลังจากที่มีการทำข้อตกลงในสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อปิดโรงงานนิวเคลียร์ที่ยองเบียนและอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบของยูเอ็นเข้าไปในเกาหลีเหนือได้


 


"เรื่องแรกคือวิธีการพัฒนาแผนเพื่อหยุดโรงงานที่ยองเบียน และที่สำคัญกว่านั้นคือ การทำให้แน่ใจว่าเกาหลีเหนือจะกลับมาเป็นสมาชิกของไอเออีเอ" นายเอลบาราเด กล่าว


 


ในขณะที่จรวดเอช - 2 เอ ของญี่ปุ่นถูกปล่อยออกจากศูนย์อวกาศบนเกาะคาเนกาชิมะ ทางภาคใต้ในวันนี้ เพื่อนำดาวเทียวจารกรรมดวงที่ 4 ซึ่งเป็นดวงสุดท้ายขึ้นสู่วงโคจรโลก เพื่อปรับปรุงขีดความสามารถในการตรวจสอบภัยคุกคามต่างๆ รวมทั้งจากเกาหลีเหนือ ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่าดาวเทียมทั้ง 4 ดวงจะทำให้ญี่ปุ่นสามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวทุกพื้นที่บนโลกได้ตลอดทั้งวัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net