ประชาไทภาคเหนือ รายงาน
เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา บริเวณชายแดนไทย-พม่า ด้านจังหวัดเชียงใหม่ สภากลุ่มชาติพันธุ์ (ENC - Ethnic Nationalities) ได้จัดงานรำลึกครบรอบ 60 ปีสนธิสัญญาปางโหลง (Panglong Agreement) ที่พม่าและรัฐต่างๆ ได้ทำร่วมกันลงนามเมื่อปี 1947 หรือเมื่อ 60 ปีที่แล้ว โดยมีผู้นำและตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ประกอบด้วย ชนชาวไทใหญ่ คะฉิ่น ชิน ลาหู่ มอญ อาข่า อาระกัน กะเหรี่ยง คะยา รวมถึงชาวต่างชาติและผู้สื่อข่าวเข้าร่วมหลายร้อยคน
เจ้าแสงศึก ที่ปรึกษาสภากลุ่มชาติพันธุ์
โดยเจ้าแสงศึก ที่ปรึกษาสภากลุ่มชาติพันธุ์ได้กล่าวระหว่างพิธีเปิดงานว่า ตลอดช่วงเวลา 60 ปีที่ผ่านมา ชนชาติต่างๆ ในสหภาพพม่าได้เผชิญกับความทุกข์ระทมในการต่อสู้เพื่อสิทธิตนเองมาอย่างแสนสาหัส แต่กระนั้นทุกคนก็ยังมีใจบริสุทธิ์และเข้มแข็ง ซึ่งหากเปรียบเทียบแล้ว ก็ไม่ต่างกับเสื้อสูทที่สวมใส่อยู่ในวันนี้ที่แม้ข้างนอกจะเป็นสีดำ แต่ข้างในยังเป็นสีขาวอยู่ และหวังว่าทุกชนชาติและทุกคนจะยังคงมีใจบริสุทธิ์เข้มแข็งต่อสู้ต่อไป
ต่อจากนั้น ตัวแทนสภากลุ่มชาติพันธุ์ได้อ่านแถลงการณ์บอกเล่าถึงความเป็นมาของสนธิสัญญาปางโหลง ที่ถูกรัฐบาลทหารพม่าล่วงละเมิดมาครบ 60 ปี โดยแถลงการณ์ระบุว่า เมื่อครั้งนาย
ดังนั้นกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ต้องทำงานร่วมกันเพื่อกำหนดอนาคตของตนเองอีกครั้งหนึ่ง พวกเราสภาชาติพันธุ์ขอเรียกร้องให้ผู้รักในความยุติธรรม ประชาธิปไตย และเสรีภาพทั้งหลายมาร่วมกับเราสร้าง "สหภาพพม่า" ขึ้นมาใหม่
โดยแถลงการณ์ยังเรียกร้องให้สภาเพื่อการสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ หรือ SPDC (State Peace and Development Council) หรือรัฐบาลทหารพม่า ยุติการบังคับให้กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ จำยอมต่อนโยบายเพื่อเอกภาพของพม่าแบบ "เลือดเดียว เสียงเดียว บัญชาการเดียว" (One blood, one voice, one command) ทั้งนี้สหภาพพม่าคือบ้านของกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย เอกภาพไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยการบีบบังคับ แต่เกิดขึ้นได้ด้วยการทำความเข้าใจต่อความหลากหลายนั้นและร่วมมือกันเพื่อบรรลุเป้าหมายตามเจตนารมณ์ของสัญญาปางโหลงในปี 1947
แถลงการณ์ดังกล่าวเรียกร้องให้เกิดเอกภาพที่ต้องเคารพความหลากหลายภายในสหภาพพม่า " อยู่ร่วมกันอย่างสันติไม่ใช่อยู่อย่างเจ้านาย-ลูกน้อง, อยู่กันอย่างเสมอภาคไม่ใช่คนพม่าเป็นผู้นำ, เสรีภาพไม่ใช่กดขี่ผู้อื่นอย่างเสรี, ความยุติธรรมไม่ใช่การมุ่งจองเวร, เอกภาพไม่ใช่ทำให้เหมือนกันหมด ขอให้จิตวิญญาณสนธิสัญญาปางโหลงจงเจริญ" แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ
การแสดงของชาติพันธุ์ไทใหญ่ในชุดฟ้อนกินนร-กินนรี
งานรำลึกครบรอบ 60 ปีสนธิสัญญาปางโหลงที่จัดขึ้นนี้ นับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่มีกลุ่มชนชาติซึ่งไม่ได้ร่วมลงนามสนธิสัญญาปางโหลงเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ภายในงานมีการแสดงของแต่ละชนชาติ และมีการร้องเพลง "สัญญาปางโหลง" ภาคภาษาอังกฤษ และภาคดั้งเดิมที่เป็นภาษาไทใหญ่ ซึ่งมีเนื้อหาทวงถามพม่าที่ไม่ยอมทำตามสนธิสัญญาปางโหลงไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแล้วกี่สิบปี ซึ่งได้ทำให้บรรดาผู้ร่วมงานซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ สะเทือนใจไปตามๆ กัน
คุณ Shirley Seng จาก Kachin Women Association กล่าวว่า สัญญาปางโหลงผ่านมากว่า 60 ปีแล้ว แต่พวกเราทุกเผ่าก็ยังต้องสู้อยู่ ตนจึงอยากขอพรจากพระเจ้าและสิ่งศักดิสิทธิ์ของทุกเผ่าให้พวกเรามีกำลังใจต่อสู้จนบรรลุเป้าหมายของเรา ทุกวันนี้สตรีคะฉิ่นลำบากมากต้องอพยพไปทำงานถึงชายแดนประเทศจีนและตกอยู่ในกระบวนการค้ามนุษย์ก็มี จึงอยากให้มีการปกป้องสิทธิสตรีในพม่า และอยากให้สังคมไทยและรัฐบาลไทยเข้าใจ และเห็นใจพวกเรา ที่พม่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างหนัก และไม่มีโอกาสได้ออกมาบอกเล่า รัฐบาลทหารพม่าปิดหูปิดตา ดังนั้นจึงมีผู้คนหนีมาอยู่เมืองไทยเป็นจำนวนมาก อยากให้สังคมไทยเห็นใจเราบ้าง ไม่ใช่เรามาก็ตั้งท่าจะจับ คุณ Shirley กล่าว
สำหรับความเป็นมาของสนธิสัญญาปางโหลงนั้น เป็นการลงนามร่วมกันระหว่างนาย
ทว่า ในวันที่ 19 กรกฎาคมปีเดียวกัน นายพลอองซาน ผู้ร่วมลงนามฝ่ายพม่าได้ถูกลอบสังหาร จากนั้นในปี 2507 นายพลเนวินได้ยึดอำนาจพร้อมประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้สนธิสัญญาปางโหลงที่พม่า ไทใหญ่ คะฉิ่น และชินได้ทำร่วมกันเป็นโมฆะ และนับแต่นั้นรัฐบาลทหารพม่าได้ส่งกำลังทหารเข้าสู่รัฐฉาน โดยอ้างจะกวาดล้างกองกำลังจีนก๊กมินตั๋งที่พ่ายแพ้พรรคคอมมิวนิสต์ถอยร่นเข้าสู่รัฐฉาน และเพิ่มกำลังทหารกระจายเข้าสู่ทั่วทุกพื้นที่ ทำให้ไทใหญ่รวมทั้งชนชาติต่างๆ ต้องลุกขึ้นต่อสู้เพื่อทวงสนธิสัญญามาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากวันที่ 12 ก.พ. จะเป็นวันรำลึกถึงการลงนามสนธิสัญญาปางโหลงแล้ว วันนี้ยังถูกกำหนดให้เป็นวัน "สหภาพพม่า" อีกด้วย โดยในวันเดียวกันนี้พลเอกอาวุโสตาน ฉ่วย ผู้นำสูงสุดของรัฐบาลพม่าคือ ได้ปรากฏตัวในในพิธีฉลอง และงานเลี้ยงวันสหภาพพม่าที่จัดขึ้นที่เมือง เนปีดอร์ เมืองหลวงด้านการบริหารแห่งใหม่ของพม่า ในเขตตอนกลางของประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้มีมีกระแสข่าวลือเกี่ยวกับสุขภาพของพลเอกอาวุโสตาน ฉ่วย หลังจากที่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาผู้นำเผด็จการผู้นี้เดินทางไปรักษาอาการป่วยที่สิงคโปร์นานเกือบ 2 สัปดาห์
นาย
และในวันเดียวกันนี้ สำนักข่าว AP รายงานว่า ที่กรุงย่างกุ้ง ณ ที่ทำการพรรคสันนิบาติชาติเพื่อประชาธิปไตย (National League for Democracy - NLD) ของนาง
ข้อมูลบางส่วนจากสำนักข่าวเชื่อม