Skip to main content
sharethis






การเมือง


สื่อออสเตรเลียวิจารณ์รับ'ทักษิณ' ชี้ยังหวังคืนสู่เวทีการเมืองไทย


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์---สื่อออสเตรเลียวิเคราะห์ทักษิณ ยังเล่นเดินเกมการเมือง แม้อยู่ต่างแดน หวังคืนสู่อำนาจอีกครั้งระบุขึ้นปกไทม์เพราะผลงานบริษัทล็อบบี้อเมริกัน


 


ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางไปออสเตรเลีย ทางเดอะซิดนีย์ มอร์นิงเฮรัลด์ - สื่อมวลชนแดนออสเตรเลีย เขียนบทความหัวข้อ "Thaksin power plays touch Thailand even from exile" ชี้ "แม้ว" ยังรอคอยที่จะคืนสู่อำนาจ เล่นเกมป่วน คมช.และรัฐบาล พร้อมระบุการได้สัมภาษณ์กับ CNN และขึ้นปกนิตยสารไทม์มาจากผลงานของบริษัท บาร์เบอร์ กริฟฟิธ แอนด์ โรเจอร์ส


 


เดอะซิดนีย์ มอร์นิงเฮรัลด์ รายงานว่า เงาของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ปรากฏรางๆ เหนือรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งของไทย หลังผลการสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดของอดีตผู้นำที่เพิ่มสูงขึ้น


 


จากการที่ไม่สามารถประเล้าประโลมคะแนนเสียงได้ในบ้านเกิดทักษิณ ได้ว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ของสหรัฐฯ ในการขัดเกลาภาพลักษณ์ต่อนานาชาติ ขณะที่ผลคะแนนนิยมล่าสุดของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ลดลงจาก 70 เปอร์เซ็นต์ เมื่อครั้งที่ได้รับการแต่งตั้งในเดือนพฤศจิกายน เหลือเพียง 48 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกัน คะแนนนิยมของทักษิณกลับเพิ่มขึ้นจาก 15 เปอร์เซ็นต์ เป็น 21 เปอร์เซ็นต์


 


คะแนนนิยมของรัฐบาลที่ลดต่ำลงมาจากประชาชนไม่พอใจกับการใส่ "เกียร์ว่าง" ของข้าราชการที่เคยทำงานร่วมกับทักษิณ นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังมีปัญหาทางการทูตกับสิงคโปร์ ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจน้อยลงหลังมีมาตรการควบคุมค่าเงินบาท รวมทั้งปัญหาความกังวลด้านความปลอดภัยจากเหตุระเบิดในช่วงปีใหม่


 


เดอะซิดนีย์ มอร์นิงเฮรัลด์ ระบุต่อว่า ระหว่างที่รอนายกฯ พลัดถิ่น ทักษิณ ภายใต้ความช่วยเหลือของบริษัท บาร์เบอร์ กริฟฟิธ แอนด์ โรเจอร์ส ดำเนินการประชาสัมพันธ์ในระดับนานาชาติ โดยในช่วงต้นสัปดาห์ ทักษิณ "staying power" ได้ปรากฏกายอยู่บนปกของนิตยสารไทม์เอเชีย


 


นอกจากนี้ ทักษิณยังใช้การสัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นและพูดคุยกับเอเชียนวอลล์สตรีท สร้างภาพลักษณ์ให้กับตนเอง โดยมีการเปรียบเทียบกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ของรัฐบาลทักษิณ


 


การเข้าพบกับ เอส จายากูมาร์ รองนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ที่สร้างปัญหาทางการทูตต่อสองประเทศ ทำให้ชื่อของทักษิณ ได้ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับในบ้านเกิด


 


เดอะซิดนีย์ มอร์นิงเฮรัลด์ อ้างว่า ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนต่างๆ ทักษิณ ให้สัญญาว่าจะยุติบทบาททางการเมือง แต่มีส่วนน้อยที่เชื่อเขา


 


สื่อดังกล่าวชี้อีกว่าปัญหาของรัฐบาล สิ่งแรกคือทักษิณ สามารถที่จะรอได้เพราะเขามีเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในธนาคารและพร้อมกลับคืนสู่อำนาจ ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ พยายามพิสูจน์ปัญหาด้านความคอร์รัปชัน ตลอด 5 ปีที่เขาอยู่ในตำแหน่ง


 


อย่างที่สองคือเขาไม่เล่นตามกฎของไทย หลังจากเกิดรัฐประหารทักษิณ ไม่พยายามอยู่อย่างสงบ "เขาพยายามสั่นคลอนเรา" เดอะซิดนีย์ มอร์นิงเฮรัลด์ อ้างคำพูดของรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย "มีกฎที่แน่ชัด แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะหมายความอย่างที่เขาพูด มีหลักฐานหลายอย่างที่พบว่าเขาไม่ทำอย่างที่พูดในการยุติบทบาททางการเมือง"


 


มติครม.ยก"ดอนเมือง"เป็นสนามบินนานาชาติภายใน45วันเปิดใช้ใหม่


เว็บไซต์คมชัดลึก--รัฐบาลผ่านมติครม.ยก "ดอนเมือง" เป็นสนามบินนานาชาติ นายกฯ-รัฐมนตรี ประสานเสียงระบุเพื่อรองรับผู้โดยสาร ขณะสายการบินระบุทำให้ภาพ "สุวรรณภูมิ" เลวร้ายลง เอโอซี แสดงความไม่เห็นด้วย ระบุการคมนาคมขนส่งระหว่าง 2 สนามบิน อาจมีปัญหา


 



ความคืบหน้ากรณีการย้ายสายการบินกลับไปใช้ท่าอากาศยานกรุงเทพ หรือสนามบินดอนเมือง เนื่องจากสนามบินสุวรรณภูมิมีปัญหารันเวย์และแท็กซี่เวย์ร้าว แม้จะยังไม่มีวาระเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ก็มีความคืบหน้าเรื่องนี้


 



พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวในที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีมติให้ใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานกรุงเทพ เป็นสนามบินนานาชาติของประเทศไทย เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ในช่วงนี้จึงต้องเตรียมท่าอากาศยานกรุงเทพให้มีความพร้อม เพื่อให้เป็นสนามบินนานาชาติอีกแห่งหนึ่ง


 



ด้าน พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การมีสนามบินนานาชาติ 2 แห่ง เป็นการรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น โดยดอนเมืองอาจจะให้สายการบินทั้งในและต่างประเทศไปใช้บริการ ส่วนแผนการย้ายเที่ยวบินในประเทศแบบจุดต่อจุด คาดว่าหลังจากสรุปรายละเอียดต่างๆ เช่น สายการบินใดบ้างที่สนใจ รวมทั้งอุปกรณ์แรงงานแล้ว ภายใน 2 สัปดาห์ก็น่าจะเสนอต่อที่ประชุม ครม. ได้ หลังจากนั้น 45 วันก็น่าจะเริ่มเข้าไปใช้ประโยชน์สนามบินดอนเมืองได้


 



ขณะที่ ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ ครม.มีมติให้มีสนามบินนานาชาติ 2 แห่ง ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการให้บริการผู้โดยสารระหว่างที่มีการซ่อมแซมทั้งรันเวย์และแท็กซี่เวย์ หรือปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสุวรรณภูมิ เพื่อกลับไปใช้สนามบินดอนเมืองที่ยังมีศักยภาพ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องเร่งปรับปรุงดอนเมืองเพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง หลังจากหยุดใช้มานาน



"เมื่อนำดอนเมืองกลับมาใช้ประโยชน์เป็นสนามบินนานาชาติแล้ว จึงให้ชะลอแผนการขยายการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มเติม ทั้งการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารทางด้านทิศใต้และการสร้างรันเวย์เพิ่มอีก 2 แห่ง" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว


 



ด้านว่าที่ ร.ต.หญิง โสภิณ แดงเทศ ประธานคณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน สนามบินกรุงเทพ (เอโอซี) ซึ่งมีสมาชิกเป็นสายการบินต่างๆ ที่บินเข้า-ออกไทย กล่าวว่า ขณะนี้เพียงทราบว่ารัฐบาลต้องการนำสนามบินดอนเมืองมาปรับปรุงให้รองรับขีดความสามารถในการบินระหว่างประเทศได้ แต่ก็ยังไม่ระบุแน่ชัดว่าย้ายโดยสมัครใจหรือบังคับ ซึ่งหากเป็นกรณีของความสมัครใจ สายการบินคงต้องไปหาข้อมูลอีกครั้ง และเชื่อว่าหากเป็นการบินในประเทศน่าจะย้ายได้มากกว่าการบินระหว่างประเทศ เนื่องจากสายการบินจากต่างประเทศลงทุนที่สุวรรณภูมิไปเป็นจำนวนมากแล้ว


 



"สายการบินต่างประเทศส่วนใหญ่สนับสนุนการใช้สนามบินเดียวมากกว่า แต่ก็เข้าใจว่าขณะนี้สนามบินสุวรรณภูมิเริ่มมีการใช้งานเต็ม ต้องมีการแยกบางส่วนไปบ้าง ในขณะที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ก็ยังไม่มีงบสร้างโลว์คอสต์เทอร์มินัล แต่ที่ดอนเมืองควรพิจารณาให้เหมาะสมว่าจะให้มีการบินลักษณะใดที่ไม่กระทบกับแอร์ไลน์ โดยที่การบินแบบจุดต่อจุดโดยไม่ต้องต่อเครื่องจะมีความเหมาะสมที่สุด" ว่าที่ ร.ต.หญิง โสภิณ กล่าว


 



นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินนกแอร์ กล่าวว่า หากว่ามีการเปิดสนามบินดอนเมืองให้สามารถรับเที่ยวบินระหว่างประเทศได้นั้น อาจจะส่งผลให้ภาพลักษณ์ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในสายตานานาชาติไม่มีความมั่นใจ เนื่องจากข่าวที่ออกมาสะท้อนให้เห็นถึงปัญหา จนต้องเปิดให้สายการบินนานาชาติย้ายมาทำการบินที่ดอนเมือง ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นของสุวรรณภูมิลดลง



นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวหรือ แอตต้า กล่าวว่า การอนุมัติให้สนามบินดอนเมืองเป็นท่าอากาศยานนานาชาติควบคู่กับสุวรรณภูมิเป็นแนวความคิดที่ดี เนื่องจากว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสายการบินสามารถมีอิสระในการใช้บริการสนามบินทั้งสอง เพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสาร นอกจากนี้ ขีดความสามารถของดอนเมืองยังสามารถที่จะแบ่งเบาภาระของสนามบินสุวรรณภูมิได้อีกทาง เพราะดอนเมืองรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 35 ล้านคนต่อปี ขณะที่สุวรรณภูมิสามารถรองรับได้ 45 ล้านคนต่อปี


 



"สิ่งที่สำคัญคือมาตรการหรือแผนการจัดการที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศที่จะลงจอดทั้งสองสนามบิน อาจจะทำให้ผู้โดยสารที่เชื่อมต่อเที่ยวบินเกิดปัญหา ซึ่งภาครัฐอาจจะต้องเร่งแผนพัฒนาส่วนเชื่อมต่อระหว่าง 2 สนามบิน ในกรณีที่จะต้องใช้ดอนเมืองเป็นการถาวร" นายอภิชาติ กล่าว



การใช้สนามบินแบบ 2 สนามบินนั้น ในต่างประเทศอย่างเช่น อังกฤษ นิวยอร์ก หรืออีกหลายประเทศในยุโรปก็มีการบริหารสนามบิน 2 สนามบินเช่นกัน แต่สิ่งสำคัญคือการแจ้งเตือนแก่สายการบินต่างๆ ว่าจะให้ย้ายไปดอนเมืองกี่สาย เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เนื่องจากว่าผู้ประกอบการสายการบินจะต้องปรับตารางการบินทุกๆ 6 เดือนล่วงหน้า


 



ด้านนายโกวิท ธัญญรัตตกุล นายกสมาคมตัวแทนขนส่งสินค้าทางอากาศไทย กล่าวว่า สมาคมได้รวบรวมข้อมูลและปัญหาต่างๆ ตั้งแต่ย้ายมาใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเสนอต่อรัฐบาลภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อให้มีการกำหนดมาตร การแก้ไขทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งการย้ายสนามบินทำให้ค่าใช้จ่ายผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 เนื่องจากปัจจัยหลายด้าน เช่น ระยะทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไกลกว่าดอนเมือง ค่าเช่าสำนักงานและค่าบริการของสุวรรณภูมิสูงกว่าดอนเมือง ร้อยละ 30 เป็นต้น



นอกจากนี้ ยังพบปัญหาในเขตปลอดอากร หรือฟรีโซน ที่มีการบริหารจัดการไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการขนส่งสินค้า เพราะเดิมเขตปลอดอากรที่ดอนเมืองจะมีบริการแบบจุดเดียว หรือวันสต็อปเซอร์วิส เมื่อผ่านพิธีการศุลกากรแล้ว ก็ส่งสินค้าขึ้นเครื่องได้ทันที แต่ที่สุวรรณภูมิการออกแบบตัวอาคารทำให้เมื่อผ่านด่านศุลกากรแล้ว ต้องไปตรวจเช็คก่อนจะขึ้นเครื่องอีก ทำให้เสียเวลามากขึ้น


 



กมธ.ฯสอบสุวรรณภูมิขยายเวลาถกอีก 90 วัน


การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบปัญหาสนามบินสุวรรณภูมิ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มี พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน สนช. เป็นประธาน ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ได้รายงานผลการลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหา ว่า ตั้งแต่เข้ามาทำงานถูกกดดันจากอำนาจทั้งด้านมืด และกลุ่มมาเฟีย และมีผู้หลักผู้ใหญ่ออกมากล่าวหาว่า การทำงานของคณะกรรมาธิการเป็นการทำลายชื่อเสียงของประเทศและสนามบินสุวรรณภูมิ ทุกวันนี้เวลาเข้าไปตรวจสอบ พบการเบี่ยงเบนประเด็น เช่น การเรียกร้องให้กลับไปใช้สนามบินดอนเมือง ก็มีการกล่าวหาว่าตนมีพรรคพวกที่ทำแท็กซี่อยู่จึงต้องการให้กลับไปใช้ที่นั่น เป็นการขัดขวางเพื่อให้เราทำงานไม่สะดวก แต่การตรวจสอบของเราไม่ได้มุ่งที่จะรังแกพ่อค้า นักธุรกิจ แต่ต้องการทำทุกอย่างให้ถูกต้อง แม้ว่าที่ผ่านมามีพวกมาเฟียเข้ามาขอเจรจาก็ตาม


 



พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า ส่วนการตรวจสอบปัญหาแท็กซี่เวย์และรันเวย์ ล่าสุดตนได้ขออนุมัติจาก พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ประธานบอร์ดทอท.เสนอให้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเข้ามาตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ได้มีคณะกรรมการชุดของนายต่อตระกูล ยมนาค เข้าไปตรวจสอบ แต่ปรากฏว่ายังไม่ได้ข้อสรุปความเสียหายที่เกิดขึ้นมีสาเหตุจากอะไร และขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญของทอท.ได้ทำเรื่องเสนอให้บริษัทจากอเมริกาส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเพื่อตรวจสอบซ้ำอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามการให้บริษัทต่างชาติเข้าตรวจสอบเป็นเพราะนายกสมาคมวิศวกรรมสถานเป็นพี่ชายของอดีตประธานบอร์ดทอท. ซึ่งก็หนีไม่พ้นข้อครหาว่ามีส่วนได้เสีย และอาจทำให้มีการช่วยเหลือกันได้


 



พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า ในวันที่ 8 ก.พ.คณะกรรมาธิการฯจะเดินทางไปตรวจสอบความพร้อมการใช้สนามบินดอนเมืองที่จะรองรับสายการบินภายในประเทศบางส่วนที่จะย้ายกลับมา และเนื่องจากคณะกรรมาธิการฯจะสิ้นสุดสภาพในวันที่ 27 ก.พ.นี้ ที่ประชุมจึงมีมติขอให้มีการขยายเวลาการทำงานของคณะกรรมาธิการฯต่อไปอีก 90 วัน


 



จากนั้น พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาสัญญาการดำเนินงานของบริษัทคิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้รายงานความคืบหน้าหน้า ว่า ปัญหาการใช้พื้นที่ของบริษัทคิงเพาเวอร์ ทุกประเด็นสามารถโยงไปสู่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะสัญญาทุกประเภทไม่เป็นไปตามกฎหมาย บริษัทเอกชนอยากจะแก้ตรงไหนก็แก้ได้ โดยมีนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตประธานบอร์ดทอท.ยอมทุกอย่างด้วยการสั่งด้วยวาจาและกระทำทันที และการทำงานของเจ้าหน้าที่ทอท.อยู่ภายใต้อำนาจของนักการเมืองทั้งๆที่รู้ว่าผิด ซึ่งนายบัญชา ปัทมาพร อดีตรองประธานบอร์ดทอท.ก็ยอมรับว่า รับคำสั่งมาจากพ.ต.ท.ทักษิณ และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แม้ไม่อยากทำผิดเงื่อนไขสัญญา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว วันที่ 9 ก.พ.จะเชิญคณะกรรมการกฤษฎีกามาชี้แจงถึงพ.ร.บ.ร่วมทุนเพื่อหารือว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อนและการการคอรัปชั่นเชิงนโยบายได้อย่างไรบ้าง


 



"เพิ่มศักดิ์"ระบุหัวหน้ามาเฟียคือบิ๊กใน"ทอท."



พล.อ.เพิ่มศักดิ์ พวงสาโรจน์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหารถรับจ้างขนส่งผู้โดยสาร (แท็กซี่) กล่าวถึงการแก้ปัญหามาเฟียแท็กซี่ในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ว่า ได้คุยกับหัวหน้ามาเฟีย 2 กลุ่มใหญ่ ทำให้ทราบว่าหัวหน้าใหญ่ของมาเฟียคือ เจ้าหน้าที่ระดับสูงใน ทอท.นั่งเอง และสืบพบว่าบุคคลผู้นี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของกลุ่มแท็กซี่ และรถลีมูซีนที่มีอยู่เกือบ 2,000 คัน หากจะแก้ปัญหาเราคงต้องทำลายหัวหน้าใหญ่มาเฟียก่อน


 



 "ผมยังโดนขู่ว่า พี่ทำอะไรผมไม่ได้หรอก ผมก็บอกไปว่า ผมก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน และหากเขายังทำกำแหง เราคงต้องใช้วิธีเอาโจรมาปราบโจร เพราะพวกนี้เขารู้ว่าจะจัดการอย่างไร ส่วนปัญหารถลีมูซีนเถื่อนพบว่ามีแก๊งผี เข้าไปตั้งเคาท์เตอร์ โดยให้บริษัทลีมูซีนที่ได้รับสัมปทานถูกต้องเข้าไปรับแขกข้างใน โดยอ้างว่าเพื่อความสะดวกของผู้โดยสาร แต่พบว่ากลับมีการจัดส่งผู้โดยสารให้ลีมูซีนเถื่อนด้านนอก และมีการปั้มบัตรปลอมครั้งหนึ่ง 300-400 ใบ ซึ่งแทนที่ทอท.จะทำเองกลับไปจ้างบริษัทมารับช่วงต่อ เป็นการกินตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ คิดเป็นเงินมูลค่ามหาศาล" พล.อ.เพิ่มศักดิ์ กล่าว


 



พล.อ.อ.ธเรศ ปุณณะศรี ประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาและแก้ไขปัญหาการรักษาความสะอาดและสภาพแวดล้อมภายในสนามบินสุวรรณภูมิ กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบสภาพแวดล้อมในสนามบิน ว่า จากการตรวจสอบประตูนิรภัยที่ไม่สามารถใช้การได้ แม้จะใช้บัตรก็ไม่สามารถเปิดประตูนิรภัยได้ ซึ่งมีถึง 900 จุด และยังพบว่าไม่มี การตรวจรับงานอีกด้วย


 


รถดับเพลิงฉาว กทม. ลอตสองมาถึงท่าเรือแหลมฉบัง แล้ว


ไอ.เอ็น.เอ็น. -- รถดับเพลิงฉาว กทม. ลอตสอง มาถึงท่าเรือแหลมฉบัง แล้ว ขณะที่ผู้ว่าฯ ยัน ไม่ตรวจรับแน่นอน


 


ความคืบหน้ากรณีโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงมูลค่า 6,700 ล้านบาทของกรุงเทพมหานคร ล่าสุดวันนี้บริษัท สไตเออร์คู่สัญญาได้แจ้งมายังสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ สปภ.ว่ารถดับเพลิงลอตสองได้จัดส่งมาถึงท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรีแล้ว ขณะที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครระบุยังไม่ได้รับรายงาน แต่กรุงเทพมหานครก็จะไม่ดำเนินการรับรถแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่กรุงเทพมหานครจำเป็นต้องชำระเงินงวดแรกมูลค่า 845 ล้านบาท หากคู่สัญญาไม่ได้ส่งหนังสือยินยอมการชะลอจ่ายเงินมาทางธนาคารกรุงไทยภายในวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้นั้น หากคตส.มีการชี้มูลความผิดพบการจัดซื้อแพงเกินจริงทางกรุงเทพมหานครและกระทรวงมหาดไทยก็ต้องดำเนินการเจรจากับคู่สัญญาในเรื่องดังกล่าวพร้อมส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุด ว่าสามารถยกเลิกสัญญาได้หรือไม่


 


นอกจากนี้ทางกรุงเทพมหานครยังได้ทำหนังสือขอยกเว้นภาษีศุลกากรจำนวน 1,200 ล้านบาทผ่านไปยังกระทรวงการคลังซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ


 


รบ.โยน คตส.ตัดสินคดี "ดับเพลิง" ฉาว


เว็บไซต์เดลินิวส์ --เมื่อวันที่ 6 ก.พ.ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปัญหาการจัดซื้อรถดับเพลิงของกทม. ว่า นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่ากทม. ได้รายงานให้ที่ประชุมครม.รับทราบโครงการจัดซื้อรถดับเพลิงที่ครบกำหนดชำระเงินงวดที่ 1 จำนวน 830 ล้านบาท โดย กทม. กำลังเจรจากับคู่สัญญาเพื่อขอให้ธนาคาร 2 ฝ่าย ชะลอการชำระเงินไปก่อน เพื่อรอฟังคำวินิจฉัยของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ซึ่งจะมีข้อยุติในวันที่ 8 ก.พ.นี้ รวมทั้งเรื่องรถดับเพลิงงวดที่ 2 จะมาถึงในวันที่ 7-10 ก.พ.นี้


 







เศรษฐกิจ


 


ไทยติดอันดับ 5 ประเทศที่จะมีปรับค่าจ้างสูงสุดในโลก


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค -- เอเชียจะเป็นภูมิภาคที่อัตราค่าจ้างจะเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในปีนี้ เป็นผลจากเศรษฐกิจขยายตัวแข็งแกร่ง ตลาดขาดแคลนพนักงานมีทักษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้จัดการอาวุโสและเงินเฟ้อต่ำ โดยมีไทยอยู่ในอันดับ 5 ของ 10 ประเทศ ที่ค่าจ้างจะเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลก อีซีเอ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัททรัพยากรบุคคลในฮ่องกง คาดว่า อัตราค่าจ้างที่แท้จริงในเอเชีย จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 3.6 ในปีนี้ เทียบกับปีก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เป็นค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นต่อปี หลังจากนำอัตราเงินเฟ้อมาคำนวณแล้ว ผลสำรวจใน 45 ประเทศ คาดว่า ปีนี้อัตราค่าจ้างในอินเดียจะเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในโลกร้อยละ 7 ตามด้วยอินโดนีเซีย และจีน ร้อยละ 6 ขณะที่เวียดนามอาจเพิ่มขึ้นน้อยที่สุด เพราะอัตราเงินเฟ้อสูง ผลสำรวจพบด้วยว่า อัตราค่าจ้างในสโลวาเกียอาจเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 สูงที่สุดในประเทศ นอกกลุ่มเอเชีย ขณะที่สหรัฐอาจเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.1     สำหรับ 10 อันดับประเทศ ที่คาดว่าปีนี้อัตราค่าจ้างที่แท้จริงจะเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลก ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย จีน ฟิลิปปินส์ ไทย สโลวาเกีย เกาหลีใต้ มาเลเซีย อียิปต์ และรัสเซีย


 


ททท. ตั้งเป้า ดึงนร.นศ.สิงค์โปร์เที่ยวไทยช่วงซัมเมอร์เดือนมีนาคม


กรมประชาสัมพันธ์ --การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตั้งเป้า ดึงนักเรียน นักศึกษาสิงค์โปร์เที่ยวไทยช่วงปิดภาคเรียนช่วงเดือนมีนาคม ขณะเดียวกันได้ร่วมกับสายการบินไทเกอร์ แอร์เวยส์จัดทริปท่องเที่ยวปลายสัปดาห์ คาดจะเพิ่มนักท่องเที่ยวสิงคโปร์ได้อีกร้อยละ 7 นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ฝ่ายตลาดต่างประเทศ เปิดเผยถึงการดำเนินงานด้านการส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวสิงค์โปร์ หลังเข้าร่วมงานเสนอขายสินค้าการท่องเที่ยวในการประชุม ASEAN Tourism Forum 2007 ณ สาธารณรัฐสิงค์โปร์เมื่อระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า จะมีการเสนอขายเส้นทางใหม่ กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี-นครปฐม พร้อมจัดทำโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียน โดยร่วมกับ 14 บริษัทนำเที่ยว นำคณะเยาวชนท่องเที่ยวช่วงปิดเทอม ประมาณช่วงเดือนมีนาคม นอกจากนี้ ททท.จะร่วมกับสายการบินไทเกอร์ แอร์เวยส์ โปรโมตการเดินทางท่องเที่ยวสุดสัปดาห์ หรือ(วีคเอ็นด์ เดสติเนชั่น) กระจายการเดินทางไปยังภาคอีสานของไทย ในจังหวัดอุดรธานี หนองคาย เลย เชื่อมโยง สู่ลาว อย่างไรก็ตาม คาดว่า ในสิ้นปีนี้น่าจะมีนักท่องเที่ยวสิงค์โปร์เดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยได้ตามเป้าที่ประมาณ 924,000 คนหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 7



ครม.เห็นชอบร่างกม.เซฟการ์ดรองรับเปิดเสรีการค้า


ไอ.เอ็น.เอ็น. --อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผย ที่ประชุม ครม. เห็นชอบ ร่างพรบ.มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเปิดเสรีการค้า


 


นางสาวชุติมา บุณประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นหรือกฎหมายเซฟการ์ดแล้วเพราะเห็นว่าการที่ประเทศไทยเป็นภาคีตกลงการค้าระหว่างประเทศ ทั้งในระดับพหุภาคีและทวิภาคีและมีความตกลงให้สมาชิกใช้มาตรการป้องกันอุตสาหกรรมภายในประเทศได้หากปรากฏว่ามีสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นจากประเทศสมาชิกอื่นจนก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภายในประเทศจึงจำเป็นต้องมีกฎหมายฉบับดังกล่าวขึ้นมารองรับโดยเฉพาะการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือ เอฟทีเอ กับประเทศต่างๆเพื่อคุ้มครองเร่งด่วน โดยกฎหมายฉบับดังกล่าวได้กำหนดมาตรการป้องกันโดยให้แสดงหลักฐานหากมีการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นจนก่อให้เกิดความเสียหาย


 


รมช.พาณิชย์ มั่นใจ ส่งออกข้าวปีนี้ได้ 8.5 ล้านตัน


ไอ.เอ็น.เอ็น. --รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ เตรียมวางแผนรองรับข้าวเปลือกนาปรัง เร่งทำสัญญาซื้อขายข้าวกับต่างประเทศล่วงหน้ามั่นใจ ปีนี้สามารถส่งออกข้าว ได้ถึง 8.5 ล้านตัน


 


นางอรนุช โอสถานนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากได้รับมอบหมายให้ดูแลในเรื่องสินค้าเกษตรนั้นตนจะเข้าไปดูแลในเรื่องสินค้าข้าวเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นสินค้าสำคัญของประเทศเชื่อมโยงทั้งเกษตรกรทั้งภายในประเทศและการส่งออกโดยจะมีการวางแผนรองรับข้าวเปลือกนาปรังที่กำลังจะออกสู่ตลาดเร็วๆนี้ โดยทางกระทรวงพาณิชย์จะเร่งทำตลาดรองรับข้าวทั้งหมดซึ่งอาจต้องมีการทำสัญญาซื้อขายข้าวกับต่างประเทศล่วงหน้า


 


นอกจากนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ยังกล่าวถึงการส่งออกข้าวในปีนี้ว่า จะสามารถส่งออกได้มากกว่าในปีที่ผ่านมาถึง 1,000,000 ตัน โดยในปีนี้เชื่อว่าจะสามารถส่งออกข้าวได้มากถึง 8.5 ล้านตัน


 


JALประกาศปลดพนักงาน 4,300 คน


ผู้จัดการออนไลน์--เอเอฟพี - เจแปน แอร์ไลน์ส (เจเอแอล) สายการบินที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เผยแผนวันนี้ (6) มีกำหนดที่จะปลดพนักงาน 4,300 คนในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือประมาณ 8% ของแรงงานทั้งหมด ตามแผนฟื้นฟูผลกำไรของบริษัท ซึ่งกำลังประสบปัญหาอย่างหนักจากปัญหาราคาน้ำมันแพงและดีมานด์ตกต่ำ


 


เจเอแอลชี้แจงว่า ทางบริษัทตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรลงให้ได้ 50,000 ล้านเยน (415 ล้านดอลลาร์) ภายในเดือนมีนาคม 2008 และมีแผนเพิ่มพูนประสิทธิภาพการเผาผลาญเชื้อเพลิง ด้วยการหันไปใช้เครื่องบินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมถึงการดำเนินมาตรการอื่นๆ นอกจากนั้น เจเอแอลยังมีแผนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานขึ้นอีก 10%


 


ทางบริษัทยังจะเดินหน้าตามแผนการเดิมในการเพิ่มเครื่องบินขนาดกลางและขนาดเล็กให้มากขึ้น โดยปลดระวางเครื่องบินรุ่นเก่าลง และจะลดสัดส่วนการใช้เครื่องบินขนาดใหญ่ในเส้นทางบินระหว่างประเทศลงจาก 58% เหลือเพียง 39% ในอีก 4 ปีข้างหน้า


 


ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 2 ปีดี หลังจากที่ก่อนหน้านี้เจเอแอลเคยประกาศปรับลดพนักงานมาแล้วเกือบ 6,000 คน


 







ความมั่นคง


 


US อ้างภัย 'จีน' พัฒนา 'ขีปนาวุธ' ในอวกาศ


ผู้จัดการออนไลน์ --เอเจนซี - สหรัฐฯควรเริ่มอภิปรายถกเกียงกันได้แล้ว เรื่องโครงการพัฒนาระบบต่อต้านขีปนาวุธที่ตั้งฐานในอวกาศ ในเมื่อจีนประสบความสำเร็จในการทดสอบยิงจรวดนำวิถีจากภาคพื้นดิน ขึ้นไปทำลายดาวเทียมเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นความเห็นของ พล.อ.ท.เฮนรี โอเบอริง ผู้อำนวยการสำนักงานขีปนาวุธเพื่อการป้องกัน กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ(เพนทากอน) เมื่อวันจันทร์(5)


 


ระหว่างการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์คราวนี้ โอเบอริงยังบอกปัดความหวั่นวิตกของพวกนักวิจารณ์ที่ว่า หากใช้ระบบต่อต้านขีปนาวุธในอวกาศ มาขัดขวางจรวดติดหัวรบซึ่งยิงมาใส่สหรัฐฯแล้ว จะทำให้เกิดปัญหาเศษซากที่จะกระจายฟุ้งไปในอวกาศ ทั้งนี้เขาบอกว่า เรื่องเศษซากเป็นเรื่องน่าห่วงน้อยกว่าการที่จะต้องป้องกันอเมริกา ไม่ให้ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์


 


อันที่จริงในร่างงบประมาณประจำปี 2008 ซึ่งประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ยื่นต่อรัฐสภาวันจันทร์ที่ผ่านมา ก็มีรายการของบขั้นต้น 10 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ศึกษาว่าระบบต่อต้านขีปนาวุธซึ่งมีฐานยิงอยู่ในอวกาศนั้น ควรจะมีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร ถึงแม้เรื่องนี้จะถูกคัดค้านทั้งจากจีน, รัสเซีย, และประเทศอื่นๆ


 


หากงบรายการนี้ได้รับอนุมัติ ย่อมเท่ากับเป็นรายจ่ายก้อนแรกในยุคของบุช สำหรับโครงการพัฒนาศักยภาพด้านการป้องกันขีปนาวุธขึ้นในอวกาศ จากที่ก่อนหน้านี้ศักยภาพด้านนี้ในอวกาศจะจำกัดอยู่แค่การติดตามและการสอดแนมเท่านั้น


 


นอกจากนั้น ยังจะเป็นก้าวอีกก้าวหนึ่งมุ่งสู่การสร้างปราการป้องกันขีปนาวุธ ซึ่งเสนอขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1983 โดย โรนัลด์ เรแกน ประธานาธิบดีสหรัฐฯในขณะนั้น ที่ได้เรียกโครงการนี้ว่า "แผนการริเริ่มเพื่อการป้องกันทางยุทธศาสตร์" หรือรู้จักกันทั่วไปในนาม โครงการ "สตาร์วอร์"


 


โอเบอริงกล่าวว่า การได้งบศึกษาขั้นต้นจะเป็นการลงทุนเพื่อสร้าง "รากฐานการทดลองที่ดี" ของสหรัฐฯ ซึ่งมุ่งหาคำตอบให้แก่คำถามที่ว่า จะเพิ่มระบบต่อต้านขีปนาวุธที่มีฐานอยู่ในอวกาศขึ้นมาอย่างไร เป็นการเสริมเติมระบบซึ่งมีฐานอยู่ในทะเลและบนภาคพื้นดิน ที่อเมริกากำลังพัฒนาอยู่ในเวลานี้


 


เขาระบุด้วยว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกประการหนึ่งก็คือ จีนอาจถ่ายโอนความรู้เรื่องระบบต่อต้านขีปนาวุธของตน ไปให้แก่ประเทศอื่นๆ


 


โอเบอริงยังปฏิเสธเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่า การที่จีนทดสอบยิงขีปนาวุธจากฐานภาคพื้นดินไปทำลายดาวเทียมเก่าของตนเองในอวกาศเมื่อวันที่ 11 มกราคมนั้น เป็นการแสดงปฏิกิริยาต่อความเคลื่อนไหวสร้างระบบป้องกันขีปนาวุธของอเมริกา โดยเขายืนยันว่า จีนได้พยายามพัฒนาศักยภาพด้านนี้มาก่อนนานแล้ว


 


เวียดนามเตรียมเปิดศูนย์เตือนภัยคลื่นยักษ์แห่งแรกของประเทศ


ผู้จัดการออนไลน์-- เวียดนามเตรียมเปิดดำเนินการศูนย์เตือนภัยคลื่นยักษ์แห่งแรกของประเทศ โดยมีที่ตั้งในกรุงฮานอย เร็วๆ นี้ โดยศูนย์เตือนภัยดังกล่าวจะดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง ในการเฝ้าระวังการเกิดเหตุคลื่นยักษ์ที่อาจมีผลกระทบต่อชายฝั่งของเวียดนาม โดยจะใช้ข้อมูลจากสถานีสังเกตการณ์ 25 แห่ง ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังจะใช้สัญญาณเตือนภัยจากศูนย์เตือนภัยคลื่นยักษ์ในเอเชีย-แปซิฟิก และสหรัฐฯ ประกอบในการเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่ง


 


ส่วนการจัดหาเครื่องมือ ตลอดจนค่าใช้จ่ายสำหรับเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ ได้รับงบประมาณจากรัฐบาลเพียง 1,500 ล้านดอง หรือประมาณ 3.3 ล้านบาท ในปี 2550 สถาบันหวังว่าจะได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นทั้งในปีนี้และปีหน้า เพื่อที่จะขยายมาตรฐานของศูนย์ให้เท่าเทียมกับศูนย์เตือนภัยอื่นในภูมิภาคต่อไป 


 


อิหร่านเตรียมเดินเครื่อง เพิ่มสมรรถนะ ยูเรเนี่ยม เต็มสูบกลางปีนี้


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค --นักการทูตยุโรปเผยว่า อิหร่านได้ติดตั้งเครื่องปั่นเหวี่ยง 2 ชุด ๆ ละ 164 เครื่อง ที่โรงงานนิวเคลียร์ใต้ดิน เตรียมการสำหรับการเพิ่มสมรรถนะแร่ยูเรเนียมอย่างเต็มที่ และทวีการเผชิญหน้ากับตะวันตก   ขณะที่ เครื่องปั่นเหวี่ยงอีก 328 เครื่อง จะเป็น 2 ชุดแรก จากทั้งหมด 3,000 เครื่อง ที่อิหร่านเตรียมติดตั้งกลางปีนี้ และจะมีการเดินเครื่องเพื่อทดสอบภาวะสุญญากาศของเครื่อง 2 ชุดแรก ในเร็ว ๆ นี้ เป็นเวลา 2-3 วัน หากได้ผลก็จะเติมก๊าซยูเรเนียมลงไป อย่างไรก็ดี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อิหร่านได้ปฏิเสธข่าวต่างชาติที่ว่าอิหร่านได้เริ่มติดตั้งเครื่องปั่นเหวี่ยงแล้ว


 


ด้านทบวงการ พลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ ไม่แสดงความเห็นต่อรายงานเรื่องนี้ แต่จะสรุปในรายงานที่จะเสนอต่อคณะมนตรีความมั่นคง ในวันที่ 21 เดือนนี้ว่า อิหร่านได้ระงับการเพิ่มสมรรถนะแร่ยูเรเนียมแล้วหรือไม่   อย่างไรก็ตาม หากเครื่องปั่นเหวี่ยง 3,000 เครื่อง ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง จะเพิ่มสมรรถนะแร่ยูเรเนียมให้บริสุทธิ์พอที่จะผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ภายในเวลา 1 ปี แต่อิหร่านมีปัญหาไม่สามารถทำให้เครื่องทำงานได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการเพิ่มสมรรถนะแร่ยูเรเนียม นักวิเคราะห์คาดว่า แม้อิหร่านเดินเครื่องปั่นเหวี่ยงได้ทั้ง 3,000 เครื่อง ภายในกลางปีนี้ ก็ต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 2 ปี จึงจะได้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้งานได้


 







ต่างประเทศ


 


แฉอดีตบิ๊กอินโดเปิดฉากยิงสังหารหมู่นักข่าวต่างชาติ 5 คน


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น--พยานผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่ง ซึ่งใช้นามแฝงว่า" เกลบ 2 " ให้ปากคำต่อศาลนิติเวศน์เขต"เกลบ" ในนครซิดนีย์ของออสเตรเลียในวันนี้ว่า อดีตผู้บัญชาการทหารระดับสูงของอินโดนีเซีย ชื่อ ยูนัส ยอสฟิอาห์ ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีข่าวสารเมื่อปี 2541 และมียศเป็นร้อยเอกสังกัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ช่วงที่กองทัพอินโดนีเซียบุกยึดติมอร์ตะวันออกเมื่อปี 2518 เป็นคนแรกที่เปิดฉากยิงถล่มใส่บ้านพักของนักข่าวต่างชาติ 5 คน ซึ่งเข้าไปทำข่าวในช่วงที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษบุกเข้าปราบปรามนักรบที่อ้างอำนาจอธิปไตยในติมอร์ตะวันออก หลังโปรตุเกสถอนตัวออกไปเพียงไม่นานก่อนที่อินโดนีเซียจะเข้าผนวกติมอร์ตะวันออกเป็นของตน


 


พยานผู้นี้ให้ปากคำว่า หลังจากร้อยเอกยอสฟิอาห์เปิดฉากยิง ทหารนายอื่นๆได้ช่วยระดมยิงจนนักข่าวชาวอังกฤษ 2 คน ,ออสเตรเลีย 2 คน และนิวซีแลนด์ 1 คน เสียชีวิตทั้งหมด ไม่ใช่เสียชีวิตเพราะถูกลูกหลง ในช่วงที่กองกำลังดังกล่าวกำลังรุกคืบหน้า ดังที่ทางกองทัพฯกล่าวอ้าง พยานซึ่งเป็นชาวติมอร์ตะวันออกที่เข้ารับการฝึกในกองทัพอินโดนีเซีย ยืนยันว่านักข่าวผู้ถูกสังหารไม่ได้มีพฤติกรรมยั่วยุแต่อย่างใด และเขาได้ให้การเท็จ ต่อเจ้าหน้าที่สอบสวนออสเตรเลียเพราะถูกนายทหารระดับสูงสั่งให้ปิดปากเงียบ แต่เขาได้เห็นการสังหารและพฤติกรรมไร้ความเป็นธรรมในติมอร์ตะวันออกมามาก จนสามัญสำนึกทำให้เขาต้องเปิดเผยความจริง


 


ศาลนิติเวศน์วิทยาเปิดการไต่สวนคดีนี้ หลังจากครอบครัวของหนึ่งในนักข่าวออสเตรเลียชื่อ นายไบรอัน ปีเตอร์ส ยืนยันว่าเขาถูกฆาตกรรม ทำให้เจ้าหน้าที่นิติเวศน์เรียกร้องให้ตรวจสอบ การเสียชีวิตของเขา หลังจากเมื่อปีที่แล้ว มีการเสนอรายงานอิสระหนา 2,500 หน้า ต่อสหประชาชาติ ระบุว่านักข่าวกลุ่มนี้อาจถูกทหารอินโดนีเซียสังหารทิ้งโดยเจตนา


 


 


นายกฯ พม่า เตือนผู้พิพากษาอย่าทุจริต หลังถูกร้องเรียน


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค --การรณรงค์กวาดล้างการทุจริตในกรมศุลกากร หนังสือพิมพ์นิว ไลต์ ออฟ เมียน์มาร์ ของทางการพม่า รายงานว่า ในระหว่างการประชุมผู้พิพากษา และเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายที่เมืองเนปีดอว์ เมืองหลวงด้านการบริหารของพม่า นายกรัฐมนตรีโซ วิน ของพม่า เตือนผู้พิพากษาไม่ให้ทุจริตคอร์รัปชั่น นายกรัฐมนตรีโซ วิน กล่าวว่า ขณะนี้มีเสียงร้องเรียนเกี่ยวกับความอ่อนแอ ความล้มเหลว และการทุจริตของผู้พิพากษา และเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายที่กำกับดูแลกระบวนการยุติธรรม และขอให้หลีกเลี่ยงการกระทำไม่ดี พร้อมกันนี้ ยังได้คาดโทษผู้ที่ก่ออาชญากรรมทำลายประเทศชาติและประชาชน


 


คำเตือนของนายกรัฐมนตรีพม่า มีขึ้นขณะที่รัฐบาลทหารพม่า กวาดล้างการทุจริตในกรมศุลกากร โดยมีเจ้าหน้าที่ราว 500 คน ถูกปลด และถูกจำคุก นับแต่เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ได้รับการปล่อยตัวในภายหลัง แต่ยังมีอีก 100 คน ที่ยังคงถูกควบคุมตัวระหว่างรอการพิจารณาคดี ขณะที่อดีตอธิบดีกรมศุลกากร ถูกตัดสินจำคุก 66 ปี ในข้อหาทุจริต


 


วุฒิสภาสหรัฐ ลงมติไม่อภิปราย ญัตติส่งทหารไปอิรักเพิ่ม


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค --วุฒิสภาสหรัฐลงมติไม่อภิปรายญัตติเรียกร้องให้ยกเลิกข้อเสนอของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เรื่องส่งทหาร 21,500 นาย ไปอิรัก โดยญัตติดังกล่าว จะต้องได้รับความเห็นชอบให้อภิปรายจากวุฒิสมาชิก 60 เสียง จากทั้งหมด 100 เสียง จึงจะเริ่มการอภิปรายได้ แต่ปรากฏว่า ได้เพียง 49 เสียง แม้เป็นญัตติที่ไม่มีผลบังคับใช้กับประธานาธิบดี แต่ก็เป็นความพยายามครั้งแรกของรัฐสภา ที่จะเผชิญหน้ากับผู้นำสหรัฐ ในเรื่องสงครามอิรัก ญัตตินี้เสนอโดยนายจอห์น วอร์เนอร์ วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์จิเนีย จากพรรครีพับลิกัน ร่วมกับนายคาร์ล เลวิน วุฒิสมาชิกรัฐมิชิแกน จากพรรคเดโมแครต


 


ที่ประชุมวุฒิสภาหาข้อสรุปไม่ได้เกี่ยวกับขอบเขตและเงื่อนไขของการอภิปราย ฝ่ายที่ไม่เห็นชอบระบุว่า ญัตตินี้เคลือบแฝงวัตถุประสงค์ทางการเมืองหวังเล่นงานบุช ซึ่งจะทำให้กองทัพเสียขวัญและแสดงถึงความไร้เอกภาพ ส่วนฝ่ายที่เห็นชอบให้อภิปรายแย้งว่า ญัตตินี้จะเป็นก้าวแรกที่เตือนบุช ให้ทบทวนยุทธศาสตร์อิรัก ด้วยการเริ่มถอนทหาร 138,000 นาย ที่ประจำการในอิรัก อยู่ในขณะนี้


 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net