การเมือง
"สมคิด"อ้างชาติยอมลาออก"สุรยุทธ์"สั่งยุบ กก.พอเพียง
เว็บไซต์คมชัดลึก- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวเปิดใจลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้แต่งตั้ง
เขากล่าวว่า ช่วงหลังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นทำให้ไม่สบายใจ ที่จริงแล้วเป็นคนพูดน้อย ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่พูดมาก แต่วันนี้คิดว่าถึงจุดที่ควรจะพูด เพราะเป็นเรื่องของบ้านเมือง ผลประโยชน์ของบ้านเมืองนั้นต้องมาก่อนเหนือสิ่งอื่นใด และสืบเนื่องจากที่ พล.อ.สุรยุทธ์ ได้มอบหมายให้มาช่วยงานในรัฐบาล หลังจากนั้นก็ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และเรียกร้องให้แถลงจุดยืนในการทำงานที่แน่ชัด จึงขอชี้แจงดังนี้ว่า ตลอดช่วงระยะเวลา 6 ปีแห่งการทำงานการเมือง จุดยืนของตนคือตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีจุดหมายเพื่อประโยชน์และความมั่นคงของชาติบ้านเมือง และสถาบันพระมหากษัตริย์
"มีผู้ตั้งข้อสังเกตคลางแคลงใจในความสัมพันธ์ของตนกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็อยากบอกไว้ตรงนี้ว่า ภายหลังจากการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ผมไม่เคยติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านมีความคิด มีแนวทางในการดำเนินงานของท่าน ผมก็มีความคิด มีหลักการและมีแนวทางในการดำเนินงานของตัวเองอย่างเป็นอิสระ เด็ดขาด แยกออกจากกันชัดเจน จริงๆ แล้วแนวความคิดของท่านกับของผมนั้นเป็นคนละแนวทาง" โดยนายสมคิดยืนยันว่า ความเห็นแตกต่างกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนหน้าการยึดอำนาจ จนบางครั้งก็เป็นสาเหตุให้เกิดความไม่ไว้ใจ นำไปสู่การปรับเปลี่ยนตำแหน่งทางการเมือง และอะไรอีกหลายอย่างในภายหลัง
"มีผู้ถามผมว่า ทำไมถึงไม่ลาออกในช่วงท้ายของรัฐบาลที่แล้ว ก็อยากจะกราบเรียนว่า ในฐานะที่เป็นคนที่ต้องรับผิดชอบดูแลปัญหาเศรษฐกิจ การจะละทิ้งภาระความรับผิดชอบนั้นไม่ใช่ของง่าย ประเทศขาดดุลการค้าเดือนละ 7-8 หมื่นล้านบาท 6 เดือนต่อเนื่อง คูณกันแล้วเป็นแสนๆ ล้าน ค่าเงินบาทขณะนั้นกำลังไหลตัวลง เพราะการขาดความเชื่อมั่น ภาวะเงินเฟ้อพุ่งทะยานอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งก็ได้ไปปรึกษาหารือผู้ใหญ่หลายๆ ท่าน ก็ได้รับคำแนะนำว่า ตราบใดที่เรายังอยู่ในตำแหน่งและสามารถทำงานให้บ้านเมืองได้ ขอให้ช่วยดูแลปกป้องผลประโยชน์ของบ้านเมือง และนั่นคือความรับผิดชอบของคนที่ทำงาน ไม่ใช่เพื่อตำแหน่งแต่ประการใด"
นายสมคิด ย้ำว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น จำเป็นจะต้องเร่งอธิบาย เพื่อไม่ให้คลาดเคลื่อน ผิดพลาด การที่สื่อมวลชนระดับโลกรายงาน แล้วมีผู้อ่านนับล้านคนในประเด็นที่คลาดเคลื่อน ถือเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ถ้าปล่อยไว้ความเสียหายจะบังเกิด จะระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาท ตนเฝ้าดูว่ามีคนจะชี้แจงหรือไม่ ซึ่งเห็นว่ามีน้อย จึงได้อาสาที่จะชี้แจง เป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยรัฐบาล แต่ก็น่าเสียใจและน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ที่ความตั้งใจดีความมุ่งมั่นที่บริสุทธิ์ของตน ได้รับการตีความที่แตกต่างออกไป มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งคิดว่าเป็นเพราะว่ายังขาดความเข้าใจและสื่อความต่อกันที่ดีพอ บางครั้งก็รู้สึกผิดหวัง แต่ก็ไม่ถือโทษโกรธใครเลย
"พระเจ้าอยู่หัวกล่าวสอนพวกเราว่า การที่เมืองไทยนั้นดำรงความเป็นชาติอยู่ได้ ก็เพราะพวกเรามีความสามัคคี ปรองดอง ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างชาติ สร้างแผ่นดิน ฉะนั้น เมื่อมีความไม่เข้าใจอยู่สูง ผมเองมีความไม่สบายใจ หากความตั้งใจดีของผมในการที่จะเข้ามาช่วยบ้านเมืองจะกลับกลายเป็นชนวนที่ทำให้เกิดการไม่เข้าใจ แตกแยกมากไปกว่านี้ ได้กราบเรียนปรึกษากับนายกรัฐมนตรีว่า ท่านครับภารกิจที่ท่านมอบหมายให้ผมนั้น เนื่องจากในขณะนี้ยังมีผู้ที่ยังไม่เข้าใจ กระแสแห่งความไม่เข้าใจอยู่สูงมาก อาจจะนำไปสู่ปัญหาแห่งความขัดแย้งในสังคม ฉะนั้นผมอยากให้ยุติความขัดแย้งนี้เสียแต่เนิ่นๆ ไม่ให้เป็นภาระกับท่านนายกฯ"
ด้าน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนคณะกรรมการก็ต้องยกเลิกไปก่อน เพราะนายสมคิด ซึ่งถือว่าเป็นคนสามารถทำงานตรงนี้ได้ ได้ลาออกไปแล้ว ก็ต้องยุติ
ผู้รับเหมาอาคารสุวรรณภูมิยอมรับแบบผิด พ.ร.บ.จริง
ผู้จัดการออนไลน์ - นายวันชัย วิมุกตายน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็ค คอนซัลแท้นส์ จำกัด และกรรมการบริหาร กลุ่มกิจการร่วมค้า เมอร์ฟีย์ จาห์น แทมส์ แอ็ค (MJTA) กล่าวในการประชุมชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องการออกแบบอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กับสภาวิชาชีพ ซึ่งประกอบด้วย สภาวิศวกร สภาวิศวกรรมสถาน และสมาคมสถาปนิกสยาม โดยมีการนำพิมพ์เขียวของแบบอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มาแสดงกับสื่อมวลชน เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการออกมาระบุว่า พิมพ์เขียวของแบบอาคารผู้โดยสารบางส่วนหายไป
เขายืนยันว่า พิมพ์เขียวทุกฉบับมีการลงนามรับรองจากผู้บริหาร บมจ.ท่าอากาศยานไทย และทุกครั้งที่มีการแก้ไขแบบทั้ง 24 ครั้ง ก็มีการลงนามรับรองทุกครั้งเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าแบบก่อสร้างอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผิด พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้จริง หลังจากเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งก็จะมีการหารือกับผู้บริหาร ทอท. เพื่อดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง ยืนยันว่า แบบอาคารที่ผิด พ.ร.บ.ดังกล่าว ไม่ได้มีผลเสียหายมากนัก และยอมรับว่า มีแบบอาคารบางแห่งในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ที่เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.นี้เช่นกัน โดยการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีทางออกให้หมดแล้ว โดยสามารถออกเป็นกฎกระทรวงแก้ไขได้
สถานการณ์สื่อ
'ธีรภัทร์' ยอมไม่ได้ "พีทีวี" ผ่านดาวเทียมผิด กม.
เว็บไซต์เดลินิวส์ - นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทยจะตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวีว่า รัฐบาลจะไม่ยอมให้มีการตั้งสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเกิดขึ้นและทำผิดซ้ำอีก เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการเลือกปฏิบัติ ทั้งนี้ได้เชิญอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์มาให้ข้อมูลเรื่องนี้รวมทั้งข้อมูลของเอเอสทีวีว่าเมื่อไม่มีกฎหมายรองรับจะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเสมอภาค และจะไม่ทำให้ปัญหาบานปลาย
กรมประชาฯ เตือน PTV ดื้อออกอากาศ จับแน่!
เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ย้ำว่า ถ้าพีทีวีออกอากาศ ในวันที่ 1 มีนาคมนี้ ถือว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมาย กรมประชาสัมพันธ์ในฐานะเจ้าหน้างาน ตามพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ 2498 จะแจ้งความจับ แต่ไม่อยากให้เรื่องไปถึงตรงนั้น จึงขอให้มาพูดคุยทำความเข้าใจกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบผู้บริหารและผู้จดทะเบียนบริษัท เพื่อแจ้งให้มาหารือโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ ขณะนี้มีสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเถื่อน ที่เปิดบริการในลักษณะนี้อยู่ในประเทศไทยกว่า 20 สถานี
"สนธิ"จี้สอบแหล่งเงินพีทีวี - เรียกบิ๊กช่อง 3 เค้นข้อมูล
ผู้จัดการออนไลน์ - "สนธิ" กล่าวในรายการยามเฝ้าแผ่นดินที่ออกอากาศทาง ASTV และช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ คืนวันที่ 21 ก.พ.ว่า ไม่เห็นด้วยที่นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ จะห้ามไม่ให้พีทีวีออกอากาศ ควรจะให้ออกอากาศได้หากวิธีการทำงานเหมือนกับเอเอสทีวี นั่นคือผลิตเนื้อหาในประเทศแล้วส่งผ่านอินเทอร์เน็ตออกไปยิงขึ้นดาวเทียมในต่างประเทศ ซึ่งไม่ผิด พ.ร.บ.วิทยุและโทรทัศน์ ที่ห้ามการตั้งสถานีส่งสัญญาณในไทยและใช้ความถี่ของประเทศไทย
นายสนธิ กล่าวอีกว่า เอเอสทีวีดำเนินการอย่างถูกต้อง แต่ในช่วงที่ตนออกมาต่อสู้กับระบอบทักษิณ รัฐบาลได้หาเรื่องปิดเอสเอสทีวี โดยให้กรมประชาสัมพันธ์ส่งหนังสือไปบอก กสท เพื่อบีบให้บริษัทไอเอสเอสพี ระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่เอเอสทีวี ซึ่งเอเอสทีวีไม่ยินยอม กรมประชาสัมพันธ์ จึงยื่นฟ้อง และเอเอสทีวีได้ร้องต่อศาลปกครอง ซึ่งศาลปกครองก็มีคำสั่งคุ้มครอง ห้ามมีการระงับการให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่เอเอสทีวี และต่อมาประชาชนผู้ชมรายการได้ไปยื่นร้องศาลปกครองสูงสุด ซึ่งก็ได้มีคำสั่งคุ้มครองเช่นกัน
นายสนธิ ตั้งข้อสังเกตในการก่อตั้งพีทีวีว่า พีทีวี มีข้อกังขาอยู่หลายประการ เช่น เอาเงินมาจากไหน นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธ์ และนายจักรภพ เพ็ญแข ไม่มีเงินมากพอ การที่จะทำพีทีวีเหมือนเอเอสทีวีนั้น ต้องมีอุปกรณ์ มีค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 50 -60 ล้านบาทอย่างน้อย ค่าใช้จ่ายต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ถามว่า ใครเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ พีทีวีต้องแจงที่มาของเงิน ตนเชื่อว่าค่าใช้จ่ายของพีทีวี คือเงินของพรรคไทยรักไทย 100 เปอร์เซ็นต์
สปน.ยึดรถไอทีวี ขายทอดตลาด
เว็บไซต์คมชัดลึก - สปน.ยึดรถไอทีวี 12 คัน ขายทอดตลาด เนื่องจากสัญญาที่ทำระหว่างสปน.และไอทีวีระบุว่า ทรัพย์สินทั้งหมดของไอทีวีก็เป็นทรัพย์สินของสปน. นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) กล่าวว่า รถที่สปน.ยึดมานี้ไม่เกี่ยวกับการชดใช้ค่าสัมปทาน หรือการขายทรัพย์สินของไอทีวีให้ สปน. เพราะอย่างไรก็ตามทรัพย์สินไอทีวีเป็นของ สปน. อยู่แล้ว
นายจุลยุทธ กล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครอง ยกคำร้องไอทีวีขอคุ้มครองฉุกเฉินไปแล้ว ในส่วนของ สปน.ก็จะทำตามคำพิพากษาที่มีอยู่ต่อไป โดยในวันที่ 6 มีนาคม ถือว่าเป็นวันสิ้นสุดในการปฏิบัติตามสัญญาตามข้อตกลงที่ไอทีวีต้องนำเงินสดค่าปรับและค่าสัมปทานมาชำระให้ สปน. ตามที่ตกลงไว้ หากเกินวันที่ 6 ถือว่าไอทีวีผิดสัญญาสปน.จะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาทันที
ช่อง 3 ตีปีกเพิ่มเวลารับโฆษณา
ผู้จัดการรายวัน - นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่าย ฝ่ายการเงิน บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 เปิดเผยว่า ช่อง 3 มีนโยบายที่จะพยายามจัดผังเวลาของผังรายการ รวมทั้งการสร้างช่วงเวลาโฆษณาให้มากขึ้น เพื่อรองรับกับปริมาณสินค้าและบริการที่จะมาลงโฆษณากับช่อง 3 ซึ่งมีสัญญาณบ่งบอกว่าจะเพิ่มมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุหนึ่งที่ช่อง 3 เตรียมรับงบโฆษณาเพิ่มขึ้นเนื่องจากว่า คู่แข่งอีก 2 รายคือ ช่อง โมเดิร์นไนน์กับช่องไอทีวี กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีปัญหาทั้งสองช่อง ส่งผลให้เม็ดเงินไหลออกไปบ้าง ซึ่งส่วนหนึ่งก็น่าจะไหลเข้าช่อง 3 ด้วย
คตส.ออนแอร์'แกะรอยคอร์รัปชั่น' 9 มี.ค.นี้
กระแสหุ้นออนไลน์ - นายแก้วสรร อติโพธิ ในฐานะเลขานุการ คตส. กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมเช่าเวลาโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 เพื่อเผยแพร่เรื่องราวทุจริต ว่า อยู่ระหว่างการเตรียมการ กำหนดจะเริ่มออกอากาศวันที่ 9 มีนาคมนี้ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง รูปแบบรายการจะเน้นให้ประชาชนเห็นถึงปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ตั้งชื่อรายการว่า "แกะรอยคอร์รัปชั่น" เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่า มีช่องทางในการคอร์รัปชั่นมาก ทั้งนี้รูปแบบของรายการจะนำเสนอถึงปัญหาของรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นสมัยพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคชาติไทย เช่น โครงการเทิร์นคีย์ ซึ่งถือเป็นโครงการยอดแสบที่เปิดช่องทางให้มีการคอร์รัปชั่นโกงกิน เพื่อให้ประชาชนได้รับความรู้เกี่ยวกับการคอร์รัปชั่น
ความมั่นคง
สนช.รับหลักการร่างพ.ร.บ.ศอ.บต.วาระแรกด้วยคะแนนเสียง 95 ต่อ 11 เสียง
ไอ.เอ็น.เอ็น. - สภานิติบัญญัติแห่งชาติ รับหลักการร่างพ.ร.บ.ศอ.บต. ด้วยคะแนนเสียง 95 ต่อ 11 เสียง และให้ตั้งกรรมาธิการแปรญัตติใน 7 วัน
ก่อนหน้านี้ สมาชิกส่วนใหญ่แสดงความเป็นห่วงว่า เหตุใด ศอ.บต.จึงขึ้นตรงต่อกระทรวงมหาดไทยเพียงกระทรวงเดียว ทั้งที่ศอ.บต. มีหน่วยงานที่สังกัดหลายกระทรวงซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินงาน ขณะที่นายวิษณุ เครืองามสมาชิก สนช.สนับสนุน ให้มีร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ แต่เห็นว่าควรมีการพิจารณาแก้ไขในรายละเอียด เพื่อให้เกิดความชัดเจนเพราะกฎหมายฉบับดังกล่าวไม่ใช่จะแก้ปัญหาภาคใต้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่เป็นกฎหมายของฝ่ายปกครองพลเรือนซึ่งไม่ได้ให้อำนาจหน้าที่อย่างเต็มที่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ากระทรวงมหาดไทยนั้น เชื่อว่ากระทรวงมหาดไทยจะได้รับผลประโยชน์อย่างแน่นอน เพราะมีการแต่งตั้งรองปลัดกระทรวงเพิ่มอีก 1 ตำแหน่ง
"อภิรักษ์" สั่ง 50 เขตระวังเหตุร้ายป่วนกรุงเทพฯผบช.น.สั่ง ตร.ห้ามขาดห้ามลา-ตั้งด่าน 24 ชม.
เว็บไซต์คมชัดลึก - "อภิรักษ์" ร่อนหนังสือ 50 เขต ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังเหตุรุนแรงในพื้นที่ กทม. ทั้งโรงเรียน สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน-บีทีเอส ห้างสรรพสินค้า และงานมหรสพต่างๆ ป้ายรถเมล์ ให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ ระดมตำรวจ ทหาร เทศกิจ ตรวจตราตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมขอความร่วมมือประชาชนเป็นหูเป็นตาแจ้งข่าวสารหากพบเห็นสิ่งผิดปกติ ผบช.น.สั่งลูกน้องห้ามลาห้ามขาดในวันมาฆบูชา ตั้งด้านตรวจ 24 ชม.
ที่ประชุม ก.ตร. แต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผบ.ตร.ถึง ผบก. รวม 57 ตำแหน่ง
กรมประชาสัมพันธ์ - ภายหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. นานกว่า 5 ชั่วโมง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลีกเลี่ยงที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน กล่าวแต่เพียงว่า เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการประชุม ก.ตร. ครั้งนี้ มีการพิจารณาทั้งสิ้น 57 ตำแหน่ง ในระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงผู้บัญชาการ 15 ตำแหน่ง และระดับรองผู้บัญชาการ ถึงผู้บังคับการ 42 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.ต.ท.ชาญวุฒิ วัชรพุกก์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ธีรจิตร์ อุตมะ ที่ปรึกษา (สบ 9) เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ถาวรศักดิ์ เทพชาตรี ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ 9), ส่วน พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวโยกย้าย เนื่องจากผลงานไม่เป็นที่น่าพอใจ ถูกสับเปลี่ยนตำแหน่งกับ พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6, พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงเรียนหลายแห่ง และไม่มีความคืบหน้าในการคลี่คลายคดี ถูกย้ายมาเป็นจเรตำรวจ แทน พล.ต.ต.บุญเรือง ผลพาณิชย์ ที่ถูกย้ายไปเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ส่วน พล.ต.ท.สุวัฒน์ ธำรงศรีสกุล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ถูกย้ายมาเป็นผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยให้ พล.ต.ท.วราสิทธิ์ พรเลิศ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3, พล.ต.ต.บุญชอบ คงน้อย รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4, พล.ต.ท.เจตนากร นภีตะภัฎ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ทำให้ พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพียงตำแหน่งเดียว
ส่วนพล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น ผู้คับการตำรวจท่องเที่ยว ขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และให้ พล.ต.ต.จิตต์เจริญ เวลาดีวงณ์ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ เป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยวแทน, พล.ต.ต.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เป็นผู้บังคับการจังหวัดนครนายก, พล.ต.ต.พจนีย์ สุนทรเกศ รองแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ขึ้นเป็นแพทย์ใหญ่ แทน พล.ต.ท.วรพจน์ เลิศลักษณา ซึ่งย้ายมาเป็นผู้บัญชาการประจำ
เศรษฐกิจ
คลัง สรุปงบปี 51 ขาดดุล 1.2 แสนล้านบาท
เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - คลังได้ข้อสรุปงบประมาณปี 2551 ตั้งรายจ่าย 1.635 ล้านบาท ขาดดุลที่ 1.2 แสนล้านบาท หรือเท่ากับ 1.3% ของจีดีพี บนพื้นฐานเศรษฐกิจจะขยายตัว 5%
นายสมหมาย ภาษี รมช.คลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะทำงานพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2551 ที่มีม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานว่า ที่ประชุมเห็นชอบในกรอบวงเงินงบประมารรายจ่ายที่ 1.635 ล้านล้านบาท โดยมีรายรับสุทธิที่ 1.515 ล้านล้านบาท ทำให้เป็นงบขาดดุลที่ 1.2 แสนล้านบาท หรือเท่ากับ 1.3% ของจีดีพี
ทั้งนี้เป็นการขาดดุลที่ต่ำกว่าปีงบประมาณปัจจุบันที่ขาดดุล 1.7% อันเป็นไปตามความต้องการของรัฐบาลชั่วคราวชุดนี้ ที่ไม่ต้องการให้คนมองว่ามีการใช้จ่ายที่มากเกินไป ดังนั้นจึงควบคุมการขาดดุลให้ต่ำลง
ขณะเดียวกันงบประมาณปี 2551 ก็จะเพิ่มงบลงทุนให้สูงขึ้น โดยอยู่ที่ 25.5% ของงบประมาณรายจ่าย ขณะ ที่ปีงบประมาณปัจจุบัน อยู่ที่ 24% ขณะเดียวกันจะควบคุมรายจ่ายประจำ ไม่ให้สูงกว่าปีงบประมาณปัจจุบัน ที่มีรายจ่ายประจำที่ 72.5% ส่วนรายจ่ายที่ส่งให้กับรัฐบาลท้องถิ่น กำหนดไว้ที่ 25.2% และมีงบชำระหนี้ 11%ของงบประมาณ ซึ่งต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดไว้ 15%
สมมติฐานในการกำหนดกรอบงบประมาณดังกล่าว มาจากคาดกการณ์ว่า จีดีพี ปีหน้าจะอยู่ที่ 5% และมีเงินเฟ้ออยู่ที่ 3% ดังนั้น Nominal GDP จะอยู่ที่ 8% หรือจีดีพี ในปีหน้าจะเท่ากับ 9,078,800 ล้านบาท การคาดการณ์ดังกล่าว เพราะเชื่อว่าสถานการณ์การเมืองปีหน้า จะดีขึ้นปัญหาการเมืองมีน้อยลง รวมถึงปัจจัยภายนอกคือ ดอกเบี้ย น้ำมัน และเงินเฟ้อ มีความผันผวนน้อยลง ทั้งนี้จะนำกรอบงบดังกล่าวเข้าครม.ในสัปดาห์หน้า
รมว.พาณิชย์ สั่งทบทวนมาตรฐานข้าวส่งออกไทย
ไอ.เอ็น.เอ็น.- นายเกริกไกร จีระแพทย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบให้นางอรนุช โอสถานนท์ รมช.พาณิชย์ และนายการุณ กิตติสถาพรปลัดกระทรวงพาณิชย์ ทบทวนมาตรการข้าวหอมมะลิไทยในการส่งออก หลังจากได้รับรายงานจากผู้ส่งออกว่า การกำหนดมาตรฐานข้าวหอมมะลิที่สูง เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก ทำให้การส่งออกไม่คล่องตัวเท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ตามการปรับมาตรฐานจะต้องไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ของข้าวหอมมะลิในตลาดโลก ซึ่งเป็นข้าวที่มีคุณภาพสูงนอกจากนี้ รมว.พาณิชย์ยังกล่าวอีกว่า การปรับมาตรฐานข้าวหอมมะลิ เพื่อผลักดันการส่งออก จะต้องมีสูตรในการคำนวณอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
รมว.แรงงานลงพื้นที่ติดตามการปล่อยเงินกู้ให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
กรมประชาสัมพันธ์ - นายอภัย จันทจุลกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจแก่บุคลากรในสังกัด โดยติดตามการดำเนินงานการให้ประชาชนกู้ยืมเงินเพื่อการลงทุนที่ธนาคารออมสิน สาขา อ.เมือง จ.นราธิวาส
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงเรื่องการให้เงินกู้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ ของจังหวัดสงขลา ว่า รัฐบาลได้มอบเงินจังหวัดละ 100 ล้านบาท ให้ธนาคารกรุงไทยและธนาคารออมสิน ธนาคารละ 50 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้กู้ยืมไปลงทุนในการประกอบธุรกิจ โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 5 บาท ต่อปี แต่อย่างไรก็ตามพบว่ามีผู้เข้ามากู้ยืมเงินเพื่อการลงทุนน้อยมาก ส่วนหนึ่งอาจมาจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ไม่กล้าที่จะลงทุนประกอบธุรกิจในพื้นที่
ต่างประเทศ
ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติเจ้าหญิงมาซาโกะระบุ ยิ่งเซ็นเซอร์หนังสือ ยิ่งเพิ่มยอดจอง
ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - สำนักพระราชวังญี่ปุ่น ยังคงทำทุกวิถีทาง ไม่ให้หนังสือชีวประวัติของเจ้าหญิงมาซาโกะ แห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น ที่เขียนโดยเบ็น ฮิลล์ นักเขียนชาวออสเตรเลีย เข้ามาในประเทศ และกดดันให้ยุติการวางจำหน่วย พร้อมกับเรียกร้องให้นักเขียนออกมากล่าวขอโทษ
นักเขียนชาวออสเตรเลียกล่าวว่า การเคลื่อนไหวของของสำนักพระราชวังญี่ปุ่น ยิ่งเป็นการเพิ่มยอดสั่งจองหนังสือ โดยขณะนี้ยอดสั่งจองหนังสือของเขาในเวบไซต์อเมซอน สูงกว่าทั้งของแฮรี่ พ๊อตเตอร์ ตอนเสียงเพรียกแห่งความตาย
นักเขียนชาวออสเตรเลีย กล่าวว่า สำนักพระราชวังและรัฐบาลญี่ปุ่น ไม่สามารถระบุถึงเหตุผลที่ชัดเจนในการห้ามไม่ให้หนังสือได้รับการเผยแพร่ แต่เขาก็คาดว่า อาจเพื่อป้องกันไม่ให้อาการเครียดของเจ้าหญิงมาซาโกะที่ไม่สามารถมีพระสูติการพระโอรสได้ต้องทรุดหนักลงไปอีก นอกจากนี้ เขายังได้กล่าวอีกว่า กรณีนี้ แสดงให้เห็นว่า ญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่ผู้คนพูดกันอย่างสุภาพนั้น มีมาตรการที่เข้มงวดซ่อนอยู่ ซึ่งเปรียบได้กับการซ่อนกำปั้นเหล็กไว้ในกำมะหยี
สำหรับหนังสือเกี่ยวกับราชวงศ์ญี่ปุ่น ที่กำลังเป็นประเด็นขัดแย้งกันขณะนี้ มีชื่อว่า เจ้าหญิงมาซาโกะ : นักโทษแห่งบัลลังก์เบญจมาศ โดย ผู้เขียนได้อ้างว่า ได้ทำการรวบรวมข้อมูลนาน 1 ปี มีการสัมภาษณ์คนจำนวนมาก ซึ่งในจำนวนนี้ บางคนเป็นเจ้าหน้าที่ในสำนักพระราชวังญี่ปุ่น และใช้เวลาเขียนอีกถึง 6 เดือน
ผอ.องค์การคุ้มครองทรัพย์สินฯ ทางปัญญาของยูเอ็น โกงอายุถึง 9 ปี เพื่อให้ได้เงินเดือนเพิ่ม
ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - ผู้อำนวยการองค์การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) โกงอายุถึง 9 ปี เพื่อให้ได้เงินเดือนเพิ่ม
หนังสือพิมพ์เลอ ตอมปส์ ในสวิตเซอร์แลนด์ รายงานว่า นายคามิล ไอดริส ผู้อำนวยการองค์การทรัพย์สินทางปัญญาของยูเอ็น แจ้งว่า เขาเกิดเมื่อปี 2488 ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเขาเกิดเมื่อปี 2497 ซึ่งการโกงอายุตลอด 23 ปี ทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการเร็วขึ้น ได้รับเงินเดือนมากขึ้นราวร้อยละ 15-30
รายงานระบุว่า นายไอดริส ไม่มีประสบการณ์ 10 ปี ตามที่เขาแจ้งไว้เมื่อเริ่มสมัครเข้าทำงานในองค์การดังกล่าวด้วย นายไอดริส สารภาพต่อเจ้าหน้าที่สอบสวนว่า เขาไม่ใส่ใจที่จะแก้ไขวันเดือนปีเกิดให้ถูกต้อง ด้านองค์การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของยูเอ็น ก็ยอมรับว่า นายไอดริส เกิดเมื่อปี 2497 ไม่ใช่ 2488
สิงคโปร์บุกอินเดียร่วมทุนพัฒนาสนามบิน 2 แห่ง
เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - สำนักข่าว AFP รายงานว่า ท่าอากาศยานนานาชาติ ชางงี ของสิงคโปร์ จับมือเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์กับกลุ่มบริษัททาทา ของอินเดีย เพื่อการลงทุน พัฒนาและการจัดการสนามบินหลายแห่งในอินเดีย โดยพันธมิตรทั้งสองจะตั้งบริษัทลงทุนร่วม เพื่อพัฒนาสนามบินเชนไนและสนามบินโคลคาต้า ที่กำลังอยู่ระหว่างการแปรรูปโดยรัฐบาลอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศโครงการเกี่ยวกับสนามบินทั้งสองแห่งภายในปีนี้
สนามบินเชนไน สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 6.77 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว และนับเป็นสนามบินที่คับคั่งที่สุดอันดับที่ 3 ของอินเดีย ส่วนสนามบินโคลคาท่า ได้ชื่อว่าคับคั่งที่สุดเป็นอันดับที่ 5ของประเทศ รองรับผู้โดยสารได้ 4.4 ล้านคน ซึ่งภายใต้บันทึกความเข้าใจ กลุ่มทาทาจะถือหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ในบริษัทใหม่ ส่วนท่าอากาศยานชางงีถือหุ้น 49 เปอร์เซ็นต์
สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น จับตาจีนเพิ่มขีดความสามารถทางทหาร
เอเอฟพี (ผ่านผู้จัดการออนไลน์) - ดิ๊ก เชนีย์ รองปธน.สหรัฐฯ และ ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ตกลงร่วมมือกันจับตาความเคลื่อนไหวของจีนอย่างใกล้ชิด ภายใต้ความกังวลหลังจีนใช้จ่ายด้านทหารเพิ่มมากขึ้น
ผู้นำของสองประเทศพิจารณากรณีของจีน ระหว่างการเจรจาที่กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรมทัวร์แปซิปิกของเชนีย์ เพื่อบรรเทากับความกังวลของพันธมิตรสหรัฐฯ ต่อกรณีของอิรักและเกาหลีเหนือ
เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศของญี่ปุ่น ที่ไม่เปิดเผยชื่อเผยว่าความกังวลต่อการที่จีนเพิ่มการใช้จ่ายทางทหารโดยกะทันหันปราศจากการโปร่งใส "พวกเขาตกลงกันว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีการจับตาการเพิ่มความสามารถทางอวกาศของจีน หลังมีการทดสอบยิงทำลายดาวเทียม" เขากล่าว
เมื่อเดือนที่ผ่านมาทางการจีนยืนยันได้ทดสอบอาวุธยิงทำลายดาวเทียมในอวกาศ ทำให้จีนเป็นหนึ่งใน 3 ประเทศต่อจากสหรัฐฯ และอดีตสหภาพโซเวียต ที่สามารถสอยดาวเทียมในอวกาศได้ การทดสอบดังกล่าวของจีน ถูกประณามจากญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ว่าเป็นภัยคุกคามต่อชาติอื่นๆ
เดนมาร์กเตรียมประกาศถอนทหารบางส่วนจากอิรัก
ผู้จัดการออนไลน์ - สำนักข่าวเดนมาร์ก รายงานว่า เดนมาร์กจะถอนทหารบางส่วนออกจากอิรัก เช่นเดียวกับอังกฤษ แต่รายงานไม่ได้ระบุจำนวนทหารที่เดนมาร์กจะถอนออกจากอิรัก ปัจจุบัน เดนมาร์กมีทหารประจำการในอิรัก 470 นาย โดยอยู่ภายใต้การบัญชาการของอังกฤษ และสูญเสียทหารไปแล้ว 5 นาย
การศึกษา คุณภาพชีวิต
ไทยใช้ "สเต็มเซลล์" รักษาโรคเสียงแหบสำเร็จรายแรกของโลก
ผู้จัดการออนไลน์ - นักวิจัยไทยพัฒนาสเต็มเซลล์รักษาโรคเสียงแหบ ถือเป็นนวัตกรรมใหม่รายแรกของโลก นักวิจัยไทยจับมือนักวิจัย ม.วิสคอนซิน สหรัฐ ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์การวิจัยสเตมเซลล์รักษาโรค เลขาธิการ วช.มั่นใจไทยแข่งขันกับต่างประเทศได้ แต่ต้องใช้พรสวรรค์เพิ่ม เหตุได้รับการสนับสนุนน้อย
ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เป็นประธานต้อนรับในโอกาสที่ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ร่วมกับมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา จัดประชุมเรื่อง "เทคโนโลยีอุบัติใหม่ในเซลล์ต้นกำเนิด" (Emerging Technology on Stem Cell) ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 ก.พ.เพื่อเป็นเวทีให้นักวิจัยไทยได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การวิจัยสเต็มเซลล์กับผู้เชี่ยวชาญระดับโลก โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน (
ศ.ดร.อานนท์ บุณยะรัตเวช เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวถึงยุทธศาสตร์ชาติด้านการวิจัยสเต็มเซลล์ ว่า ต้องมีการวิจัยขั้นพื้นฐาน ค้นคว้าวิจัยระดับโมเลกุล ระดับเซลล์ เพื่อพัฒนาสู่ระดับที่ 2 คือ การพัฒนาเทคโนโลยีด้านสเต็มเซลล์ นำไปสู่ขั้นที่ 3 การใช้ประโยชน์ นำไปสู่การวิจัยทางคลินิก เพื่อรักษา บำบัดโรคต่างๆ ซึ่งทาง วช.ได้เริ่มโครงการวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน มหาวิทยาลัยมหิดล และหลายหน่วยงาน ตั้งแต่ปี 2543 จนถึงปัจจุบัน มีผลการวิจัยที่เป็นฝีมือของคนไทยประสบผลสำเร็จแล้วหลายโครงการ เช่น การรักษาภาวะเสียงแหบด้วยสเต็มเซลล์ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี การรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจด้วยสเตมเซลล์ที่สถาบันโรคทรวงอก
"ผลักดันการวิจัยการรักษาโรคหัวใจ โรคไต ระบบประสาท สมอง ทั้งพาร์กินสัน หลอดเลือดหัวใจ พยายามให้มีการวิจัยระดับคลินิก มีความร่วมมือของนักวิจัยขั้นที่ 2 และขั้นที่ 3 เพื่อให้เกิดผลดีกับคนไทย คำนึงถึงจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ ให้เกิดผลดี มีความปลอดภัย ขั้นที่ 3 ระดับคลินิก เราทำได้ผลดี เร็วๆ นี้จะมีข่าวดีออกมาอีก การรักษาเสียงแหบถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของโลก" ศ.ดร.อานนท์ กล่าว
ศ.ดร.อานนท์ กล่าวว่า สเต็มเซลล์ที่นำมารักษาผู้ป่วยเสียงแหบนั้น แพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี นำเลือดของผู้ป่วยมาพัฒนาเป็นสเต็มเซลล์ จากนั้นฉีดเข้าไปในร่างกายของผู้ป่วยที่มีอาชีพครู เส้นเสียงที่แหบเครือสามารถทำงานได้ดี พูดสอนนักเรียนได้เหมือนเดิม มีผู้ป่วยเสียงแหบที่รักษาด้วยสเตมเซลล์แล้ว 6 ราย ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา คณะผู้วิจัยอยู่ระหว่างติดตามผลอย่างใกล้ชิด ส่วนสเต็มเซลล์รักษาโรคหัวใจนั้น นำเลือดของผู้ป่วยมาพัฒนาเป็นสเต็มเซลล์ หลังจากนั้นฉีดกลับเข้าร่างกายผู้ป่วย วิจัยในผู้ป่วยรายแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2548 จนถึงปัจจุบัน มีคนไข้ในโครงการวิจัย 5 ราย ทุกรายปลอดภัย แพทย์และนักวิจัยติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ส่วนอนาคตกำลังวิจัยโรคข้อเสื่อม โรคหลอดเลือดหัวใจ สำหรับสเต็มเซลล์ได้จากส่วนต่างๆ ของร่างกาย ได้แก่ เลือด ไขกระดูก ผิวหนัง ไขมัน เป็นต้น
ศ.ดร.อานนท์ กล่าวด้วยว่า ศักยภาพนักวิจัยไทยไม่ด้อยกว่าชาวต่างชาติ แต่ต้องใช้พรสวรรค์มากกว่าต่างประเทศ เพราะประเทศไทยให้การสนับสนุนสู้ต่างประเทศไม่ได้ ดังนั้น ต้องใช้ความทุ่มเท ขอให้นักวิจัยมีพื้นความรู้ความเข้าใจการวิจัยระดับพื้นฐานให้มาก จากนั้นพัฒนาสู่การวิจัยระดับสเต็มเซลล์ ซึ่งเป็นการวิจัยขั้นสูง สร้างเครือข่ายการวิจัยร่วมกัน โดยนักวิจัยมีความจริงใจต่อกัน มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อคนไข้ ส่วนรายได้ ผลประโยชน์ที่ตามมา เป็นอีกด้านหนึ่งที่ต้องบริหารจัดการแยกออกต่างหาก
ศธ.โยนคณะรัฐมนตรีชี้ขาดอนาคตทุนหวย
เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศธ. เปิดเผยภายหลังประชุมหารือกับผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้องกับโครงการแจกทุนการศึกษาต่างๆ ที่ใช้เงินสนับสนุนจากรายได้หวยบนดินว่า ศธ.จะสรุปข้อมูลเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า โครงการทุนหวยที่อยู่ในข่ายควรพิจารณาว่าจะสนับสนุนงบประมาณต่อหรือไม่นั้น มี 6 โครงการ เพราะเป็นโครงการที่แจกทุนไประยะหนึ่งแล้ว หรือคัดเลือกผู้รับทุนไว้แล้ว ประกอบ ด้วย 1.ทุนเรียงความ 2.ทุนการศึกษาบุตร-ธิดาผู้ทำคุณประโยชน์ต่อสังคมและ ราชการ 3.ทุนการศึกษาสำหรับเด็กพิการสานฝันเป็นจริง 4.ทุนการศึกษาสำหรับเด็กออ ทิสติกและเด็กพิการในมูลนิธิคุณพุ่ม 5.ทุนการศึกษาให้นักเรียนที่ครอบครัวได้รับ ผลกระทบจากภาวะค่าครองชีพสูงขึ้น และ 6.ทุนการศึกษาแก่พระภิกษุ สามเณรที่ยากจน โดยทั้ง 6 โครงการนี้ต้องการเงินสนับสนุนอีกประมาณ 4,535 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากไม่มีเงินพอ ให้ครม.เป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะระงับโครงการทั้งหมด หรือเลือกระงับบางโครงการ แต่ ศธ.ขอให้รัฐบาลสนับสนุนต่อ 3 โครงการ คือ ทุนเรียงความ ,ทุนการศึกษาแก่พระภิกษุ สามเณร และทุนการศึกษาสำหรับ เด็กออทิสติกและเด็กพิการในมูลนิธิคุณพุ่ม รวมมูลค่า 500 ล้านบาท
รมช.ศธ.ชี้อดข้าวค้านนอกระบบดีกว่าทำรุนแรง
เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - กรณีที่มีนักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา และมหาวิทยาลัยรามคำแหงอดข้าวหน้ารัฐสภา ประท้วงให้สภานิติบัญญัติ(สนช.) และรัฐบาลชะลอการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ 5 ฉบับ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐนั้น รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เป็นสิทธิของนักศึกษาในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของมหาวิทยาลัย ที่ต้องการแสดงความเห็น และการอดข้าวก็เป็นวิธีการประท้วงอย่างหนึ่งที่ดีกว่าทำไปอะไรที่รุนแรง ในสังคมแสดงความคิดเห็นก็ต้องเป็นอย่างนี้
สิ่งแวดล้อม
คาดผลศึกษาแก้ปัญหามลพิษนิคมฯ มาบตาพุดแล้วเสร็จใน 2 เดือน
ผู้จัดการออนไลน์ - นายโฆสิต ปั้นเปื่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหามลพิษแหล่งนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ว่า ขณะนี้ต้องรอผลการศึกษาจากคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษ และกำหนดการพัฒนาในพื้นที่นิคมอุสาหกรรมมาบตาพุด จัดทำแผนปฏิบัติการลดมลพิษทั้งระบบ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 1-2 เดือนนี้ และแผนดังกล่าวจะสามารถนำมาปฏิบัติได้จริง เนื่องจากรัฐบาลได้มีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน โดยเบื้องต้นจะมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อประกันสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งใช้งบประมาณในเบื้องต้น 10 ล้านบาท ส่วนโรงงานที่จะมีการก่อสร้างใหม่ในพื้นที่นิคมอุตสหกรรมมาบตาพุด ให้ชะลอไปก่อน ขณะที่โรงงานที่ผ่านการทำรายงานวิจัยผลกระทบ ด้านสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ แล้ว ให้ดำเนินการก่อสร้างต่อไปได้
EU ตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจกขนานใหญ่
เอเอฟพี (ผ่านผู้จัดการรายวัน) - รมต.สิ่งแวดล้อมของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ตกลงจะตั้งเป้าตัดลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงจากระดับในปี 1990 ให้ได้ 30% ภายในปี 2020 โดยมีเงื่อนไขว่า ประเทศอื่นๆ ที่พัฒนาแล้วจะทำแบบเดียวกัน ข้อตกลงร่วมอย่างเป็นทางการระบุ
แต่หากขาดความร่วมมือจากนานาชาติ สหภาพยุโรปตั้งเป้าจะตัดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพียงลำพังให้ได้ 20% ภายในปี 2020
ข้อผูกมัดดังกล่าวจะถือเป็นยุทธศาสตร์หลักของอียูในเรื่องต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหลังปี 2012 ซึ่งเป็นปีที่เป้าตัดลดของพิธีสารเกียวโตหมดอายุลง พิธีสารเกียวโตระบุว่า ประเทศพัฒนาแล้วควรตัดลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 5% จากระดับในปี 1990 ให้ได้ภายปี 2012 ส่วนอียูนั้นมีเป้าสูงกว่า โดยอยู่ที่ 8%
อย่างไรก็ตาม การตัดลดที่เหล่ารัฐมนตรีเสนอมาในครั้งนี้ จะต้องนำไปขอความเห็นชอบจากบรรดาผู้นำของประเทศสมาชิก ระหว่างการประชุมสุดยอดในวันที่ 8-9 มี.ค. ที่กรุงบรัสเซลส์
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)