Skip to main content
sharethis

 




 


 


นักศึกษาชาติพันธุ์และแนวร่วมสุดทน หลัง มรช. นิ่งเฉย เปิดปราศรัยรณรงค์ทั่วมหาวิทยาลัย ชี้ ผอ.ชาติพันธุ์ไร้จริยธรรม เวทีปราศรัยล้มกลางคัน เมื่อฝ่ายบริหารสกัดห้ามปราศรัย พร้อมถ่ายรูปขู่เอาผิด นศ.

วันนี้ (24 ก.พ.) ภายในบริเวณมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กลุ่มนักศึกษาชาติพันธุ์ชั้นปีที่ 1 รุ่น 1 สาขาชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จำนวน 15 คน ได้ร่วมกับชมรมนักศึกษาชาติพันธุ์ ชมรมสานใจรักษ์ปกาเกอะญอ และชมรมม้ง ของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ประมาณ 50 คน ออกรณรงค์เพื่อเปิดโปงพฤติกรรมของนายสมบัติ บุญคำเยือง ผอ.สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา ต่อกลุ่มนักศึกษาผู้ใหญ่ที่เป็นผู้นำท้องถิ่น นักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ และชาวเชียงรายที่เข้ามาเรียนในภาคการศึกษาเพื่อปวงชน (กศ.ปช.) วันเสาร์-อาทิตย์


 


โดยทางกลุ่ม นศ.ได้จัดแสดงนิทรรศการเคลื่อนที่ 6 บอร์ดและกระจายกันแจกข่าวที่มีอดีตนักศึกษารุ่นพี่รหัส 43 ออกมาเปิดโปงพฤติกรรมการลวนลามและล่วงละเมิดทางเพศของ ผอ. ชาติพันธุ์ฯ ที่ปรากฏเป็นข่าวในสำนักข่าวประชาธรรม  จากนั้นในเวลาเที่ยงตรง กลุ่มนักศึกษาได้นำรถไปจอดบริเวณโรงอาหารใต้อาคารเรียนรวม ตึก 26 ปี และสลับกันขึ้นปราศรัย โดยระบุถึง ผลกระทบที่พวกตนได้รับจากพฤติกรรมการหลอกลวง การใช้อำนาจตามอำเภอใจ และการล่วงละเมิดทางเพศเด็กๆ และเจ้าหน้าที่ผู้หญิง


นายสุรพจน์  มงคลเจริญสกุล ตัวแทนนักศึกษาชาติพันธุ์ชั้นปีที่ ที่ขึ้นปราศรัยได้กล่าวว่า การที่นักศึกษาชาติพันธุ์และชมรมนักศึกษาหลายกลุ่มได้รวมตัวกันเพื่อรณรงค์ครั้งนี้ เนื่องจากพวกตนและนักศึกษาผู้ใหญ่ในหลักสูตร "สหวิทยาการบริหารท้องถิ่น" กลุ่มหนึ่ง ได้ยื่นหนังสือเรียกร้องต่อมหาวิทยาลัยให้จัดการปัญหาที่เกิดจากพฤติกรรมของ ผอ.ชาติพันธุ์และพรรคพวก โดยวิงวอนให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน แต่ทางมหาวิทยาลัยกลับนิ่งเฉย  พวกตนจึงตัดสินใจทำข้อมูลเพื่อรณรงค์เรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยเริ่มต้นจากนักศึกษาผู้ใหญ่ที่มาเรียนในวันเสาร์-อาทิตย์ ก่อน พวกตนคาดว่า นศ.ผู้ใหญ่ น่าจะเป็นกำลังสำคัญในการกระจายข่าวสารไปยังลูกหลานของแต่ละคนว่า ผอ.ชาติพันธุ์ฯ ของ มรช. มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อการเป็นอาจารย์ เพราะไร้จริยธรรม ทั้งโกหกหลอกลวง ไม่รับผิดชอบ นิยมการใช้อำนาจ และส่อเค้าว่า จะแสวงหาประโยชน์จากกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่าช่วยเหลือสนับสนุนให้พวกตนได้รับการศึกษาที่ดี และเป็นบัณฑิตที่มีจริยธรรมของสังคม


"พวกเราเด็ก ๆ ยากจน ใฝ่ฝันที่จะเรียนในหลักสูตรที่ประกาศตัวว่า ทำขึ้นมาเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กๆ ชาติพันธุ์ที่ด้อยโอกาสโดยเฉพาะ  อาจารย์บอกว่า หลักสูตรนี้ต้องการฝึกฝนให้พวกเราเป็นบัณฑิตที่มีจิตใจรักความเป็นธรรม ตระหนักเคารพในศักดิ์ศรีความเสมอภาค คุณค่าความเป็นมนุษย์ อ่อนน้อมถ่อมตนต่อเพื่อนมนุษย์ ธรรมชาติและสรรพสิ่ง โดยไม่มุ่งแสวงหาความมั่นคงทางเศรษฐกิจและอำนาจ แต่สิ่งที่พวกเราเห็นและได้รับตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา คือ อาจารย์ไม่ได้ทำตามที่ตนกล่าวไว้แม้แต่น้อย ในเมื่อพวกเราถูกหลอกลวง ลอยแพและปล่อยให้ติดหนี้ติดสิน เราก็จำเป็นต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม"



นางสาวเบญจพร หอมดอก นักศึกษาหญิงชาวลัวะ จังหวัดน่าน กล่าวว่า เรื่องทางเพศที่ปรากฏเป็นข่าวในขณะนี้สร้างความหวาดกลัวให้กับพวกเราเด็กผู้หญิงเป็นอย่างมาก รุ่นของพวกเรามีผู้หญิงอยู่กันแค่ 8 คน ถูกอาจารย์เรียกใช้เป็นพิเศษ 2 คน แม้ว่าตอนนี้จะเป็นแค่การเรียกไปจัดหนังสือ พิมพ์งาน ชงกาแฟ พูดคุย แต่อนาคตอาจซ้ำรอยที่รุ่นพี่ของเราเคยโดนกระทำได้ วันนี้ที่ตนต้องลุกขึ้นมาพูดเพราะอยากให้นักศึกษาผู้ใหญ่ช่วยไปเตือนลูกหลานที่จะเข้ามาเรียนที่นี่ ว่า มหาวิทยาลัยของพวกเราอาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆ ผู้หญิงอีกต่อไป ถ้าทางมหาวิทยาลัยยังไม่จัดการกับปัญหานี้


ขณะที่นายประดิษฐ์ วิลา ประธานชมรมสานใจรักษ์ปกาเกอะญอ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์ มรช. หนึ่งในองค์กรที่ร่วมรณรงค์ครั้งนี้กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นปัญหาของเด็กๆ ชาติพันธุ์ชั้นปี 1 แค่ 15 คนเท่านั้น แต่เป็นปัญหาที่อาจเรียกได้ว่า เด็กๆ ชาติพันธุ์และนศ. คนอื่นๆ ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้กำลังประสบ คือ ทุกคนกลายเป็นหนี้เพื่อการศึกษาคนละนับแสนบาทขึ้นไป และยังไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจังว่า นศ. ที่มีฐานะยากจนแล้วติดหนี้จะทำอย่างไรในอนาคต


"ที่ชมรมของผมออกมาร่วมรณรงค์กับน้องๆ ชาติพันธุ์ชั้นปีที่ 1 ในครั้งนี้เพราะรู้สึกว่า ไม่มีใครสนใจแก้ปัญหาของน้องๆ เลย พวกเขามีกันอยู่แค่ 15 คน ไม่ค่อยจะมีปากมีเสียง และผมแปลกใจมากว่า ทำไม มหาวิทยาลัยของเราที่บอกคนภายนอกว่า เป็นมหาวิทยาลัยในหัวใจประชาชน และเน้นการเปิดโอกาสกับนักศึกษาชาติพันธุ์ถึงนิ่งเฉยต่อปัญหาได้เพียงนี้" ประธานชมรมสานใจรักษ์ปกาเกอะญอ กล่าว


 


 





 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นักศึกษากำลังปราศรัยอย่างสงบในช่วงพักเที่ยง ได้มีบุคลากรของทาง มรช. ทราบชื่อภายหลังว่า ชื่อนายธีรวัฒน์ วังมณี อาจารย์และผู้อำนวยการกองวิเทศสัมพันธ์ ได้นำเจ้าหน้าที่ รปภ. เข้าไปยังจุดที่นักศึกษาปราศรัยอยู่และแจ้งให้นักศึกษาหยุดใช้เสียงทันที  ทางนักศึกษาพยายามชี้แจงว่า ตนจะปราศรัยในช่วงพักกลางวัน เมื่อถึงเวลาเรียนจะหยุด  แต่นายธีรวัฒน์ อ้างว่า นศ. กำลังละเมิสิทธิ์ผู้อื่นเพราะรบกวนการสอบของนักศึกษาปริญญาเอกอยู่  เมื่อ นศ. ต่อรองว่า จะขอปราศรัยจนถึงเวลา 13.00 น. นายธีรวัฒน์ก็ออกอาการหัวเสีย และประกาศว่า นศ. ไม่ได้ทำเรื่องขออนุญาตใช้สถานที่ต่อทางมหาวิทยาลัยก่อน จากนั้นได้นำกล้องส่วนตัวขึ้นมาถ่ายรูปนักศึกษาทีละคน พร้อมขู่ว่าจะตรวจสอบนักศึกษาที่มาชุมนุมทุกคน เมื่อนักศึกษาได้ยินเช่นนั้นจึงยอมหยุดการปราศรัย และสลายตัวไปอย่างสงบ


นายสุรพจน์ มงคลเจริญกุล ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากต้องหยุดการปราศรัยอย่างกะทันหันว่า พวกตนรู้สึกเสียใจอย่างมากที่อาจารย์มหาวิทยาลัยบางคนออกมาข่มขู่และถ่ายรูปพวกตนไว้เป็นหลักฐานเพื่อเอาผิด ทั้งที่การปราศรัยครั้งนี้เป็นการรณรงค์ให้ข้อมูลกับนักศึกษาผู้ใหญ่อย่างสงบ ไม่มีการกล่าวโจมตีด้วยภาษาหยาบคายและกระทำในช่วงพักเที่ยง ถ้ามหาวิทยาลัยไม่อยากให้พวกตนทำเช่นนี้ ก็น่าจะเร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม นศ. จะประชุมปรึกษาหารือกันอีกครั้งว่า จะดำเนินการรณรงค์ต่อไปอย่างไร


 


 


เปิดประเด็นอีก ! ผอ.ชาติพันธุ์ฯ มรช. ส่อเค้าลวนลาม นศ.


 



 



 


 


ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้น สำนักข่าวประชาธรรม ได้รายงานว่าอดีตนักศึกษาหญิง มรช.ร่วมแฉพฤติกรรมส่อเค้าลวนลาม นศ.หญิงของ ผอ.สถาบันชาติพันธุ์ฯ เผยคิดว่าจะเลิกนิสัยไปแล้ว เตือน นศ.หญิงระวังตัว ด้านผอ.ศูนย์สตรีศึกษา มช. สะท้อนปัญหาสังคมชายเป็นใหญ่ในมหาวิทยาลัย เรียกร้องให้รับฟังปัญหาและแก้ไขเยียวยามากกว่าเพิกเฉยและปกปิดปัญหา


โดย น.ส. ก (นามสมมติ) อดีตนักศึกษารหัส 43 คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สถาบันราชภัฏเชียงราย (ชื่อในขณะนั้น) ได้เปิดเผยว่า หลังจากที่เพื่อนร่วมสถาบันได้โทรมาบอกให้ตนติดตามข่าว ผอ.สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรช.) หลอกลวงนักศึกษาชาติพันธุ์ฯชั้นปีที่ 1 ที่มีฐานะยากจนเข้ามาเรียนในสาขา ชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยอ้างว่า จะมีทุนการศึกษา ที่พักฟรี และยังมีพฤติกรรมชอบใช้อำนาจตามอำเภอใจ


 


"สามสี่วันก่อน ตนได้เข้าไปอ่านข่าวในเว็บไซต์ของสำนักข่าวประชาธรรม ที่รายงานว่านักศึกษาทำหนังสือเรียกร้องต่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วยการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย ผอ.สถาบันชาติพันธุ์ฯ อีกทั้งยังมีการนำงานเขียนของนักศึกษา 15 ชิ้น มาลงไว้ด้วยนั้น ในบรรดางานเขียนทั้งหมดที่ตนอ่านมีอยู่ 2 ชิ้น คือ "อาจารย์ของเรา" ของ น.ส.ศิริพรรณ อัสนีวิจิตร ชาวลาหู่ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน และ "หนทางที่เชื่อว่า ดี" ของ น.ส.พัชรินทร์ พฤกษาฉิมพลี ชาวปกาเกอญอ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ได้กล่าวถึง พฤติกรรมของ ผอ.สถาบันชาติพันธุ์ฯ ที่เรียกเด็กๆ เข้าไปพบในห้องทำงานสองต่อสอง ชวนคุย ให้ช่วยจัดโต๊ะทำงาน พิมพ์งาน และชอบเรียกใช้งานเป็นการเฉพาะ"


 


น.ส.ก กล่าวต่อว่า ตนรู้สึกช็อคกับสิ่งที่รุ่นน้องๆ เขียนมาเพราะสิ่งที่อาจารย์ทำเหมือนกับที่พวกตนเคยโดนมาก่อนสมัยปี 1 ตอนนั้นปี 2543 อาจารย์เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ๆ แกบอกให้พวกเราใช้ชีวิตรวมหมู่ในบ้านที่แกเช่าไว้ ใครได้เงินจากทางบ้านมาก็เอามารวมกันไว้ เย็นมาก็ทำกับข้าวกินด้วยกัน ใครนวดเก่งนวดดี แกเรียกขึ้นไปนวดหมด คือเราไม่ได้สนใจแกจะเรียกคนไหนก็ไปบีบแข้งบีบขา แล้วแกก็จะคุยตามสไตล์แก คือ พวกเราไม่รู้เพราะเป็นเด็ก เข้าไปปีหนึ่งก็ไม่รู้เรื่องอะไร เราก็เคารพนับถือ อายุแกก็เท่ากับพ่อเรา ตอนนั้นเราเคารพและเทิดทูนในอุดมการณ์ของแกมาก


 


"ผอ.คนนี้มีจิตวิทยาสูง คนที่แกชอบแต่ละคน แกจะให้อยู่กับแกตลอด ช่วงนั้นมีอาจารย์มาจากกรุงเทพฯ แกก็พาหนูไปลงพื้นที่กับแก หนูจะได้ไปกับแกตลอด ตั้งแต่เชียงราย เชียงใหม่ แม่อาย จนหนูว่า หนูหลงแก เพราะไม่เคยมีใครมาทำอย่างนี้กับเรา แล้วหนูก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อน แกเริ่มลูบหัวหนูก่อน ผู้ชายได้คืบเอาศอก เราก็ไม่ว่าอะไร ก็นึกว่าเป็นพ่อเรา แล้วก็เริ่มลูบตัวเรา มีวันหนึ่งแกขับรถไป แล้วแกบอกว่า ผมเมารถ หนูก็นึกว่า ครีมทาผิวของหนูทำให้แกเมารถ อยู่ดีๆ แกก็เอามือหนูขึ้นมาดม หนูคิดว่า อย่างนี้ไม่ใช่แล้ว หนูจึงตัดสินใจไปเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ ฟังว่า หนูโดนอะไร แต่ไม่มีใครเชื่อหนูสักคน เพราะภาพที่เห็นกับสิ่งที่หนูพูดให้ฟังคนละอย่าง หลังจากที่หนูเล่าให้เพื่อนฟัง แกน่าจะรู้จากเพื่อนหนู จากนั้น แกก็เริ่มพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ส่งหนูไปอยู่พื้นที่วิจัยไกลๆ เกือบ 3 เดือน ต่อมาหนูก็ออกจากศูนย์ชาติพันธุ์ฯไป" น.ส.ก กล่าว


 


น.ส.ก กล่าวต่อว่า ภายหลังตนได้คุยกับเพื่อนๆ ร่วมรุ่น ปรากฏว่าไม่ใช่ตนคนเดียวที่โดนกระทำแบบนี้ ยังมีเพื่อนผู้หญิงอีกหลายคนที่โดน ตอนแรกตนคิดว่า ผอ.สถาบันชาติพันธุ์ฯมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วน่าจะเลิกนิสัยแบบนี้เสียที อีกทั้งได้ข่าวจากเว็บไซต์ว่ากรณีที่เกิดขึ้น ทางมหาวิทยาลัยไม่ยอมดำเนินการใดๆ กับ ผอ.สถาบันชาติพันธุ์ฯคนนี้ ดังนั้นตนในฐานะรุ่นพี่และเคยถูกกระทำมาก่อนจึงตัดสินใจที่จะร่วมเปิดเผยถึงพฤติกรรมของ ผอ.คนนี้และเตือนน้องๆ นักศึกษาผู้หญิงไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเหมือนกับที่พวกตนเคยโดนมา


 


ด้าน รศ.วิระดา สมสวัสดิ์ ผอ.ศูนย์สตรีศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า การลวนลามและล่วงละเมิดทางเพศ หรือปัจจุบันนักวิชาการสายสตรีบางกลุ่ม เรียกว่า "อาชญกรรมทางเพศ" ในมหาวิทยาลัย สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาสำคัญของสังคมไทยที่มองไม่เห็น "ระบบคิดชายเป็นใหญ่" ทั้งในมหาวิทยาลัยและสังคมภายนอก แม้กระทั่งกระบวนยุติธรรมเองก็มุ่งมองไปที่ว่า ผู้หญิงเป็นสาเหตุของการกระทำ เช่น ยอมหรือเปล่า ยั่วยวนหรือเปล่า แต่งตัวไม่สมควรหรือเปล่า ไปอยู่ที่ที่ไม่เหมาะสมหรือเปล่า ให้ท่าเขาหรือเปล่า แทนที่จะดูว่าเมื่อมีการกระทำเกิดขึ้นแล้วผู้ชายเป็นผู้กระทำความผิด ต้องมองว่า เขาทำเมื่อไหร่ อย่างไร ความเสียหายเกิดขึ้นอย่างไร ไม่ใช่ไปโทษผู้หญิงว่า เป็นต้นเหตุแห่งการกระทำ นี่ คือ สังคมชายเป็นใหญ่


 


รศ.วิระดา กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องของความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่สังคมมักเห็นว่า ผู้ชายทำต่อผู้หญิงไม่ผิด ผู้ใหญ่ผู้ชายทำกับเด็กผู้หญิงไม่ใช่ความผิด ถ้าหากมีเรื่องชาติพันธุ์ด้วยก็ยิ่งแย่ไปใหญ่ เพราะเด็กชาติพันธุ์มีสถานะด้อยกว่าเด็กพื้นราบอื่นๆ อยู่แล้ว พวกเขามีความเสียเปรียบทางสังคมวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมือง  


 


"เสียงของพวกเขาไม่ดังเท่า พูดอะไรคนไม่ค่อยฟัง แค่ความเป็นผู้หญิงพูดอะไรคนก็ฟังน้อยกว่าหรือไม่ชัดเท่าผู้ชายพูดอยู่แล้ว นี่เป็นผู้หญิงที่เป็นเด็กและเป็นชาติพันธุ์ด้วยยิ่งหนัก เป็นพลเมืองลำดับที่เท่าไหร่ไม่รู้ ดังนั้นเราจึงต้องเอาใจใส่พวกเขาให้มากๆ  ไม่ใช่เริ่มต้นด้วยการมีอคติ ทำเพิกเฉย ปกปิดปัญหา หรือปกป้องตนเองด้วยการเรียกร้องให้พยานที่ถูกกระทำทางเพศออกมาพูด เพราะเรื่องพยานสำหรับคดีล่วงละเมิดทางเพศเป็นปัญหามานานแล้ว กระทั่งกระบวนการเคลื่อนไหวผู้หญิง บอกว่าต้องมีการสอบสวนพิเศษ กันพยานไม่ให้เจอกับผู้ต้องหา ต้องมีระบบการสอบสวนที่ไม่ให้มีการคุกคามซ้ำ มีนักจิตวิทยาและสังคมสงเคราะห์ มีพนักงานสืบสวนหญิงที่รู้จักและเข้าใจการคุกคามทางเพศ การล่วงละเมิดทางเพศ อาชาญกรรมทางเพศ  เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่เป็นการกระทำผิดต่อสังคม เราต้องเปิดกว้าง รับฟังว่า เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว เราจะทำกันอย่างไรดี เราค่อยๆ ทำให้มีระบบยุติธรรมที่ใช้ได้ จะช่วยทำอย่างไรให้ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขเยียวยา" ผอ.ศูนย์สตรีศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าว


 


อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีปัญหาดังกล่าวนั้น ปัจจุบันทางมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายยังคงปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว และยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ต่อกรณีปัญหาพฤติกรรมของ ผอ.สถาบันชาติพันธุ์ฯ ล่าสุดแหล่งข่าวจากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายแจ้งว่า ทางมหาวิทยาลัยให้เจ้าหน้าที่ รปภ. กวดขันและจับตาการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาต่อเรื่องนี้อย่างจริงจัง อีกทั้งมีข่าวลือในกลุ่มเจ้าหน้าที่ว่า ทางมหาวิทยาลัยจะทำการตรวจสอบการแสดงความคิดเห็นของบุคลากรที่พักอยู่ในหอพักมหาวิทยาลัยผ่านรหัส IP ของห้องพักแต่ละห้องด้วย


 


นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ทางศูนย์สตรีศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะจัดเวทีเสวนาเรื่อง "อาชญกรรมทางเพศ เหตุเกิดในมหาวิทยาลัย" โดยจะเชิญตัวแทนนักศึกษาและ เจ้าหน้าที่ที่เคยถูกลวนลามและล่วงละเมิดทางเพศในหลายสถาบัน เครือข่ายสตรีชาติพันธุ์และนักศึกษาคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ มาพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกันด้วย. 


 


 


ข้อมูลประกอบ


สำนักข่าวประชาธรรม


 


 


อ่านข่าวต่อเนื่อง


นศ.มรภ.เชียงราย เขียนจดหมายแฉพฤติกรรม ผอ.ชาติพันธุ์ฯ หลอกมาเรียนก่อนปล่อยให้เคว้ง


http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2_comment.php?mod=mod_ptcms&ContentID=7034&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai


 


นศ.มรภ.เชียงรายโวยถูก ผอ.ศูนย์ชาติพันธุ์หลอกให้เรียนฟรี แต่กลับต้องกู้เงินจนเป็นหนี้ทั้งชั้น


http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=6808&SystemModuleKey=HilightNews&SystemLanguage=Thai


 


นศ.ชนเผ่าสุดทนบุกสำนักงานอธิการบดี มรภ.เชียงรายยื่นหนังสือตามความคืบหน้า


http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=6965&SystemModuleKey=HilightNews&SystemLanguage=Thai


 


มรภ.เชียงรายแจงรอสอบข้อเท็จจริงกรณี นศ.ร้องเรียน ผอ.สถาบันชาติพันธุ์ฯลวงมาเรียน


http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=6852&SystemModuleKey=HilightNews&SystemLanguage=Thai


 


กรณี มรภ.เชียงรายกับ น.ศ.ชนเผ่าลาม สนนท. ออกโรงเรียกร้องความเป็นธรรม


http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=6928&SystemModuleKey=HilightNews&SystemLanguage=Thai

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net