ตั้งกองทุนตามน้องกลับบ้าน

ศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ตั้งกองทุนตามน้องกลับบ้าน หวังตามเด็กคืนสู่ครอบครัว

หลังจากรับแจ้งข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ทางศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา ได้รับแจ้งข้อมูลเด็กหายตัวไปจากบ้านแล้วกว่า 400 รายจากทั่วประเทศ และมีแนวโน้มว่าจะเด็กหายเพิ่มมากขึ้น

แต่จากการทำงานมาเป็นเวลา 4 ปีเต็ม ปรากฏว่าในช่วง 2 ปีแรก ศูนย์ข้อมูลคนหายฯ ได้รับทุนสนับสนุนการดำเนินงานจากมูลนิธิเอเชียและสถานทูตอเมริกา แต่ช่วง 2 ปีหลังจนถึงปัจจุบัน ทางศูนย์ข้อมูลคนหายฯ ขาดทุนทรัพย์ที่จะมาสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในโครงการ ทำให้ต้องปรับลดจำนวนของเจ้าหน้าที่จาก 7 คนให้เหลือ 2 คนแทน ทั้งที่ขอบเขตจากทำงานของศูนย์ข้อมูลคนหายครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ

จากปัญหานี้ ศูนย์ข้อมูลคนหายฯ จึงตั้ง 'กองทุนตามน้องกลับบ้าน' ขึ้น เพื่อนำเงินดังกล่าวมาใช้ดำเนินการสนับสนุนภารกิจติดตามคนหาย สงเคราะห์ บำบัดฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้เสียหาย และคุ้มครองผู้เสียหายในการดำเนินคดีอาญา

ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา พบว่า กรณีเด็กหายตัวออกไปจากบ้านราว 400 ราย มีสาเหตุการหายตัวไปของคนในสังคมในหลากหลายรูปแบบ จำแนกออกเป็น 10 ประเภท คือ 1) ลักพาตัว 2) ล่อลวงเพื่อทางเพศ 3) ติดแชทไลน์ทางโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต 4) ติดเกมส์ 5) ล่อลวงเพื่อแรงงาน 6) โรคสมองเสื่อม 7) ชู้สาว 8) สมัครใจ 9) ขาดการติดต่อ 10) อื่นๆ

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ประธานมูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า จากการช่วยเหลือและติดตามเด็กนั้น ทางศูนย์ข้อมูลคนหาย สามารถนำเด็กกลับคืนสู่ครอบครัวได้กว่า 230 ราย

กรณีเด็กถูกลักพาตัวที่สามารถติดตามกลับมาได้ล่าสุดนั้น เป็นเด็กวัย 6 เดือน น้องหนึ่ง (นามสมมติ) ซึ่งหลังจากที่ได้รับแจ้งเหตุมาประมาณปลายเดือนตุลาคม ศูนย์ข้อมูลคนหายฯ ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่คนร้ายโทรกลับมาหาครอบครัว และประสานงานไปยัง ศูนย์สวัสดิภาพเด็ก เยาวชน และสตรี (ศดส.) เพื่อทำการสืบสวนติดตาม ใช้เวลา 2 สัปดาห์ก็สามารถนำตัวเด็กกลับคืนสู่ครอบครัว และจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้

สถานการณ์ล่าสุดเรื่องการติดตามเด็กถูกลักพาตัวนั้น ทางศูนย์ข้อมูลคนหายฯ ได้รับแจ้งเรื่องเด็กชายอายุ 9 ปี และ 11 ปี ถูกลักพาตัว จากท้องที่กระทุ่มแบน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีใครทราบว่าเด็กทั้ง 2 คน อยู่ที่ไหน หรืออยู่กับใคร และกรณีเด็กติดแชททางอินเตอร์เน็ท ซึ่งเป็นเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่มีสภาวะความเสี่ยงสูงในการหายตัวออกจากบ้าน โดยถูกชักชวนหรือล่อลวงจากบุคคลแปลกหน้า

ทั้งนี้ โครงการศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ เริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.. 2546 เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางรับแจ้งเพื่อให้คำปรึกษา ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตาม และให้ความช่วยเหลือคนหาย ซึ่งมีสภาวะความเสี่ยงต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัย โดยที่ศูนย์ข้อมูลคนหายฯ จะมีบทบาทโดยตรงในการ ให้คำแนะนำ ประสานงานช่วยเหลือครอบครัวคนหายให้สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม อันเป็นกลไกสำคัญในการติดตามและช่วยเหลือคนหายให้กลับคืนสู่ครอบครัวด้วยความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีเวปไซค์ www.backtohome.org เป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ข้อมูล ประชาสัมพันธ์ข้อมูลคนหายในประเทศไทย และให้ความรู้แก่ชุมชนและสังคมในการป้องกันภัยการหายตัวออกจากบ้านในรูปแบบต่างๆ

เพื่อให้ศูนย์ข้อมูลคนหายสามารถดำเนินการต่อได้โดยครอบคลุมพื้นที่ปัญหาทั่วประเทศ ศูนย์ข้อมูลคนหายฯ จึงตั้ง "กองทุนตามน้องกลับบ้าน" ขึ้น ให้คนในสังคมได้มีส่วนร่วมในการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลคนหายฯ ช่วยเหลือ และติดตามเด็กให้กลับคืนสู่ครอบครัวอย่างปลอดภัย

นายสมบัติ กล่าวเพิ่มเติมว่า "คนในสังคมสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือได้ด้วยการบริจาคทุนทรัพย์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพาคนหายกลับบ้านอย่างปลอดภัย โดยการโอนเงินเข้าชื่อบัญชี "กองทุนตามน้องกลับบ้าน" ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นจูรี่ ประเภทบัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 208-202378-3 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 0-26427991-2 "

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท