มุมคิดจากนักเรียนน้อย เป็นผลงานภาคปฏิบัติในชั้นเรียนของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ส่งมาให้ประชาไทพิจารณานำเผยแพร่ เยาวชนที่สนใจสามารถส่งผลงานมาได้ที่ netcord@prachati.com |
ภัทธิพงษ์ ศิริปัญญา
คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ม.ธรรมศาสตร์
คุณเคยลองคิดดูบ้างไหมครับว่า ในชีวิตของคุณ มีอะไรที่คุณได้เป็นผู้เลือกเองบ้าง?
ในภาพยนตร์ปี 1999 เรื่อง "The Cider House Rules" ตัวเอกของเรื่อง โฮเมอร์ เวลส์ ไม่มีโอกาสที่จะได้เลือกทางเดินชีวิตของตัวเองมากนัก
เขาไม่ได้เลือกที่จะเกิดมาเป็นเด็กกำพร้า
พ่อแม่บุญธรรมรับเขาไปเลี้ยงและนำเขากลับมาคืนถึง 2 ครั้ง หลังจากนั้นเขาจึงอาศัยและเติบโตขึ้นในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าตลอดมา
วิลเบอร์ ลาร์ช หมอที่ดูแลสถานเลี้ยงเด็ก พูดกับเขาอยู่เสมอว่า เกิดมาแล้วก็ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์
โฮเมอร์เรียนรู้วิชาการแพทย์จากหมอลาร์ช ทั้งวิธีการทำคลอด และวิธีการทำแท้ง
แม้โฮเมอร์จะไม่เห็นด้วยกับการทำแท้ง แต่เขาก็ไม่ได้ต่อต้านการที่หมอ ลาร์ชจะทำมัน
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เด็กผู้หญิงเดินทางมาหาหมอลาร์ช เพื่อขอความช่วยเหลือหลังจากที่เธอพยายามไปทำแท้งที่อื่นแต่ไม่สำเร็จ เธอมีไข้สูงและมีสิ่งแปลกปลอมจากการพยายามทำแท้งติดอยู่ในช่องคลอด
ท้ายที่สุด เธอก็เสียชีวิตลง
หมอลาร์ชพูดกับโฮเมอร์ว่า "หากผู้หญิงคนนี้มาพบเธอเมื่อ 4 เดือนก่อน เธอจะตัดสินใจอย่างไร ไม่เลยใช่ไหม นี่คือผลของการไม่ทำอะไรเลย โฮเมอร์ ต้องมีใครสักคนทำในสิ่งนี้"
โฮเมอร์โกรธตัวเองมากที่ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้
แล้ววันหนึ่ง คู่รักวอลลี่ และแคนดี้ก็เดินทางมายังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อทำแท้ง โฮเมอร์ตัดสินใจเดินทางไปพร้อมกับสองหนุ่มสาวเพื่อออกไปเผชิญชีวิตด้วยตัวเอง
หมอลาร์ชไม่เห็นด้วยกับการเดินทางของโฮเมอร์ เขาต้องการให้โฮเมอร์ ทำหน้าที่ดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าต่อจากเขา
โฮเมอร์เข้าทำงานที่สวนแอปเปิ้ลของวอลลี่ และเมื่อวอลลี่เดินทางไปเป็นทหารอากาศในสงครามโลกครั้งที่ 2 โฮเมอร์และแคนดี้ก็พัฒนาความสัมพันธ์กันจนลึกซึ้งเกินกว่าเพื่อน
ที่สวนแอปเปิ้ล โฮเมอร์ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มากมาย และเมื่อพบว่าลูกสาวของเพื่อนร่วมงานตั้งท้อง เขาก็ถูกบังคับให้ต้องตัดสินใจเลือกทำสิ่งที่ตัวเขาเองปฏิเสธมาโดยตลอด
หนังเรื่อง "The Cider House Rules" พูดถึงเรื่องราวการเลือกที่จะออกเดินทางค้นหาความหมายของชีวิตของชายหนุ่มผู้หนึ่ง เพียงเพื่อที่จะได้ค้นพบว่าสิ่งที่เขาออกเดินทางค้นหานั้นถูกวางรอไว้ให้เขาพร้อมหมดแล้ว
แต่หากเขาไม่ได้ตัดสินใจออกเดินทาง เขาก็คงไม่ทราบถึงคุณค่าที่แท้จริงของสิ่งที่เขามีอยู่
ถึงแม้ว่าเนื้อหาโดยรวมของหนังค่อนข้างจะผูกอยู่กับเรื่องหนักคือประเด็นความชอบธรรมของการทำแท้ง แต่หนังก็ยังมีแง่มุมอื่นที่ทำให้เรื่องราวน่าติดตามและประทับใจ โดยเฉพาะเรื่องราวของหมอลาร์ชที่รักโฮเมอร์เหมือนลูกชายของตัวเอง ซึ่งเมื่อโฮเมอร์ตัดสินใจเดินทางออกไปผจญชีวิต เขาก็เกิดความกลัวว่า โฮเมอร์จะไม่กลับมาดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าต่อจากเขา แต่ในความเป็นจริงแล้วเขากำลังรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดที่จะต้องเห็นคนที่เขารักเหมือนลูกเดินทางจากไปและอาจไม่มีวันกลับมาหาเขาอีก เป็นความเจ็บปวดจากความรู้สึกสูญเสียที่หนังสามารถถ่ายทอดให้ผู้ชมรู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้นได้เป็นอย่างดี
ท้ายที่สุดแล้ว โฮเมอร์จะต้องเป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตของเขาเอง แม้ว่าทางเลือกของเขาอาจจะมีเพียงไม่กี่ทาง และล้วนเป็นทางเลือกที่ผู้อื่นกำหนดให้เขาต้องเลือกทั้งสิ้น
หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตนั้น เราเองไม่มีโอกาสเลือก หรือบางครั้งอาจดูเหมือนเรามีทางเลือก แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงภาพลวงตา เป็นกับดักอำพรางที่ผู้อื่นวางเอาไว้ให้เราเลือก
ผู้หญิงทำแท้ง ไม่ได้เลือกที่จะตั้งท้องตั้งแต่แรก...
ทารกที่ไม่มีใครต้องการ ไม่ได้เลือกที่จะเกิดมาเป็นเด็กกำพร้า...
ถึงแม้ว่าเราไม่มีโอกาสเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองมากนัก แต่เราเองเท่านั้นที่รู้ว่าเราได้ลงมือทำอย่างเต็มความสามารถแล้วหรือไม่ ถึงเราไม่ได้เป็นผู้เลือกทางที่เราเดิน อย่างน้อยเราก็รู้ได้ว่าเราสามารถเลือกที่จะทุ่มเทและทำมันไปให้ดีที่สุดได้
บางทีคำถามอาจไม่ได้อยู่ที่ว่าเราได้เลือกทำอะไร แต่อยู่ที่เราเลือกทำมันอย่างไรต่างหาก
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)