ข่าวมอนิเตอร์ ประจำวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2550

การเมือง

 

ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติเสร็จแล้ว

กรมประชาสัมพันธ์ -ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติเสร็จแล้ว และจะใช้เป็นกรณีเฉพาะกิจตามมาตรา 29 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเพื่อให้ประชาชนได้ลงประชามติเห็นชอบ ไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

 

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะประธานอนุกรรมการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติเสร็จแล้ว และได้นำเสนอ กกต. มีการปรับปรุงและประสานกับคณะกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อปรับปรุง โดยมีสาระสำคัญคือ มีการระบุโทษ กรณีกระทำผิดเกี่ยวกับการลงประชามติ กรณีฉีกบัตร ปลอมบัตร ออกเสียงโดยไม่มีสิทธิ และกระบวนการขัดขวางกระทำมิชอบ ต่อตัวกฎหมายที่เกี่ยวกับการทำประชามติมีโทษทางอาญาสูงสุดจำคุก 10 ปี ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วประเทศไทยยังไม่เคยมีการจัดให้ออกเสียงประชามติ ซึ่งการลงประชามติครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกและเฉพาะเรื่องตามมาตรา 29 รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนเห็นชอบและไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และนับเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของประชาชนไทยทั้งหมด

 

ประธานอนุกรรมการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติยังกล่าวแสดงความมั่นใจว่าจะไม่สามารถมีอิทธิพลอื่นครอบงำได้ ทั้งเรื่องการให้เงิน การจูงใจให้ไม่ออกเสียงประชามติ เพราะมีตัวบทกฎหมายครอบคลุมทุกขั้นตอน อีกทั้งการปฏิบัติในเรื่องการหาข่าว การป้องกัน และการควบคุม

 

ประธานคมช. เตรียมทวงคืน "ดาวเทียม"คืน จากสิงคโปร์

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค -พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "อุดมการณ์รักชาติ" ในพิธีเปิดโครงการ "ปีแห่งการเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ" ของกองทัพบก ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวตอนหนึ่งว่า ภาระหน้าที่ของกองทัพบกจะต้องดำรงรักษาความอยู่รอดปลอดภัยของประเทศชาติที่เกิดจากภัยคุกคามทั้งภายในและภายนอก ประเทศชาติอยู่รอดถึงทุกวันนี้เพราะความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพและสถาบัน กองทัพบกมีหน้าที่ต้องปกปักษ์รักษาแผ่นดิน

 

แต่ปัจจุบันหลังมีการเปลี่ยนแปลงสังคมโลกสู่ยุคโลกาภิวัตน์ไปสู่ระบบทุนนิยมที่ก้าวกระโดดของไทย ทำให้คนไทยจำนวนหนึ่งปรับตัวตามไม่ทัน บางคนใช้วิธีก้าวกระโดดสู่สังคมยุคใหม่ ทำให้สิ่งดีงามที่เคยมีอยู่คือ วัฒธรรม ประเพณี สังคม เกิดการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่นำไปสู่อุดมการณ์รักชาติของคนไทยลดน้อยถอยลง ทุกคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน มีการแข่งขัน เอารัดเอาเปรียบ มีการแสวงหาประโยชน์ในทุกชุมชนทุกหมู่เหล่า ภาวะเช่นนี้ทำให้คนในชาติขาดความรัก ความสามัคคี เกิดความแตกแยกแบ่งเป็นกลุ่มเป็นฝ่าย

 

ผู้บัญชาการทหารบก ยอมรับว่าส่วนตัวอยากเห็นประเทศไทยในอนาคตมีความเจริญ อยากเห็นประเทศเป็นประเทศอุตสาหกรรม สิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆ พื้นที่ทำเกษตรกรรมก็ไม่มี แต่มีทุนเป็นตัวกลางถึงร่ำรวยมหาศาล สามารถซื้อทรัพย์สินของไทยเป็นจำนวน 1แสน 4 หมื่นล้านบาท ทำให้ในอนาคตจะมีความพยายามที่จะกู้สมบัติส่วนนี้ของประเทศกลับมา

 

 

"สมคิด" เตรียมเจรจา "จีน-ญี่ปุ่น" ยันงานไม่ซ้ำซ้อน

ผู้จัดการออนไลน์ - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กล่าวหลังเรียกประชุมคณะกรรมการในนัดแรก ซึ่งมีตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รวมทั้งภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อเตรียมพร้อมเดินหน้าเจรจากับประเทศคู่ค้าที่สำคัญ โดยจะออกไปหารือกับทั้งส่วนราชการและเอกชน เนื่องจากยอมรับว่า ที่ผ่านมาต่างชาติยังเข้าใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคลาดเคลื่อน

 

นายสมคิด กล่าวอีกว่า คณะกรรมการชุดนี้ จะไม่ทำงานซ้ำซ้อนกับภาคราชการ หรือนโยบายของรัฐบาลที่ดูแลอยู่ เพราะจะไม่เกี่ยวข้อง แต่จะเป็นตัวแทนพิเศษกระชับความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ซึ่งเชื่อว่าจะเสริมการทำงานให้คล่องตัวมากขึ้น โดยจะประสานงานกับทั้งภาคเอกชน บีโอไอ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อเจรจากับหน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะจีนและญี่ปุ่น เนื่องจากญี่ปุ่นมีการลงทุนในไทยสูง และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทย ส่วนการเดินทางไปจีน จะไปในฐานะการกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจ และตัวแทนนายกสมาคมเศรษฐกิจไทย-จีน ทั้งวัฒนธรรมและสังคม เชื่อว่า ต่างชาติยังจะมั่นใจ เพราะเห็นว่าไทยน่าจะเป็นที่ที่ดีที่สุดในการลงทุนของต่างประเทศ

 

ส่วนเรื่องงบประมาณการเดินทางและการทำงานขึ้นกับนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าทุกอย่างจะคลี่คลายไปได้ ส่วนแผนไปจีนและญี่ปุ่น กำลังกำหนดตารางเร็วๆ นี้

 

 

เสนอยุบชั้นยศตำรวจประทวนเหลือ ด.ต.

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ เปิด เผยว่า คณะกรรมการฯมีข้อสรุปผลการประชุม 2 เรื่อง ซึ่งเกี่ยวกับตำรวจระดับชั้นประทวน คือ 1.เสนอยกเลิกชั้นยศข้าราชการตำรวจระดับชั้นประทวนจาก 5 ชั้นยศ เหลือเพียง 1 ชั้นยศ ระดับด.ต. เท่านั้น 2.การพิจารณาเรื่องขั้นเงินเดือนโดยจะใช้หลักเกณฑ์เดียวกับข้าราชการในกระบวนการยุติธรรม ทั้งการเลื่อนขั้นเงินเดือน การครองตำแหน่ง สาเหตุต้องพิจารณาระดับตำรวจชั้นประทวนเป็นส่วนแรก เนื่องจากทั่วประเทศ 190,000 คน มีความใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด มีภารกิจหนัก

 

พล.ต.อ.วสิษฐ์ กล่าวอีกว่าจากผลการิวิจับที่ผ่านมาพบว่ายศของตำรวจชั้นประทวนไม่มีความแตกต่างกันมาก ทั้งตำแหน่งหน้าที่และเงินเดือน ต่างเพียงแค่เครื่องหมายชั้นยศเท่านั้นคณะกรรมการฯจึงเห็นว่าถ้าในอนาคตเมื่อจบจากโรงเรียนพลตำรวจก็ติดยศ ด.ต ได้ทันที

 

 

'สุรพล' แจง 3เงื่อนไข ร่าง รธน.ไม่ผ่านประชามติ แนะดึงอปท.ร่วม

เว็บไซต์เดลินิวส์- เมื่อเวลา 09.00น.ที่โรงแรมรอยัล ริเวอร์ ในการจัดสัมมนาเรื่อง"การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่"จัดโดยสถาบันพระปกเกล้า สถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อประชาธิปไตยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โดยนายสรุพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ ในการร่างรัฐธรรมนูญยังไม่มีการพูดถึงการรองรับอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากนัก โดยขอฟันธงว่าประเทศไทยในอนาคตจะบริหารจัดการโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) จะไม่ได้บริหารจัดการโดยราชการอีกต่อไปเพราะทิศทางของประเทศถูกกำหนดไว้อย่างนั้น

 

 "รัฐธรรมนูญปี 2540 สร้างคุณูปการในการกระจายอำนาจของสังคมไทยคือ พยายามกำหนดหลักเกณฑ์การบริหารโดยท้องถิ่นโดยไม่ขึ้นกับระบบราชการอีกต่อไปและแม้ว่าจะสร้างหลักเกณฑ์เอาไว้มาก แต่ในความเป็นจริง ไม่สามารถปฏิบัติได้ เพราะมีการแทรกแซงจากหน่วยงานส่วนกลางที่เป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ ดังนั้นเชื่อว่าหลักเกณฑ์เหล่านี้จะเป็นจริงได้ รัฐธรรมนูญปี 2550 จะต้องบัญญัติรองรับอำนาจหน้าที่ของอปท.มากกว่าฉบับปี 2540 โดยจะต้องปรับโครงสร้างของสัดส่วนจำนวนคนและระบบการบริหาร รวมถึงลดอำนาจหน้าที่จากหน่วยงานส่วนกลาง ก็จะช่วยให้เป็นจริงยิ่งขึ้น"

 

นายสุรพล กล่าวแสดงความกังวลเรื่องการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า มีเหตุผล 3 ข้อที่รัฐธรรนูญฉบับนี้จะไม่ผ่านประชามติคือ 1.เหตุผลด้านการเมือง โดยการเลือกตั้งเมื่อ 2 เม.ย.2549 ที่มีคะแนนโนโหวต 10 ล้านเสียง แล้วส่งผลกระทบต่อรัฐบาลที่แล้วอย่างไร คะแนนที่จะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญก็จะมีผลต่อรัฐบาลและ คมช.อย่างนั้นเพราะเสมือนประชาชนปฏิเสธความชอบธรรมในการบริหารประเทศด้วย 2.การที่มองข้ามความสำคัญของอปท.ที่เป็นเจ้าภาพดูแลการลงประชามติตัวจริงในการเข้าถึงประชาชนแต่ละพื้นที่อย่างแท้จริง ดังนั้นเห็นว่าควรดึงอปท.มาร่วมกระบวนการการลงประชามิตด้วยเพราะไม่มีองค์กรอื่นแล้วจะไปหวังพึ่งพาพรรคการเมืองเท่านั้นคงจะยาก เพราะไปบัญญัติกำหนดหลักเกณฑ์ไว้มากมาย อปท.จึงเป็นองค์กรเดียวที่จะทำให้ประชามติเป็นที่ยอมรับ และ 3.อาจมีประชาชนจำนวนหนึ่งพิจารณารัฐธรรมนูญเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองเท่านั้น ซึ่งถ้าไม่เห็นด้วยในบางมาตรา ก็อาจจะปฏิเสธร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ

 

ด้านนายวุฒิสาร ตันไชย สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) กล่าวว่า ที่ประชุมอนุกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญมีความเห็นให้คงใช้เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ในเรื่องการกระจายอำนาจและ อปท.ไว้ แต่จะต้องแก้ปัญหาการทำให้ อปท.เป็นอิสระจากการครอบงำของหน่วยงานกลางหรือรัฐบาล ซึ่งได้มีข้อเสนอให้เพิ่มบทบาทของอปท.มากขึ้นในการจัดการบริการสาธารณะและเรื่องสิทธิในการดูแลทรัพยากรสิ่งแวดล้อมในชุมชนแทนการทำหน้าที่จากหน่วยงานส่วนกลาง อีกทั้งในส่วนปัญหาที่ อปท.มักเกิดความไม่โปร่งใสไม่มีธรรมาภิบาลจากการขาดการควบคุมกันเองในองค์กรและการตรวจสอบจากประชาชนก็จะต้องเพิ่มกลไกการตรวจสอบซึ่งจะต้องมีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอให้ปรับแก้เพิ่มอำนาจระบบการคลังของ อปท. ซึ่งอาจจะปรับเรื่องการจัดเก็บภาษีท้องถิ่น

 

 

ทรท.ดิ้นหาช่องสยบ 'ยามเฝ้าแผ่นดิน' ชี้ 'ธีรภัทร์' ส่อผิด ม.157

เว็บไซต์เดลินิวส์ - ที่พรรคไทยรักไทย นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักไทย และนายจักรภพ เพ็ญแข รองโฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวคัดค้านต่อกรณีสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ยินยอมเชื่อมสัญญาณแพร่ภาพออกอากาศรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" โดยนายวิชิต กล่าวว่า แม้รัฐธรรมนูญ 2540 จะถูกฉีกทิ้งแต่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกิจการโทรคมนาคม 3 ฉบับ ได้แก่ 1.พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม 2543 2.พ.ร.บ.วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ 2498 และ3.พ.ร.บ.วิทยุโทรคมนาคม 2498 ยังถูกคงบังคับใช้ อีกทั้งคดีที่กรมประชาสัมพันธ์เคยยื่นฟ้องมีคดีความกับนายสนธิอยู่

 

นายวิชิต กล่าวว่า ดังนั้นการที่กรมประชาสัมพันธ์ยินยอมเชื่อมสัญญาณแพร่ภาพกับเอเอสทีวี เท่ากับไปย่ำยีกฎหมาย ขณะเดียวกันการที่เจ้าหน้าที่ของกรมประชาสัมพันธ์และนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานรัฐไปยินยอมให้มีการเชื่อมสัญญาน อาจเข้าข่ายความผิดตามกฎมายอาญา ม.157 ฐาน ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ และในส่วนเนื้อหาตนมองว่าเข้าข่ายไม่สร้างความสมานฉันท์ จึงอยากให้นายกฯ นายปราโมท รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร ได้เข้ามาดูแลในเรื่องนี้

 

'สุรยุทธ์' สรุปแล้วไม่ปิด 'สุวรรณภูมิ'! ทอท.ยันอาคารผู้โดยสารยังใช้ได้

เว็บไซต์เดลินิวส์ -ผู้สื่อข่าวรายงาน การประชุมคณะกรรมการนโยบายการดำเนินกิจการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานกรุงเทพ ที่ทำเนียบรัฐบาล ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หลังใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้สรุปไม่ให้ปิดสนามบินสุวรรณภูมิ แต่จะซ่อมแซมในส่วนที่เสียหาย 2 ส่วน คือ รันเวย์ แท็กซี่เวย์ และตัวอาคาร โดยมอบหมายให้การท่าอากาศยาน เป็นผู้พิจารณาภายใต้ความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก

 

นอกจากนี้ จะลดจำนวนเที่ยวบินเพื่อไปใช้สนามบินดอนเมือง ระยะแรกจะนำสายการบินในประเทศที่สมัครใจ และไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อไปอยู่ที่ดอนเมืองก่อน หลังจากนั้นให้กระทรวงคมนาคมรายงานผลภายใน 6 เดือน เพื่อพิจารณาว่าจะใช้รองรับสายการบินระหว่างประเทศด้วยหรือไม่

 

นายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ กรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือ ทอท. ในฐานะคณะทำงานแก้ปัญหาผู้โดยสารกับพนักงานและประชาชนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยอมรับว่า ขณะนี้ยังกังวลถึงหลักการก่อสร้างอาคารที่ยังหาแบบแปลนการก่อสร้างที่ถูกต้องไม่เจอ เป็นผลให้การก่อสร้างอาคารในปัจจุบันผิด พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร

 

 

"เตมูจิน" บุกกทม.ยื่นหนังสือขอใช้สนามหลวงทวงรธน.2540

ผู้จัดการออนไลน์ - นายชนาพัทธ์ ณ นคร ประธานเครือข่ายเตมูจิน ได้นำหนังสือมายื่นต่อนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครผ่านทางสำนักเลขานุการผู้ว่ากทม. เพื่อขออนุญาตใช้สนามหลวงและขอความอนุเคราะห์ใช้บริการรถสุขาจำนวน 6 คันในวันที่ 8 มีนาคม 2550 ตั้งแต่เวลา 16.00 น. - 24.00 น.

 

โดยนายชนาพัทธ์ กล่าวว่า การชุมชนในวันนั้นต้องการทวงรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนพ.ศ. 2540 ซึ่งถือเป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดให้กลับมาสู่ประชาชนคนไทยอีกครั้ง เนื่องจากเห็นว่าสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.)และกรรมาธิการยกร่างชุดนี้ดูไม่มีจิตวิญญาณของการเป็นนักประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มาของนายกหรือส.วที่จะใช้วิธีการสรรหา อีกทั้งบุคคลลุ่มนี้ยังเป็นแค่กลุ่มๆเดียวไม่ใช่ตัวแทนของประชาชนทั้งหมด ดังนั้นควรจะยึดรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ดีที่สุดแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในวันดังกล่าวจะมีภาคประชาชนที่อยู่ในเครือข่ายของตนมาร่วมชุมนุมประมาณ 13,000 คน อย่างไรก็ตาม ขอร้องอย่าให้กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มต่างๆ อาทิ กลุ่มของหมอเหวง โตจิราการ กลุ่ม 19 กันยา กลุ่มพิราบขาว ฯลฯ ขออย่ามาชุมนุมและมาต่อต้านกลุ่มตนในวันดังกล่าว เพราะพวกตนมาเรียกร้องรัฐธรรมนูญปี 2540 เท่านั้น

 

นายชนาพัทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้หวังว่านายอภิรักษ์ จะเข้าใจและตัวนายอภิรักษ์ก็มาจากการเลือกตั้งก็น่าจะเข้าใจถึงการเรียกร้องของตนครั้งนี้และเปิดโอกาสให้ใช้พื้นที่โดยไม่หวงห้ามแต่หากไม่อนุญาตให้ใช้พวกตนก็จะใช้แนวทางอารยะขัดขืนซึ่งที่ผ่านมาจากการใช้สนามหลวงทางกทม.ก็ไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด

 

อย่างไรก็ตามการชุมนุมของตนครั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อเข้าข้างใครแต่ต้องการเรียกร้องประชาธิปไตยจริงๆ หวังว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.)และรัฐบาลจะเข้าใจ ทั้งนี้ในวันจันทร์ที่ 19 ก.พ.ตนจะไปยื่นหนังสือที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเพื่อขอใช้เครื่องขยายเสียงพร้อมกับขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยในวันดังกล่าวอีกด้วย

 

ด้านนายอภิรักษ์ กล่าวว่า จะมอบหมายให้ปลัดกทม.ไปตรวจสอบหนังสือการขออนุญาตว่าจะขอมาในประเด็นใดบ้าง แต่ก่อนจะอนุญาตต้องดูถึงความเหมาะสมด้วย เพราะช่วงนี้อยู่ในสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติซึ่งต้องเน้นเรื่องความมั่นคงปลอดภัยเป็นหลัก

 

 

รัฐเตรียมปิดฉากบ้านเอื้ออาทร ชี้ทำเลโครงการทับซ้อน-สร้างดีมานด์เทียม

ผู้จัดการออนไลน์- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ก.พ.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สั่งชะลอโครงการบ้านเอื้ออาทร หลังพบทำเลโครงการทับซ้อน และมีการสร้างดีมานด์เทียม

 

นายวัลลภ พลอยทับทิม ประธานคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ หรือ กคช. กล่าวว่า ควรชะลอการดำเนินการบ้านเอื้ออาทรส่วนที่เหลือไว้ก่อน และแก้ไขปัญหาที่อยู่ระหว่างก่อสร้างให้เป็นระบบ โปร่งใส และเป็นธรรมที่สุด ซึ่งขณะนี้มีโครงการบ้านเอื้ออาทรที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง กว่า 300,000 หน่วย และต้องชะลอหรือปรับขนาดโครงการ จำนวนกว่า 100,000 หน่วย

 

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กคช.จะต้องจัดทำยุทธศาสตร์อย่างจริงจังและเป็นแผนระยะยาว โดยขอให้ทำงานผสมผสานกับเอกชน เพราะ กคช.ทำเพียงหน่วยงานเดียวไม่ไหว โดยให้ภาคเอกชนรับผิดชอบสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้สูง ส่วน กคช.ดูแลที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยและรายได้ประจำ แต่ไม่มีเงินเพียงพอในการซื้อบ้าน

 

ทั้งนี้ กคช.ต้องทยอยสร้างให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม อย่างไรก็ตามเห็นว่าไม่ควรจะกำหนดการแบ่งสัดส่วนให้ภาคเอกชนเป็นแบบตายตัว เพราะเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไป เอกชนจะสามารถสร้างที่อยู่อาศัยตอบสนองความต้องการของตลาดมีผู้รายได้น้อยได้

 

 

"จาตุรนต์" อัดรัฐบาลไม่สนใจการลงทุนจึงต่ำลง

ไอ.เอ็น.เอ็น. - นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวว่าพรรคไทยรักไทยได้ติดตามการบริหารงานของรัฐบาลในด้านเศรษฐกิจ มีแนวโน้มว่า เศรษฐกิจชะลอตัวต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้และสอดคล้องกับความเห็นกับธนาคารแห่งประเทศไทยนอกจากนี้ในภาคการลงทุนมีการเบิกจ่ายที่ต่ำลง เนื่องจากรัฐบาลไม่สนใจเรื่องการเบิกจ่ายงบลงทุนและไม่มีการเร่งรัดติดตามเรื่องการลงทุน ทำให้ราคาพืชผลเกษตรต่ำลง อย่างไรก็ตามส่วนตัวเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้มีนโยบายทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มว่าจะกระทบต่อประเทศอยู่ 5 เรื่องคือ ความไม่แน่ใจว่าประเทศไทยจะกลับสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยเร็วนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่รับทุนจากต่างชาติ และท่าทีที่ไม่เป็นมิตรกับต่างประเทศ นโยบายการบริหารประเทศที่มีความล่าช้าประชาชนไม่เชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัย และการปล่อยให้กลไกของรัฐทำลายภาพพจน์ โดยการโจมตีบุคคลและรัฐบาลชุดที่แล้วที่มีความคลาดเคลื่อน

 

 

'สุรยุทธ์' ชี้ 'ยามเฝ้าแผ่นดิน' ประชาสัมพันธ์เชิงรุกรัฐบาล

เว็บไซต์เดลินิวส์ - พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงรายการยามเฝ้าแผ่นดิน ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ว่า ได้ฟังและดูรายการแล้ว และเป็นเรื่องธรรมดาที่มีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รวมทั้งมุมมองของแต่ละคน ซึ่งเรื่องดังกล่าวรัฐบาลพยายามที่จะอยู่ตรงกลาง ไม่ให้มีการแตกแยกในสังคม และถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์เชิงรุกของรัฐบาล ไม่ใช่เป็นการตอบโต้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และหากรัฐบาลประเมินแล้วว่ารายการยามเฝ้าแผ่นดิน มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ความแตกแยกของสังคม รัฐบาลก็พร้อมที่จะพิจารณา และย้ำว่าไม่ใช่เป็นการเอื้อประโยชน์ด้วย

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการที่ให้นายสนธิ ลิ้มทองกุล จัดรายการ ซึ่งเป็นฝ่ายพันธมิตรฯ และเป็นฝ่ายตรงข้ามกับอดีตนายกรัฐมนตรี จะส่งผลให้เกิดปัญหาความขัดแย้งในสังคมอีกหรือไม่นั้นว่า รัฐบาลคำนึงถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าอยู่ที่วิธีการนำเสนอ และไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะคนเราเปลี่ยนความคิดกันได้

 

 

คุณภาพชีวิต

 

ดัชนีวัดความพอเพียงของคนไทยเดือนมกราคม 2550

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นรากฐานการพัฒนาประเทศไทย ศูนย์ประชามติมหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงสร้างดัชนีวัดความพอเพียงของคนไทยด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทุกภาคของประเทศ จำนวน 4,911 คน หัวข้อ "ดัชนีวัดความพอเพียงของคนไทยเดือนมกราคม 2550"

  

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ความพอเพียงด้านเศรษฐกิจตกเกณฑ์ มีค่าดัชนี 0.458 โดยมีค่าดัชนีความเพียงพอต้นรายได้ 0.518 สูงกว่าดัชนีความเพียงพอเงินออมที่มีค่า 0.429 แสดงให้เห็นว่ามีเงินออมไม่เพียงพอ โดยเฉลี่ยมีรายได้ต่อเดือน 13,667.82 บาท รายจ่ายเฉลี่ยต่อเดือน 9,110.94 หนี้สินเฉลี่ยปัจจุบัน 222,705.09 บาท และเงินออมเฉลี่ยปัจจุบัน 80,192.78 บาท บ่งชี้ว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ดัชนีความพอเพียงด้านเศรษฐกิจต่ำกว่าเกณฑ์ก็คือหนี้สินมาก แต่เงินออมน้อย

  

ส่วนความพอเพียงด้านสังคมถือว่าผ่านเกณฑ์ มีค่าดัชนี 0.585 โดยมีความพอเพียงในโอกาสได้รับการรักษาพยาบาลสูงสุด รองลงมาคือความพอเพียงที่ได้รับการยกย่องให้เกียรติจากคนอื่น โอกาสได้รับการศึกษาเพิ่มขึ้น การได้รับความคุ้มครองด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากเจ้าหน้าที่รัฐ วุฒิการศึกษา

  

สำหรับความพอเพียงด้านสิ่งแวดล้อม มีค่าดัชนี 0.603 โดยมีความพอเพียงสูงสุดในเรื่องโทรศัพท์สาธารณะใกล้ที่อยู่อาศัย รองลงมาคือ การได้รับอากาศบริสุทธิ์ ความสะอาดของที่อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อม สถานที่เล่นกีฬาและออกกำลังกายในชุมชนที่อาศัยอยู่ เมื่อเปรียบเทียบความพอเพียงแต่ละระดับ พบว่า คนไทยมีความพอเพียงในระดับครอบครัวสูงสุด ค่าดัชนี 0.748 เนื่องจากมีความรักความอบอุ่นในครอบครัว รองลงมาคือความพอเพียงในระดับบุคคล

  

สรุปโดยภาพรวมความพอเพียงของคนไทยเดือนมกราคม 2550 มีค่าดัชนี 0.598 ซึ่งจัดเป็นความพอเพียงในระดับปานกลาง และมีความพอเพียงด้านเศรษฐกิจต่ำกว่าเกณฑ์ จากดัชนีแต่ละด้านแต่ละระดับบ่งชี้ว่า รัฐบาลจะต้องเร่งพัฒนาประเทศด้านความมั่นคงทางการเมืองเป็นอันดับแรก รองลงมาคือความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความปลอดภัยจากการคุกคามของประเทศ การมีผู้นำท้องถิ่นที่มีคุณธรรมและความรู้ความสามารถ

 

 

สธ.แจกสมุดปกขาว แจง 10 ข้อสงสัยสิทธิ์เหนือสิทธิบัตรยาต้านเอดส์

ผู้จัดการออนไลน์ - นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมผู้บริหารของกระทรวงฯ ชี้แจงรายละเอียดการจัดทำสมุดปกขาว 5,000 เล่ม เกี่ยวกับข้อสงสัย 10 ประเด็น ในการประกาศบังคับใช้สิทธิ์เหนือสิทธิบัตรยาต้านไวรัสเอดส์ 2 รายการ และยาสลายลิ่มเลือดโรคหลอดเลือดหัวใจ 1 รายการ โดยยืนยันว่า ทำถูกต้องตามข้อตกลงทางการค้าว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญา และ พ.ร.บ.สิทธิบัตรของไทย มาตรา 51 ที่ให้หน่วยงานรัฐบังคับใช้สิทธิ์ได้โดยไม่ต้องเจรจากับผู้ทรงสิทธิ์ เพื่อประโยชน์ทางสาธารณสุข และผู้ป่วยได้เข้าถึงยามากขึ้น ขณะเดียวกันยังชี้ให้เห็นว่า กระทรวงสาธารณสุขพยายามเจรจาต่อรองราคากับบริษัทยาแล้วก่อนบังคับใช้สิทธิ์ สำหรับประชาชนผู้สนใจสมุดปกขาว ขอรับได้ที่สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ 12 แห่ง หรือ www.moph.go.th

 

 

ความมั่นคง

 

ม็อบเด็ก-ผู้หญิงรามันกดดันรัฐขอดูหน้าคนยิงชาวบ้านก่อนสลายตัว

ผู้จัดการออนไลน์ - ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ยะลาว่า วันนี้ (16 ก.พ.) เวลา 10.00 น. ที่บริเวณบนถนนสายรามัน-ท่าธง หน้ามัสยิดบ้านสะโต หมู่ที่ 5 ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา มีม็อบชาวบ้านเป็นผู้หญิงและเด็กกว่า 200 คนได้นำเต็นท์พร้อมสิ่งขีดขวางทำการปิดถนน เพื่อเรียกต้องต้องการพบนายกฤษฏา บุญราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ชดใช้ค่าเสียหายกรณีชาวบ้าน 2 คนคือ นายฮาบีบ๊ะ สะเฮง อายุ 33 ปี และนายอับดุลวาฮับ ลาคอ อายุ 31 ปี ถูก กระสุนปืนที่ชาวบ้านเข้าใจว่าเป็นกระสุนของ จนท.ทหารได้รับบาดเจ็บ ต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.รามัน เหตุเกิดเมื่อเช้าวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา

  

หลังจากที่นายกฤษฏา บุญราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้รับการประสานจาก นายบุญไทย กาฬศิริ นายอำเภอรามันแล้วจึงรีบเดินทางไปยังที่ชุมนุม โดยมีนายดอรอฮะ วาอีบาสู กำนันตำบลอาซ่อง พ.อ.รังสรรค์ สิริรังษี เลขาธิการ กอ.รมน.จ.ยะลา พ.อ.มนัส คงแป้น รอง กอ.รมน.จ.ยะลา ร่วมกันเจรจา ใช้เวลาการเจรจาประมาณ 2 ชม.ทางรองผู้ว่าราชการจังหวัด ยอมตกลงรับตามข้อเสนอบางอย่างจากกลุ่มผู้ชุมนุม

  

สำหรับข้อเสนอที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลายอมรับผู้ชุมนุม คือ ยอมรับผิดและยอมชดใช้ความเสียหายให้กับผู้บาดเจ็บ ชดใช้ค่าเสียหายค่าวัวที่ถูกยิง 1 ตัว ยอมซ่อมความเสียหายโรงเรียนตาดีกาที่ถูกกระสุนปืน รับดำเนินการนำผู้กระทำความผิดไปดำเนินคดีตามกฎหมายบ้านเมือง ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมพอใจ แต่ยังไม่ยอมสลายตัว

  

หลังจากนั้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมคณะเดินทางจะไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ รพ.รามัน โดยออกจากที่เกิดเหตุประมาณประมาณ 600 เมตร ทางผู้ชุมนุมได้กักตัว พ.อ.รังสรร สิริรังษี พ.อ.มนัส คงแป้น และสิบเอกสุเมธ แดงเพชร พลขับของ พ.อ.มนัส คงแป้น เป็นตัวประกัน โดยมีการเรียกร้องให้นำผู้กระทำความผิดมาให้ผู้ชุมนุมเห็นหน้า

  

จากนั้น รอง ผวจ.ยะลาได้ประสานกับ พ.อ.สถิตย์ บุญช่วย เสธ ฉก.1 ยะลา ประสานขอสนับสนุนกำลังจากกรมทหารพรานที่ 41 และ ฉก.11 อ.รามัน หลังจากนั้นประมาณ 15 นาที กำลังทหารพราน ทั้งทหารพรานหญิงและทหารพรานชายติดอาวุธพร้อม พร้อมด้วยทหาร ฉก.11 เข้าประชิดกลุ่มผู้ชุมนุม โดยให้ทหารพรานหญิงเข้าเจรจา และกำลังติดอาวุธกดดันรอบๆ เต้นท์

  

ในที่สุดกลุ่มผู้ชุมนุมยอมปล่อยตัวเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 นายออกมาโดยดี โดยไม่มีการใช้กำลังแต่อย่างใด และกลุ่มผู้ชุมนุมยอมสลายตัวในเวลา 15.00 น. ด้านนายกฤษฏา บุญราช รองผู้ว่าราชการจังหวัด เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บ ที รพ.รามัน พร้อมมอบเงินค่าช่วยเหลือในเบื้องต้น จำนวน 30,000 บาท และทหาร ฉก.11 มอบเงินค่ารักษาพยาบาลและบำรุงขวัญอีก 15,000 บาทอีกด้วย

 

 

ออกหมายจับมือบึ้ม "เสรีพิศุทธ์"ยันตัวจริง

เว็บไซต์แนวหน้า -ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผช.ผบ.ตร.ฝ่าย ปป.1 พร้อมด้วย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.2และพ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบก.น.2 และคณะ นำเอกสารหลักฐาน ประกอบด้วยเทปภาพกล้องวงจรปิดและสำนวนการสอบสวนพยานบุคคลเข้าพบ น.ส.จิราวรรณ สุญาณวนิชกุล อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดหน้าป้อมยามตำรวจ สี่แยกสะพานควาย เมื่อค่ำวันที่ 31 ธันวาคม2549

 

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตั้ง 5ข้อหาคือ 1.พยายามฆ่าเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่ 2.พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 3.ทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคล หรือทรัพย์สินของผู้อื่น 4.มีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบรองและ5.ก่อการร้าย

 

หลังเสร็จสิ้นการไต่สวนขอหมายจับนานกว่า 2ชั่วโมง พล.ต.ท.จงรัก กล่าวว่า ทางอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ได้พิจารณาพยานหลักฐานและกล้องวิดีโอวงจนปิดแล้วเห็นชอบอนุมัติให้พนักงานสอบสวนออกหมายจับผู้ต้องหาราย 1ราย เป็นชายอายุระหว่าง 25-30ปี รูปร่างผอมสูง ไว้ผมรองทรงและคางแหลม ที่ลอบวางระเบิดป้อมยามตำรวจสี่แยกสะพานควาย ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นใบหน้าอย่างชัดเจน ขณะนำระเบิดไปหย่อนลงถังขยะย่านสะพานควาย โดยมั่นใจว่าจะจับกุมตัวได้อย่างแน่นอน

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่เป็นการจับแพะ พล.ต.ท.จงรัก กล่าวว่า ทุกอย่างชัดเจน โดยปราศจากข้อสงสัย ถ้าแค่สงสัยตนก็ไม่ขอหมายจับ แต่กรณี นายถวัลย์ศักดิ์ แปแนะ ที่ซีคอนสแควร์ ตนเห็นว่ายังไม่ชัดเจน จนกว่าจะมีพยานหลักฐานมากกว่านี้ ส่วนรายนี้ปราศจากข้อสงสัยใดๆ จึงขออนุมัติให้ออกหมายจับ งานนี้ไม่มีแพะ แต่เป็นระดับเสือ

 

ต่อข้อถามว่า ผู้ต้องหาเป็นใครและมีกี่คน พล.ต.ท.จงรัก ตอบว่า มีเพียงคนเดียว พบที่ป้อมตำรวจสะพานควาย ขณะนี้เปิดเผยไม่ได้ เพราะต้องนำเข้าที่ประชุมใหญ่วันที่ 19กุมภาพันธ์นี้ เพื่อขออนุมัติเปิดเผยภาพผู้ต้องหาจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร.หากอนุมัติก็จะนำภาพมาเปิดเผยได้ในวันเดียวกัน ส่วนเหตุลอบวางระเบิดจุดอื่นต้องสืบสวนสอบสวนต่อไป

 

ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวยืนยันว่า ผู้ต้องหาที่ศาลอนุมัติหมายจับเป็นคนร้ายที่รับจ้างนำระเบิดมาวางที่สี่แยกสะพานควายจริง ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบว่าเป็นใคร โดยยังเหลือผู้ร่วมขบวนการที่ทำหน้าที่ดูต้นทางและขับรถพาหลบหนี ซึ่งไม่ปรากฏภาพในวงจรปิด รวมทั้งต้องสาวไปถึงตัวผู้บงการ แต่พยานหลักฐานจะต้องเชื่อมโยงและสัมพันธ์กับจุดระเบิดที่เหลือ เนื่องจากเหตุเกิดในเวลาใกล้เคียงกัน

 

ส่วนจะเชื่อมโยงสถานการณ์ภาคใต้หรือไม่นั้น ต้องรอให้หลักฐานชัดเจนกว่านี้และวันที่ 19กุมภาพันธ์นี้ จะขอมติจากที่ประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวนว่า ภาพมือลอบวางระเบิดที่ศาลอนุมัติหมายจับ จะให้สื่อนำไปเผยแพร่ได้หรือไม่ รวมทั้งการขยายผลจับกุมจะทำทางลับ หรือเปิดเผย เพื่อให้ประชาชนร่วมแจ้งเบาะแส

 

ส่วนกรณีข้อตกลงระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ( สตช.)ลดเหลือ 2ข้อจาก 4ข้อนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุจะทำแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่นและรักษาน้ำใจกัน เพื่อให้ตำรวจมีอิสระในการทำคดี ซึ่งตนไม่ได้ผิดใจกับนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษและจะทำงานแบบไม่แย่งผลงานกัน

 

ขณะที่นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)กล่าวว่า การทำงานร่วมกับ สตช.เรียบร้อยดี ส่วนกรณีที่ พล.ต.ท.จงรัก ขอยกเลิกข้อตกลงเบื้องต้นที่ สตช.สมัย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ เป็นผบ.ตร.ทำไว้กับดีเอสไอ 4ข้อนั้น เมื่อ สตช.มุ่งมั่นจะคลี่คลายคดีระเบิดเองเราก็ไม่ขัดข้อง ซึ่งดีเอสไอทำงานตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เมื่อ สตช.ขอทำงานเองอย่างเต็มที่เราก็ยอม ซึ่งเขาอาจเห็นว่าเราอาจจะเป็นอุปสรรค หรือไม่อยากปฏิบัติตามข้อตกลงเดิม เราก็ยินดี

 

ส่วนที่ สตช.จะขออนุมัติหมายจับโดยดูหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่สะพานควาย ส่วนนี้ดีเอสไอมีหรือไม่ นายสุนัย กล่าวว่า ดีเอสไอ มี แต่ยังไม่ชัด ซึ่ง สตช.อาจมีพยานหลักฐานอื่นๆอีกที่ได้จากกล้องวงจรปิดที่สะพานควาย เป็นกล้องตัวเดียวกับดีเอสไอ แต่ดีเอสไอมุ่งไปที่ซีคอนสแควร์ ด้าน นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงเหตุวางระเบิดในกรุงเทพฯและปริมณฑลว่า ดูรายละเอียดการทำงานของดีเอสไอกับตำรวจแล้วไม่ได้ขัดแย้งกัน เรื่องของเรื่องคือมีการถามแล้วตอบคนละครั้ง ถ้ามีเวลาตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด จะทราบว่าทั้งสองท่านไม่ได้ขัดแย้งกันและตนไม่หนักใจอะไร ขอให้จับตัวคนร้ายมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ก็พอ

 

เศรษฐกิจ

 

"สมหมาย" ระบุงบปี 51 ต้องขาดดุลต่อเพื่อกระตุ้นศก.

ผู้จัดการออนไลน์ - นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2551 คือ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อเดินหน้าจัดทำงบประมาณให้ได้ตามกรอบเวลาที่วางไว้ หลังจาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2550 ล่าช้าไปจากระยะเวลาปกติมาก

  

โดยขณะนี้ทุกหน่วยงานเร่งสรุปตัวเลขในการวางกรอบงบประมาณ และสิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม คือ รายได้ปีงบประมาณ 2551 เพื่อให้การจัดเก็บรายได้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งยอมรับว่า รัฐบาลคงต้องจัดทำงบประมาณปี 2551 แบบขาดดุล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไป เพราะรายได้ของรัฐบาลไม่พอกับงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้

  

โดยเบื้องต้นเห็นว่า การขาดดุลคงไม่สูงเท่ากับงบประมาณปี 2550 ที่กำหนดไว้จำนวน 142,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และถือเป็นเงินนอกงบประมาณที่สูงเกือบเท่างบประมาณประจำปี เพราะเงินของรัฐจะจุดประกายให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนตามมา

 

ต่างประเทศ

 

ญี่ปุ่นใช้การ์ตูนเป็นสื่อลบภาพโหด

เว็บไซต์คมชัดลึก -สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ขณะนี้รัฐบาลญี่ปุ่นโดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม พยายามใช้การ์ตูนเป็นสื่อโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง หวังลบภาพแข็งกร้าวของทหารลูกพระอาทิตย์ให้ดูอ่อนโยนลงและเป็นมิตรมากขึ้น โดยเฉพาะการ์ตูนตัวใหม่ชื่อ เจ้าชายพิกเกิลส์ ซึ่งมีดวงตากลมเฉี่ยว มีลักยิ้ม และเท้าเล็กๆ ที่สวมรองเท้าบู๊ท ยืนอยู่หน้ารถถัง หรือลงจากเฮลิคอปเตอร์ หรือกำลังจับมือกับชาวอิรักด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยไมตรีจิต

 

นายโชทาโร ยานากิ เจ้าหน้าที่ประจำทบวงป้องกันตนเอง ให้ความเห็นว่า ตัวการ์ตูนเจ้าชายพิกเกิลส์ ถือเป็นภาพลักษณ์ตัวแทนทหารญี่ปุ่น เนื่องจากเปี่ยมด้วยไมตรีจิต และขณะนี้ได้ผลิตตัวการ์ตูนเจ้าชายพิกเกิลส์เป็นมาสคอต หรือวัตถุนำโชค ขณะที่แผ่นปลิวภาพการ์ตูนตัวนี้ติดไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ทั้งในค่ายทหารและสถานีรถไฟ

 

เอพี รายงานด้วยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามใช้ตัวการ์ตูนน่ารัก สุภาพ ปราศจากอันตรายใดๆ เป็นเครื่องมือทางการทูต เพื่อหวังชนะใจประชาชนทั่วโลก โดยเฉพาะการช่วยการลบล้างภาพลักษณ์การเป็นเผด็จการที่โหดร้ายทารุณสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และเพื่อปูทางให้ทหารได้รับการยอมรับและเข้าไปมีบทบาทบนเวทีการเมืองโลกมากขึ้น

 

นายทาโร อะโซ รัฐมนตรีต่างประเทศ เคยเสนอก่อนหน้านี้ว่า จะส่งนักวาดการ์ตูนหรือนักทำแอนิเมชั่น ไปยังต่างประเทศ เพื่อเป็นตัวแทนญี่ปุ่นในฐานะทูตวัฒนธรรม นอกจากนี้รัฐบาลยังเสนอชื่อคณะกรรมการบริหารไว้คอยให้คำปรึกษาหาหนทางทำให้ตลาดแอนิเมชั่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่นบุกตีตลาดโลก โดยให้เหตุผลว่า ความรู้สึกอบอุ่นในแอนิเมชั่นญี่ปุ่นสามารถแปรสื่อความหมายถึงความอบอุ่นของนโยบายต่างประเทศแดนซากุระได้ และยิ่งสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของวัฒนธรรมป๊อปในใจคนมากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้ญี่ปุ่นเผยแพร่ความคิดได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

 

อย่างไรก็ดี นักวิจารณ์ชาวปลาดิบบางคนยังตั้งข้อสงสัยด้วยว่า ตัวการ์ตูนจะได้ผลเมื่ออยู่ต่างวัฒนธรรมหรือไม่ เนื่องจากตัวการ์ตูนเหล่านี้มักจะมีภาพลักษณ์เป็นเด็กใสๆ น่ารัก ซึ่งอาจจะได้ผลเฉพาะประเทศที่ค่อนข้างจะเปิดกว้างสำหรับผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

 

ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน อย่างจีน และเกาหลีเหนือ ยังคงหวาดระแวงญี่ปุ่นอยู่เหมือนเดิม โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลชุดนี้ยกระดับกองกำลังป้องกันตนเองขึ้นเป็นกระทรวงกลาโหม นอกเหนือจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เปิดโอกาสให้กองทัพญี่ปุ่นไปประจำการต่างประเทศมากขึ้น

 

 

ปากีสถานตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยในเมืองหลวง หลังมีข่าวก่อการร้ายโจมตี

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค -หนังสือพิมพ์ของปากีสถานรายงานว่า ทั่วกรุงอิสลามาบัด เมืองหลวงของปากีสถาน ได้ตรึงกำลังรักษาความมั่นคงอย่างหนาแน่น หลังจากมีข้อมูลที่ระบุว่าผู้ก่อการร้าย 4 คนอาจแทรกซึมเข้าสู่เมืองอิสลามาบัดเพื่อปฏิบัติการโจมตี ซึ่งผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 รายได้แก่ นายนอร์ มูฮัมหมัด นายอรุนกาเซบ นายเชอร์ กัล และนายฮาชิม ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ อาจปฏิบัติการโจมตีโดยได้รับการสนับสนุนจากคนในท้องถิ่น

 

รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเริ่มเข้าตรวจสอบโรงแรมหลายแห่งในกรุงอิสลามาบัดและเมืองราวัลปินดี เพื่อตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย อีกทั้งยังมีการตรวจสอบสถานีรถไฟและสถานีบริการรถประจำทาง นอกจากนี้ สนามบินทุกแห่งในปากีสถานได้เพิ่มระดับเฝ้าระวังภัยก่อการร้ายในระดับสูงสุด

 สำหรับ กองกำลังรักษาความปลอดภัยได้ตรึงกำลังรอบอาคารที่สำคัญ รวมทั้งหน่วยงานของรัฐบาล ศูนย์การค้า และสถานทูต นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งด่านตรวจบนถนนสายหลักในเมืองอิสลามาบัด ทั้งทางเข้าและทางออก

 

ด้าน สำนักงานฝ่ายกิจการต่างประเทศของปากีสถานได้ขอให้เจ้าหน้าที่ทูตต่างชาติและชาวต่างชาติ ระมัดระวังการเคลื่อนไหว จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

 

 

เกิดหิมะตกหนักที่สุดในรอบเกือบ 100 ปีในอินเดีย

กรมประชาสัมพันธ์ - เกิดหิมะตกหนักในเมืองศิมลา รัฐหิมาจัลประเทศของอินเดีย ส่งผลให้ถนนหนทางถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ รถยนต์หลายคันต้องติดค้างอยู่บนถนน ขณะที่เด็กๆ กลับออกไปเล่นหิมะกันอย่างสนุกสนาน โดยศูนย์อุตุนิยมวิทยาในเมืองศิมลากล่าวว่าเป็นครั้งแรกที่มีปริมาณหิมะตกหนาถึง 4.34 นิ้วในเดือนกุมภาพันธ์ นับตั้งแต่ปี 2451 หรือในรอบ 99 ปี

 

 

ผู้นำเครือข่ายอัล-กออิดะห์ในอิรักบาดเจ็บหลังปะทะกับกองกำลังความมั่นคง

กรมประชาสัมพันธ์ -แหล่งข่าวกระทรวงมหาดไทยของอิรักรายงานว่า นายอาบู ไอยุบ อัล-มาสรี ผู้นำเครือข่ายอัล-กออิดะห์ในอิรักได้รับบาดเจ็บ หลังปะทะกับกองกำลังความมั่นคงทางตอนเหนือของกรุงแบกแดดเมื่อวานนี้ ก่อนที่จะหลบหนีไป โดยรายงานระบุว่า การปะทะกันเกิดขึ้นเมื่อตำรวจอิรักได้เข้าสกัดกั้นกลุ่มของนายมาสรีขณะกำลังเดินทางไปยังเมืองซามาร่า ซึ่งทำให้ผู้ช่วยของนายมาสรี คนหนึ่งเสียชีวิต ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐในอิรักปฏิเสธที่จะยืนยันรายงานดังกล่าว

นายมาสรีเป็นชาวอียิปต์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้นำกลุ่มอัล-กออิดะห์ ในอิรักหลังนายอาบู มูซาบ อัล-ซาร์คาวี ถูกกองกำลังสหรัฐสังหารเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว โดยนายมาสรีมีค่าหัวถึง 5 ล้านดอลลาร์ จากการตั้งรางวัลนำจับของสหรัฐ

 

 

อียิปต์ยืนยันมีผู้เสียชีวิตด้วยไข้หวัดนกอีกราย

กรมประชาสัมพันธ์ - เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอียิปต์เปิดเผยวันนี้ว่า สตรีวัย 37 ปีที่ล้มป่วยเป็นไข้หวัดนกได้เสียชีวิตแล้วเมื่อเย็นวานนี้ ขณะรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลกรุงไคโร โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่า อาการของเธอเริ่มดีขึ้นหลังจากถูกส่งเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลดังกล่าวเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ต่อมาอาการกลับทรุดลงและเสียชีวิตในที่สุด ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตด้วยไข้หวัดนกในอียิปต์เพิ่มสูงขึ้นเป็น 13 คน นับตั้งแต่พบการระบาดของไข้หวัดนกครั้งแรกในสัตว์ปีกเมื่อปีก่อน โดยอียิปต์เป็นประเทศที่ไม่ได้อยู่ในภูมิภาคเอเชียที่มีผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกมากที่สุด

สำหรับผู้เสียชีวิตรายล่าสุดนี้อาศัยอยู่ในจังหวัดฟาโยอุม ซึ่งเป็นจังหวัดเดียวกับที่เด็กวัยรุ่นหญิงอายุ 18 ปี เสียชีวิตด้วยไข้หวัดนกเมื่อต้นเดือน

 

 

อินเดียจะไม่ใช้เครื่องสแกนร่างกาย หวั่นละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - หนังสือพิมพ์ฮินดูสถานไทมส์รายงานว่า อินเดียจะไม่ใช้เครื่องสแกนร่างกายที่ซื้อมาเพื่อใช้ในการรักษาความปลอดภัยตามท่าอากาศยานต่างๆ เนื่องจากวิตกว่าอาจเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้โดยสาร

 

กองกำลังรักษาความมั่นคงกลาง หรือซีไอเอสเอฟ ซึ่งกำกับดูแลความปลอดภัยของสนามบินอินเดียได้ตัดสินใจติดตั้งเครื่องสแกนร่างกายยังท่าอากาศยาน 16 แห่ง เนื่องจากเกรงว่าอาจมีคนร้ายพยายามลักลอบนำระเบิดขึ้นไปบนเครื่องบิน เครื่องสแกนดังกล่าวใช้เทคโนโลยีรังสีเอกซ์ในการแสดงภาพโครงร่างของมนุษย์ ทางการอินเดียเชื่อว่าเครื่องสแกนดังกล่าวสามารถตรวจพบระเบิดหรืออาวุธได้แม้แต่ซ่อนอยู่ใต้ผิวหนัง

 

เครื่องสแกนเครื่องแรกถูกนำไปติดตั้งท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี ในกรุงนิวเดลีแล้วเมื่อ 4 เดือนก่อน แต่ทางการเตรียมย้ายออกในเร็วๆ นี้ เนื่องจากพบภาพที่เปิดเผยมากเกินไป การใช้เครื่องสแกนร่างกายเคยกลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในประเทศตะวันตกมาแล้ว เนื่องจากมีผู้โดยสารร้องเรียนว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

 

 

เดโมแครตเตือน'บุช'บุกอิหร่านต้องขอสภา

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - พรรคเดโมแครตออกโรงเตือน "บุช" หากจะบุกอิหร่านต้องได้รับอนุญาตจากคองเกรส ขณะรัฐมนตรีกลาโหมยืนยันไม่มีแผนบุก

  

นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ สังกัดพรรคเดโมแครต กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (16 ก.พ.) ว่า ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แห่งสหรัฐ ไม่มีอำนาจที่สั่งโจมตีอิหร่านโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรส

  

ท่าทีดังกล่าว ถูกมองว่าเป็นการท้าทายประธานาธิบดีบุชครั้งล่าสุด ก่อนที่สภาคองเกรสจะมีการออกเสียงเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังทหารในอิรักของสหรัฐ โดยพร้อมกันนี้ นางเปโลซีแสดงความเชื่อว่า สภาคองเกรสควรยืนยันจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ประธานาธิบดีสหรัฐไม่มีอำนาจเปิดสงครามกับอิหร่าน

  

นางเปโลซีและสมาชิกพรรคเดโมแครตคนอื่นๆ มองว่า การอนุมัติมาตรการไม่ผูกมัดดังกล่าวจะเป็นก้าวแรก เพื่อกดดันให้บุชเปลี่ยนนโยบายอิรัก ที่มีทหารอเมริกันเสียชีวิตแล้วกว่า 3,100 นาย ขณะชาวอิรักเสียชีวิตนับหมื่นคน

  

ในวันเดียวกัน นายโรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐเผยว่า สหรัฐไม่ได้หาข้ออ้างเพื่อที่จะเปิดสงครามกับอิหร่าน หลังจากมีการมองว่า ท่าทีของทำเนียบขาวที่กล่าวหาอิหร่านว่า ให้การสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในอิรักในช่วงที่ผ่านมา อาจเป็นการหาความชอบธรรมเพื่อโจมตีโรงนิวเคลียร์ของอิหร่าน

 

 

ปาเลสไตน์เริ่มตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาสแห่งปาเลสไตน์แต่งตั้งนายอิสมาอิล ฮานิยา ซึ่งเพิ่งลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ระหว่างกลุ่มฮามาสและกลุ่มฟาตาห์ เมื่อวันพฤหัสบดี (15 ก.พ.) หลังทั้ง 2 ฝ่ายบรรลุข้อตกลงร่วมจัดตั้งรัฐบาลในการหารือกันที่นครเมกกะของซาอุดีอาระเบีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

  

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มต้นกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติชุดใหม่ เนื่องจากการเมืองปาเลสไตน์อยู่ในภาวะทางตัน นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสคว้าชัยเลือกตั้งเหนือพรรคฟาตาห์เมื่อกว่า 1 ปีก่อน

  

นายอับบาสซึ่งเป็นแกนนำพรรคฟาตาห์ แถลงว่า รัฐบาลชุดใหม่จะต้องเคารพข้อตกลงระหว่างประเทศและชาติอาหรับ ซึ่งรวมถึงข้อตกลงระหว่างองค์กรปลอดปล่อยปาเลสไตน์ (พีแอลโอ) กับอิสราเอลก่อนหน้านี้ ขณะที่นายฮานิยาซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มฮามาส ระบุว่า เขาจะเริ่มหารือกับกลุ่มการเมืองทุกกลุ่ม โดยข้อตกลงระหว่าง 2 ฝ่าย ระบุให้มีการรวมกลุ่มการเมืองเล็กๆ เข้าร่วมกับฮามาสและฟาตาห์ในรัฐบาลชุดใหม่ด้วย

  

ฮามาสและฟาตาห์ได้ตกลงประเด็นส่วนใหญ่ในการหารือที่นครเมกกะ แต่ยังต้องหารือว่าจะสรรหาใครมาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย รวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศ ทั้ง 2 ตำแหน่งจะคัดเลือกจากบุคคลอิสระภายใต้ความเห็นชอบของทุกกลุ่ม นอกจากนี้ ทุกฝ่ายยังต้องเห็นพ้องกันในส่วนของผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นโควตาของพรรคฟาตาห์

  

ยังไม่แน่ชัดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะให้การยอมรับอิสราเอลอย่างเป็นทางการและยุติเหตุรุนแรงในพื้นที่หรือไม่ ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ประชาคมโลกต้องการ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการยกเลิกการคว่ำบาตรรัฐบาลปาเลสไตน์หลังฮามาสชนะเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว

 

 

ตำรวจพม่าสั่งฝ่ายค้านเลิกร้องปล่อย'ซูจี'

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - อธิบดีตำรวจพม่าสั่งให้สมาชิกพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านสำคัญ เลิกเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวนางออง ซาน ซู จี ผู้นำพรรคเอ็นแอลดี ที่ถูกทางการพม่ากักตัวอยู่แต่ในบ้านพัก

  

โฆษกพรรคเอ็นแอลดี เปิดเผยว่า พลจัตวาขิ่น ยี อธิบดีตำรวจพม่า ได้เชิญนายออง ฉ่วย ประธานพรรคเอ็นแอลดี วัย 88 ปี คนปัจจุบัน เข้าพบที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อค่ำวานนี้ และเตือนให้เลิกออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่าปล่อยตัวนางซู จี อีกทั้งขู่ที่จะสั่งปิดกิจกรรมของคณะกรรมการรัฐสภาผู้แทนประชาชน (ซีอาร์อาร์พี) ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรทางการเมืองอย่างไม่เป็นทางการที่พรรคเอ็นแอลดีจัดตั้งขึ้น ภายหลังที่ชนะการเลือกตั้งทั่วไปอย่างถล่มทลายเมื่อปี 2533 แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้บริหารประเทศ

  

พลจัตวาขิ่น ยี ระบุว่า ซีอาร์อาร์พี เป็นองค์กรทางการเมืองเถื่อน เนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

  

ด้านหนังสือพิมพ์นิวไลท์ ออฟ เมียนมาร์ ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลทหารพม่ารายงานการพบปะระหว่างพลจัตวาขิ่น ยี กับนายออง ฉ่วย และระบุว่า นางซู จี และสมาชิกพรรคเอ็นแอลดีรายอื่น ๆ กำลังรับโทษตามกฎหมายจาก "อาชญากรรม" ที่พวกเขาก่อขึ้น และว่าข้อเรียกร้องที่ให้รัฐบาลเปิดการเจรจากับพรรคเอ็นแอลดี เป็นสิ่งที่รัฐบาลยอมรับไม่ได้

  

 

นักการเมืองฝ่ายค้านชนะคดีหมิ่นประมาทประธานาธิบดีไต้หวัน

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - ศาลในกรุงไทเปของไต้หวัน เปิดเผยวันนี้ว่า ได้ตัดสินให้ นาย เจมส์ ซุง หัวหน้าพรรคพีเพิลเฟิร์สชนะคดีหมิ่นประมาทที่ถูกประนาธานาธิบดี เฉิน สุ่ยเปียน กล่าวหาว่า ได้ติดต่อในทางลับกับนักการเมืองของจีนเมื่อปี 2548 ในระหว่างที่อยู่ในสหรัฐ ซึ่งผู้นำไต้หวันต้องจ่ายเงินค่าเสียหายมูลค่า 3 ล้านเหรียญไต้หวันหรือประมาณ 3 ล้าน 6 แสนบาทและลงข้อความขอโทษนาย เจมส์ ซุงในหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับ เนื่องจาก ประธานาธิบดี เฉิน สุ่ยเปียน ไม่สามารถใช้ข้อมูลจากสื่อซึ่งคิดเองฝ่ายเดียวว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แล้วนำมาใช้กล่าวหานาย เจมส์ ซุง อย่างเปิดเผย

  

ด้านโฆษกประจำตัวของ นายเจมส์ ซุง กล่าวว่า ผู้นำไต้หวัน สมควรต้องรับผิดชอบที่ทำให้ นาย เจมส์ ซุง ต้องเสี่อมเสียชื่อเสียง ส่วน ทนายความของหัวหน้าพรรคพีเพิลเฟิร์ส ได้กล่าวว่า ความเสียหายที่นาย เจมส์ ซุงนั้นมีมูลค่าเงินค่าเสียหายและการพิจารณาคดีก็เป็นไปอย่างล่าช้ามาก ล่าสุด ประธานาธิบดี เฉิน สุ่ยเปียน ยังไม่มีท่าทีใดๆต่อการตัดสินของศาลในครั้งนี้

  

สำหรับนาย เจมส์ ซุง หัวหน้าพรรคพีเพิลเฟิร์สซึ่งเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านเสียงข้างน้อย เคยเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันกับประธานาธิบดี เฉิน สุ่ยเปียน เมื่อปี 2547 แต่ นาย เจมส์ ซุง ก็พ่ายแพ้ไปในที่สุด

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท