เดินขบวนครบรอบ 5 เดือน รัฐประหารชำแหละรัฐบาล 'คนดี-ลูกป๋า- ทายาทอสูร'

 

ประชาไท - 19 ก.พ. 50 เมื่อวันที่ 18 ก.พ. เครือข่าย 19 กันยา ต้านรัฐประหาร จัดชุมนุมและเดินขบวนครบรอบ 5 เดือนรัฐประหาร โดยมีผู้มาร่วมประมาณ 200 คน

 

เมื่อเวลาประมาณ 15.20 น. เครือข่าย19 กันยา ฯ เริ่มชุมนุมบริเวณสนามหลวงและผลัดกันอภิปรายในประเด็นต่างๆตั้งแต่การตั้งคำถามต่อสภาร่างรัฐธรรมนูญชุดที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นประธานกรรมาธิการยกร่างซึ่งระบุให้ลดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)ลงจากที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 จำนวน 500 คน เหลือ 400 คน และยกเลิก ส.ส.ระบบปาร์ตี้ลิสต์ ที่อาจส่งผลให้หลังจากนี้พรรคการเมืองไม่จำเป็นต้องมีนโยบายให้กับประชาชน การขับเคลื่อนนโยบายเป็นเพียงการที่ข้าราชการชงเรื่องขึ้นมาเท่านั้น จึงไม่เห็นว่าการแก้ไขนี้จะทำให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นหรือจะทำให้ทหารเลิกทำรัฐประหารได้

 

นอกจากนี้ ยังมีการตั้งข้อสังเกตจากแม่ค้าคนหนึ่งในจังหวัดปทุมธานีว่า การรัฐประหาร 19 ก.ย.เกิดจากการอิจฉาของคนบางกลุ่ม และต่อไปนี้ไม่ว่าใครขึ้นมาบริหารประเทศและทำอะไรดีจะมีการรัฐประหารเกิดขึ้นอีกและจะมีไปเรื่อยๆเพราะมีคนกลุ่มนี้คอยจ้องอยู่แล้ว เมื่อคนพวกนี้คอยรัฐประหารไม่มีที่สิ้นสุดประเทศก็ไปไม่ถึงไหน การทำแบบนี้ใช้ไม่ได้จึงต้องต้านให้ถึงที่สุด

 

ด้าน นายสมบัติ บุญงามอนงค์ กลุ่มพลเมืองภิวัตน์ กล่าวว่า ต้องทำให้รัฐธรรมนูญที่ร่างจากคณะรัฐประหารสิ้นสุดลงด้วยการไปลงประชามติว่าไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ เพราะจะทำให้มีลูกเผด็จการอยู่ในกฎหมายสูงสุด เป็นผู้สืบสันดานกบฎ และต้องจับตารัฐธรรมนูญที่กำลังคลอดว่าปัญญาอ่อนหรือไม่ ถ้าใช่ต้องยอมตัดตั้งแต่ต้นเหมือนกฎหมายที่ยอมให้ผู้หญิงที่ถูกข่มขืนแล้วท้องสามารถทำแท้งได้ วิธีคิดคือผู้หญิงคนนั้นจะขมขื่นใจแค่ไหนที่เด็กคนนั้นเกิดมาจากการข่มขืน เช่นเดียวกับกฎหมายสูงสุดที่จะเป็นสิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดของประชาชนชาวไทยว่าเผด็จการข่มขืนประชาธิปไตย จึงต้องทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่โผล่ออกมา ต้องกระจายความคิดว่าไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้กว้างขวางทั่วประเทศ

 

การอภิปรายดำเนินไปจนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. จึงเริ่มตั้งขบวนเดินรณรงค์ต่อต้านการรัฐประหารจากสนามหลวงผ่านไปทางถนนราชดำเนิน อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สุดท้ายที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ระหว่างการเดินรณรงค์มีการอภิปรายและตะโกนคำว่า 'คมช. ออกไป' 'สุรยุทธ์ ออกไป' 'เปรม ออกไป' 'สนธิ ออกไป' 'สะพรั่ง ออกไป' เป็นระยะๆ

 


 

นายอุเชนทร์ เชียงแสน หนึ่งในแกนนำเครือข่าย 19 กันยาฯ กล่าวบนรถเครื่องเสียงระหว่างการเคลื่อนขบวนว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ คือผู้ที่อยู่เบื้องหน้าการรัฐประหารในวันที่ 19 ก.ย. 49 ศูนย์บัญชาการการรัฐประหารอยู่ที่บ้านสี่เสาเทเวศ มักพูดเรื่องจริยธรรมให้คนอื่นฟังอีกรวมทั้งการันตี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีว่าดีที่สุด ไม่ทราบว่าใช้อะไรคิด เพราะพล.อ.สุรยุทธ์ คือคนที่นำกำลังมากระทืบประชาชนเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2535

 

ในขณะเดียวกันน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดกับ พล.อ.เปรม ก็อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารตั้งแต่ต้นปัจจุบันมาประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจึงเห็นภาพความสัมพันธ์กันตั้งแต่การเคลื่อนไหวของ น.ต.ประสงค์ ในพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยซึ่งก็คือการเตรียมการรัฐประหาร ดังนั้นรัฐธรรมนูญและทุกอย่างสามารถควบคุมโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)และพล.อ.เปรม

 

บนรถปราศรัยมีการกล่าวเพิ่มเติมว่า ในเหตุการณ์พฤษภาคม พ.ศ. 2535 จุดหนึ่งที่มีการลากคนออกมาถอดเสื้อและมัดคือที่โรงแรมรอยัลรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นจุดที่ใช้สำหรับพยาบาลคนเจ็บ การที่ทหารของ พล.อ.สุรยุทธ์ กระทำเช่นนั้นเป็นการกระทำเหมือนไม่ใช่คนและไม่ใช่ทหารของประชาชนแต่เป็นทหารของกบฎ จากนั้นจึงตะโกนพร้อมกันว่า 'ทหารกบฎ ออกไป'

 

 

เมื่อถึงหน้ากองทัพบก ขบวนหยุดเล็กน้อยเพื่อบอกกล่าวคำว่า 'คมช.ออกไป' ในฐานะที่พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ทำงานของคมช. เสร็จแล้วขบวนจึงเคลื่อนต่อไปยังทำเนียบรัฐบาลแต่ต้องหยุดลงเมื่อข้ามพ้นสะพานมัฆวานรังสรรค์เนื่องจากมีแผงเหล็กกั้นและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเตรียมการควบคุมสถานการณ์ แกนนำเครือข่าย 19 กันยาฯ อธิบายให้ผู้มาร่วมเข้าใจว่าเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงขอเจอกันครึ่งทางและใช้จุดที่ตำรวจกั้นเป็นพื้นที่ชุมนุมแทน การอภิปรายจึงเริ่มขึ้นอีกครั้งบริเวณนี้ และเนื่องจากวันที่ 18 ก.พ. อยู่ในช่วงเทศกาลตรุษจีนทางเครือข่ายจึงเพิ่มสีสันให้เข้ากับเทศกาลด้วยการจุดประทัดชุดเล็กขับไล่ คมช .

 


 

นอกจากการอภิปรายแล้วยังมีการเป่าขลุ่ยเพลง 'ธรณีกรรณแสง' ด้วยน้ำเสียงโหยหวนก่อนร่ายบทกวีอย่างดุดัน การแสดงดนตรีอย่างครึกครื้น รวมทั้งมีการอ่านคำประกาศ 5 เดือนรัฐประหาร ต้านเผด็จการภายใต้การนำของนายกคนดี-ลูกป๋า-ทายาทอสูร โดยนายโชติศักดิ์ อ่อนสูง 1 ในแกนนำเครือข่าย 19 กันยาฯ ความว่า

 

การมารวมตัวชุมนุมเป็นการยืนยันที่จะล้มล้างเผด็จการภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตี 'คนดี -ลูกป๋า-ทายาทอสูร' ที่เข้าสู่อำนาจด้วยการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ปล้นชิงอำนาจอธิปไตยของประชาชน 5 เดือนที่ผ่านมาแม้รัฐบาลจะบริหารประเทศผิดพลาดมาเพียงใดก็ไม่มีใครสามารถตรวจสอบและทวงถามความรับผิดชอบได้ แตกต่างจากรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยที่จะต้องถูกตรวจสอบ ต้องแสดงความรับผิดชอบในหลายรูปแบบทั้งต่อรัฐสภาและต่อประชาชนโดยตรง

 

ผลงานอัปยศของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกคนดี-ลูกป๋า-ทายาทอสูร

 

1.         ล้มเหลวด้านเศรษฐกิจ ทำลายตลาดทุนด้วยมาตรการกันสำรอง 30 เปอร์เซ็น แก้กฎหมายประกอบธุรกิจคนต่างด้าวจนต่างชาติขาดความเชื่อมั่น การลงทุนลดต่ำและเตรียมถอนการลงทุนครั้งใหญ่ การท่องเที่ยวแนวโน้มแย่เพราะไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจและความปลอดภัย การหาประโยชน์ทางการเมืองจากสุวรรณภูมิจนกระทบความเชื่อมั่นและเสียโอกาสการเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค ละเลยเศรษฐกิจรากหญ้า ไม่สนใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ใช้นโยบายประชานิยมมากกว่ารัฐบาลเก่า ประชาชนไม่กล้าจับจ่ายเพราะไม่มั่นใจภาวะเศรษฐกิจและการเมือง ฯลฯ

 

2.         ล้มเหลวด้านความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ปัญหาภาคใต้ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง เกิดระเบิดทั่วกรุงเทพ สำนักงานหนังสือพิมพ์เดลินิวส์โดนยิงถล่ม มีการเผาโรงเรียนภาคเหนือและอีสานกว่า 50 แห่ง แทรกแซงการทำงานของตำรวจในการหาตัวผู้กระทำผิดในกรณีวางระเบิดมาลงโทษ การเพิ่มงบประมาณกองทัพเป็น 35 เปอร์เซ็น มากกว่างบประมาณด้านการศึกษาและการพัฒนาสังคมแต่กลับไร้ประสิทธิภาพด้านความมั่นคง มองประชาชนเป็นศัตรูจึงส่งทหารแทรกซึมทั่วประเทศ กล่าวหาประชาชนเป็นคลื่นใต้น้ำ มีการข่มขู่และพร้อมใช้กำลังจัดการ เตะถ่วงการยกเลิกกฎอัยการศึกอีก 35 จังหวัด

 

3.         ล้มเหลวด้านการต่างประเทศ ประชาคมโลกไม่ยอมรับรัฐบาลเผด็จการ

 

4.         ล้มเหลวด้านคุณธรรมจริยธรรม ใช้คุณธรรมสองมาตรฐานทำลายผู้อื่น ด้านหนึ่งเรียกร้องให้ผู้อื่นเป็นคนดีมีคุณธรรม แต่ตัวนายกฯไม่สามารถชี้แจงกรณีที่ดินเขายายเที่ยงและที่มาของทรัพย์สินกว่า 90ล้านบาทได้ นอกจากนี้ยังตระบัดสัตย์ไม่ช่วยเหลือครอบครัวลุงนวมทอง ไพรวัลย์ วีรชนประชาธิปไตยตามที่ได้สัญญาไว้

 

5.         ด้านการเมือง มีความพยายาม 'สืบทอดอำนาจ' อย่างต่อเนื่องด้วยการเตรียมตั้ง 'พรรคนอมินี' เช่นเดียวกับพรรคสามัคคีธรรมในยุคคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(รสช.)เรืองอำนาจ ด้วยการสลายกลุ่มอำนาจเก่าทำให้ ส.ส.แยกตัวออกแล้วดึงมาเป็นพวก การมาร่วมทีมเศรษฐกิจของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลที่แล้วคือใบเสร็จยืนยันว่ามีการเจรจาตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนั้นยังเป็นการฟอกตัวเพื่อเตรียมกลับสู่อำนาจการเมืองอีกครั้ง ทั้งที่นายสมคิดอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบทุจริตกล้ายางซึ่งดำเนินการโดย คตส.ที่แต่งตั้งโดย คมช.เอง

 

นอกจากนั้นยังปล่อยให้ เอเอสทีวี เข้ามาสวมโทรทัศน์ช่อง 11 เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและเป็นประโยชน์เพื่อสืบทอดอำนาจ คือ เป็นการตอบแทนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ช่วยสร้างเงื่อนไขในการรัฐประหาร เป็นการโฆษณาชวนเชื่อลบล้างความชั่วร้ายของพันธมิตรฯ สร้างภาพชั่วร้ายของกลุ่มอำนาจเก่าเพื่อให้หวาดกลัวและเห็นความจำเป็นของการรัฐประหาร ชี้นำการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าเนื้อหาจะเลวร้ายแค่ไหน เช่น นายกฯไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง ส.ว.ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง องคมนตรีมีอำนาจมากขึ้น ศาลมีอำนาจมากขึ้น ระบบราชการมีอำนาจมากขึ้น พรรคการเมืองอ่อนแอ ท้องถิ่นอ่อนแอ ประชาชนมีอำนาจน้อยลง และโฆษณาชวนเชื่อให้รัฐธรรมนูญผ่านการประชามติไปโดยราบรื่นทำให้การสืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญเป็นไปได้ด้วยดีและวงจรการรัฐประหารไม่มีที่สิ้นสุด

 

มีแต่การ 'เลือกตั้งทันที' เท่านั้นคือทางออก หาไม่แล้วเผด็จการทั้งหลายจะต้องเจอการ 'โหวตลงประชามติล้มรัฐธรรมนูญ' ซึ่งเป็นการฝังเผด็จการอย่างถาวร

 

เครือข่าย 19 กันยา จะมีการจัดเวทีเสวนา 'จาก รสช. ถึง คมช. : ฤาวงจรอุบาทว์จะยังไม่สิ้นสุด' ในวันที่ 23 ก.พ. 50 เวลา 13.00 - 16.30 น. ที่ห้องเพทาย โรงแรมรอยัลรัตนโกลินทร์ เนื่องในโอกาสครบรอบ 16 ปี การรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(รสช.) อันนำมาสู่เหตุการณ์พฤษภาทิฬในอีก 15 เดือนต่อมา(พ.ค. 2535)

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท