Skip to main content
sharethis


ผู้จัดการไร่มะเขือเทศขนาดใหญ่ของนิวยอร์ค ยอมรับต้องการแรงงานที่วางใจได้อย่าง "แรงงานไทย" เพื่อความอยู่รอด ฝากถึงสถานทูตอเมริกันที่ระงับวีซ่าแรงงานเกษตรของไทย ให้ "ฟัง" ภาคเกษตรสหรัฐฯ ด้วย ชี้อเมริกาโชคดีที่ผลิตอาหารเองได้ แต่โชคร้ายที่ไม่มีแรงงานสำหรับเก็บเกี่ยว

 


ไร่มะเขือเทศของบริษัทฟอร์ทิสต้า ซึ่งเป็นไร่มะเขือเทศทันสมัย ใช้ระบบไฮโดรโพนิค (ไม่ใช้ดิน) ในกรีนเฮาส์ขนาด 12.5 เอเค่อร์ อยู่ในเมืองนอร์ธ โทนาวันด้า ทางเหนือของรัฐนิวยอร์ค เป็นแหล่งงานอีกแห่งหนึ่งของคนงานจากประเทศไทยจำนวน 31 คนที่เดินทางมาทำงานในสหรัฐฯ ด้วยวีซ่าแรงงานชั่วคราวที่เรียกว่า เอช2เอ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ออกให้กับแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานในภาคเกษตร ซึ่งกำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก


 


แรงงานจากประเทศไทย ถือเป็นแรงงานส่วนใหญ่ของไร่มะเขือเทศที่มีคนงานทั้งสิ้น 60 คน เป็นกำลังหลักในการผลิตมะเขือเทศออกสู่ตลาด 80,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือ 3.5 ล้านปอนด์ต่อปี


 


นายฟอร์เรส ซอว์ลอว์ ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทฟอร์ทิสต้า กล่าวกับไทยทาวน์ฯ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ว่า คนงานไทยมีบทบาทสำคัญมากในไร่มะเขือเทศแห่งนี้ ทั้งการปลูก ดูแลรักษาและเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยแสดงความชื่นชมแรงงานไทยว่าไม่เกี่ยงงานหนัก ฉลาด เรียนรู้เร็ว ตั้งใจทำงาน มีความรับผิดชอบ มีความสุขกับการทำงาน


 


ส่วนสาเหตุที่ต้องใช้แรงงานไทยตามโปรแกรมวีซ่าแรงงานเพื่อการเกษตรตามฤดูกาล หรือวีซ่าเอช2เอ นั้น นายฟอร์เรส ซอว์ลอว์ กล่าวว่า เป็นเพราะบริษัทไม่สามารถหาแรงงานท้องถิ่นได้เพียงพอ กล่าวคือมีแรงงานท้องถิ่นทำงานในไร่เพียงแค่ 20 คนเท่านั้น


 


"ปัญหาใหญ่ที่สุดของภาคเกษตรสหรัฐฯ ตอนนี้ก็คือการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง ผมรู้จักหลายๆ บริษัทที่ไม่สามารถหาแรงงานได้ งานก็ไม่เสร็จ ก็มีทางออกสองทางคือไม่ขายบริษัทก็เลิกธุรกิจไปเลย โชคเรายังดีที่ไม่ถึงขั้นนั้นเพราะ เอช2เอ โปรแกรม เรายินดีมาก เพราะไม่มีทางออกอื่นเลย ถ้าไม่สามารถดูแลเก็บเกี่ยวผลผลิตของตัวเองได้ เราก็ต้องเลิกธุรกิจเหมือนกัน" ผู้จัดการทั่วไปของไร่ฟอร์ทิสต้ากล่าว และว่าทางบริษัทมีแผนจะสร้างกรีนเฮาส์เพื่อปลูกมะเขือเทศเพิ่มเติมในวอชิงตัน ดีซี และในแคลิฟอร์เนีย ดังนั้นความต้องการแรงงานจะต้องเพิ่มสูงมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้


 


ผู้จัดการทั่วไปของไร่มะเขือเทศไฮเทคในนิวยอร์คกล่าวด้วยว่า สหรัฐฯ คือประเทศที่โชคดี เพราะสามารถผลิตอาหารเองได้ แต่โชคร้ายที่ขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง


 


"อำนาจหลักของทุกประเทศตามความเห็นของผมก็คือคุณสามารถเลี้ยงปากท้องตัวเองได้ไหม ถ้าคุณต้องนำเข้า ต้องซื้ออาหารทั้งหมดของคุณจากประเทศอื่น นั่นไม่ใช่เรื่องที่ดี สิ่งที่ผมคิดก็คือ อาจจะไม่ใช่ช่วงชีวิตนี้ แต่ถึงจุดหนึ่ง สหรัฐฯ จะต้องสำนึกว่า ความเข้มแข็งของเราคือการที่เราสามารถเพาะปลูกผลิตอาหารเลี้ยงปากท้องตัวเองได้ ถ้าต้องซื้อเขาทั้งหมด เราจะเหลืออะไร ผมหวังว่ารัฐบาลจะต้องรับรู้เรื่องนี้ก่อนจะสายเกินไป"


 


ฟอร์เรส ลอว์ซอว์ กล่าวด้วยว่า ประเทศคานาดาก้าวหน้ากว่าสหรัฐฯ มากในการแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงาน เพราะมีโครงการแรงงานชั่วคราว หรือ เกสต์เวิร์คเกอร์โปรแกรม มานานกว่าสิบปีแล้ว ขณะที่ในประเทศสหรัฐฯ นั้น เกสต์เวิร์คเกอร์โปรแกรม ไม่สามารถผ่านสภาได้เพราะนักการเมืองมีความเห็นไม่ตรงกัน


 


"ตอนนี้ รัฐบาลมีวิธีแก้ไขปัญหาอย่างเดียวคือ เอช2เอ โปรแกรม แต่มันยุ่งยากสำหรับเรามาก มีขั้นตอนมากมาย ต้องใช้เอกสารมากมาย ใช้เวลาอย่างน้อย 45-60 วันในการยื่นเรื่อง เกสต์เวิร์คเกอร์โปรแกรม เป็นอะไรบางอย่างมาเสริมวีซ่า เอช2เอ หรืออาจจะมาแทนที่ เอช2เอ เลย อาจจะเป็นอะไรที่ก้าวหน้า และดีกว่าสำหรับทุกฝ่าย ประธานาธิบดีบุชพยายามผลักดันเรื่องนี้ แต่ติดขัดที่ไม่สามารถทำให้นักการเมืองเห็นตรงกันได้"


เมื่อถามถึงลักษณะที่เหมาะสมของเกสต์เวิร์คเกอร์โปรแกรม โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่ก่อให้เกิดการถกเถียงในสภาของนักการเมืองสองพรรค คือประเด็นให้ผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายในสหรัฐฯ สามารถรับวีซ่าทำงานชั่วคราว และสามารถใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนสถานภาพต่อไปในอนาคต ผู้จัดการไร่มะเขือเทศในนิวยอร์คกล่าวว่า หากไม่ตั้งแง่ทางการเมืองเข้าใส่กัน ก็น่าจะตกลงกันได้


 


"ทุกคนต่างมีความเห็นของตัวเอง นักการเมืองไม่สามารถตกลงกันได้ บางคนบอกว่า ในเมื่ออยู่ในนี้แล้วก็ให้ทำงานไป อีกกลุ่มบอกว่าต้องส่งกลับไป เพราะทำผิดกฎหมายแล้ว แล้วอีกกลุ่มตรงกลางบอกว่า ก็อยู่แล้ว และพวกเขาไปทำงานทุกวัน ทำตัวดี ก็อนุญาตให้เขาขอวีซ่า ขอเปลี่ยนสัญชาติ ถ้ามีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีประวัติอยู่กับตำรวจ ไม่ขายยา ไม่ทำผิดกฎหมาย ก็ให้เขาผ่านเข้าสู่ขั้นตอนการเปลี่ยนสัญชาติได้ เข้าใจไหม มีคนอยู่ในทุกด้าน ที่ไม่สามารถเห็นตรงกันได้ ทุกอย่างก็เลยหยุด" ฟอร์เรส ซอว์ลอว์ กล่าว และว่า "แต่น่าโมโหที่ได้เห็นว่า การเมืองเข้ามามีส่วนกับเรื่องปัญหาใหญ่ของเรามากเหลือเกิน"


 


และในช่วงที่เกสต์เวิร์คเกอร์โปรแกรม ยังไม่มีวี่แววว่าจะผ่านความเห็นชอบของคองเกรสนี้ ผู้จัดการไร่มะเขือเทศฟอร์ทิสต้า กล่าวว่า วีซ่าเกษตร เอช2เอ โดยเฉพาะแรงงานจากประเทศไทยคือทางออกที่ดีที่สุด


 


"แรงงานไทยเป็นแรงงานชั้นเยี่ยม แน่นอน เราต้องจ่ายแพงกว่ามาก แต่ก็ต้องจ่าย ถ้าอยากจะอยู่ในธุรกิจต่อไป เรา shop around แล้ว นี่คือทางออกที่ดีที่สุดแล้วในขณะนี้"


 


ทั้งนี้ แรงงานที่ถือวีซ่า เอช2เอ ได้รับค่าแรงสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลกำหนด โดยแรงงานไทยในไร่มะเขือเทศแห่งนี้รับค่าแรงชั่วโมงละ 9.16 ดอลลาร์ ไม่ต้องเสียภาษี ทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง และจะเพิ่มเป็น 50 ชั่วโมงในช่วงที่มะเขือเทศกำลังให้ผลผลิตเต็มที่ คือตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป


 


นายฟอร์เรส ซอว์ลอว์ กล่าวด้วยว่า ความพยายามของพรรครีพับลิกันที่ต้องการกำจัดผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายในสหรัฐฯ อย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ไม่ใช่วิธีปฏิบัติที่ดี


 


"ประเมินว่ามีคนผิดกฎหมาย 12 ล้านคน คุณส่งพวกเขากลับไปหมดไม่ได้หรอก พังพินาศหมดสิ คุณจะสูญเสียธุรกิจ เสียทุกอย่าง เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับการที่คนเราสามารถทำงานได้ ทำให้ธุรกิจมีความเติบโต มีผลกำไรได้ ประเทศเรากำลังเสียงานไปมากมายให้กับจีน กับแม็กซิโก หรือประเทศอื่นๆ ที่หาแรงงานได้ง่ายและถูกกว่า"


 


เมื่อถามว่าแรงงานไทยผู้ถือวีซ่า เอช2เอ ในไร่มะเขือเทศฟอร์ทิสต้าทั้ง 31 คน และที่กระจายอยู่ตามฟาร์มต่างๆ อีกหลายแห่ง รวมประมาณ 200 คนนั้น จะเป็นแรงงานไทยชุดสุดท้ายที่สามารถเข้ามาทำงานในสหรัฐฯ เพราะสถานกงสุลอเมริกันประจำประเทศไทย ไม่ยอมอนุมัติวีซ่าดังกล่าวต่อเนื่องมาเป็นเวลาเกือบสองปี ด้วยเหตุผลที่ว่าผู้ถือวีซ่าเอช2เอ ส่วนใหญ่ หลบหนีสัญญา และอยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมาย นายฟอร์เรส ซอว์ลอว์ กล่าวว่า ตนหวังว่าทางสถานกงสุลสหรัฐฯ จะสอบถามหรือฟังความเห็นของตนและภาคเกษตรของสหรัฐฯ บ้าง


 


"ถ้าสามารถพูดกับคนที่ออกวีซ่าได้ ผมจะบอกว่า เราซาบซึ้งสำหรับความช่วยเหลือ และต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขาเพื่อให้อยู่ในธุรกิจต่อไปได้ เราต้องการความช่วยเหลือจากแรงงานที่ดีของไทย ในการทำงานให้ลุล่วง" และว่า "ผมอยากกระตุ้นให้เขาพูดกับพวกเรา ถามความเห็นเราด้วย เพราะเราคิดว่าจำเป็นมาก และถ้าไม่มีโปรแกรมนี้ เราก็จะอยู่ในธุรกิจนี้ไม่ได้ เราก็หวังว่า ทางรัฐบาลสหรัฐ จะไม่ตัดโปรแกรมวีซ่าเกษตรทิ้ง" ผู้จัดการทั่วไปของไร่มะเขือเทศฟอร์ทิสต้า ในรัฐนิวยอร์คกล่าวในที่สุด.


 


 


...................................................


ที่มา ไทยทาวน์ยูเอสเอนิวส์


 





 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net