ประชาไท - 29 มกราคม 2550 วันนี้แม้รัฐบาลไทยจะประกาศบังคับใช้สิทธิโดยรัฐเพื่อนำเข้ายาชื่อสามัญ จากประเทศอินเดียอีก 2 ตัว แต่การผลิตยาชื่อสามัญของอินเดียกำลังถูกข่มขู่โดยบริษัทโนวาติส (Novatis) ที่กำลังฟ้องดำเนินคดีกับรัฐบลอินเดียที่ปฏิเสธคำขอสิทธิบัตร
เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย ร่วมกับเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ อินเดีย,กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสาธารณสุขประชาชนของอินเดีย (the Peple"s Health Movement, the Centre for Trade and Development-Centad) และองค์การหมอไร้พรมแดน (MSF) ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณกุศลด้านการแพทย์นานาชาติ เรียกร้องให้บริษัทโนวาติสถอนฟ้องคดีทันที โดยมีประชาชนหลายแสนคนจาก 150 ประเทศทั่วโลกร่วมลงชื่อออนไลน์ในครั้งนี้ด้วย
หลายประเทศพึ่งพายาราคาถูกที่ผลิตในอินเดีย ซึ่งมากว่าครึ่งหนึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่ใช้กันอยู่ในประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก โดยเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รัฐบาลไทยประกาศบังคับใช้สิทธิโดยรัฐนำเข้ายา efavirenz ชื่อสามัญจากอินเดีย ซึ่งกำลังจะส่งมาถึงเมืองไทยเป็นล็อตแรกในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ และวันนี้ นพ.
บริษัทโนวาติสกำลังท้าทายกฎหมายสิทธิบัตรของอินเดียที่จะให้สิทธิบัตรแก่ยาที่มีความใหม่ มีความก้าวหน้าทางการประดิษฐ์อย่างแท้จริงเท่านั้น ถ้ามาตรการดังกล่าวถูกทำลาย จะทำให้ยาที่ไม่มีนวัตรกรรมการประดิษฐ์ที่แท้จริงได้รับสิทธิบัตรง่ายๆ ซึ่งจะขัดขวางการผลิตยาชื่อสามัญราคาถูกในอินเดียนั้น กว่า 67% ถูกส่งไปใช้ในประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ
นอกจากนี้จะเป็นปรากฏการณ์ระดับสากลที่ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยาแสวงการปกป้องสิทธิบัตรที่เข้มงวดมากขึ้นด้วยการท้าทายกฎหมายสิทธิบัตรในประเทศต่างๆ ที่ปกป้องสิทธิของประชาชนมากกว่าสิทธิบัตร
"ในอินเดียกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสาธารณสุขประชาชน (the People"s Health Movement) ต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้มั่นใจว่ารัฐบาลของเราปฏิบัติตามกฎหมายที่ต้องเห็นแก่สุขภาพประชาชนเหนือกว่าสิทธิบัตรและผลกำไร" Dr.Amit Sengupta ประธานกลุ่มฯ กล่าว
"แต่ขณะนี้บริษัทโนวาติสกำลังใช้อำนาจเพื่อเปลี่ยนแปลงกฎหมายสิทธิบัตรของเรา ซึ่งจะทำให้ประชาชนทนทุกข์ทรมานกับโรคที่กำลังคร่าชีวิตพวกเขา"
ในประเทศไทย เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทยได้ส่งจดหมายถึงนาย มาน โมฮันซิงห์ นายกรัฐมนตรีอินเดีย ขอให้มีการดำเนินทุกวิถีทางที่จะเป็นไปได้เพื่อสร้างความมั่นใจว่าความพยายามของโนวาติสจะไม่มีวันประสบผลสำเร็จ
"โนวาติสพยายามที่จะล้มล้างอุตสาหกรรมยาในประเทศกำลังพัฒนา" Dr.Unni Karunakara ผู้อำนวยการรณรงค์การเข้าถึงการรักษาขององค์การหมอไร้พมแดนกล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย
"หนึ่งในสี่ของยาที่เราใช้อยู่ทกุวันนี้มาจากอินเดีย ซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังสำคัญของโครงการเพื่อการรักษาเอชไอวี/เอดส์ขององค์การหมอไร้พรมแดนที่รักษาผู้ป่วย 80,000 คนใน 30 ประเทศทั่วโลก มากกว่า 80% ของยาต้านไวรัสมาจากประเทศอินเดีย เราจึงไม่สามารถหยุดนิ่งแล้วปล่อยให้บริษัทโนวาติสทำลายอุตสาหกรรมยาอินเดียลงได้"
ความตกลงว่าด้วยทรัพย์สินทางปัญญา (TRIPS) ขององค์การการค้าโลก (WTO) ทำให้อินเดียต้องแก้กฎหมายสิทธิบัตรในปี 2548 อย่างไรก็ตาม ความตกลงทริปส์มีมาตรการปกป้องสาธารณสุขที่อนุญาตให้แต่ละประเทศปฏิบัติได้ ซึ่งอินเดียก็ได้ระบุเช่นนั้นในกฎหมายสิทธิบัตรของตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นคำประกาศโดฮ่าว่าด้วยทริปส์และการสาธารณสุขที่ลงนามโดยประเทศภาคีเมื่อปี 2544 ก็ยังได้ย้ำถึงสิทธิของประเทศต่างๆ ในการใช้มาตรการปกป้องสิทธิเหล่านั้น
"ไม่เพียงแต่ท้าทายมาตรการปกป้องสาธารณสุขของกฎหมายอินเดีย แต่โนวาติสกำลังพยายามจะล้มล้างคำประกาศโดฮาเพื่อขัดขวางการเข้าถึงยาของประชาชน" Gopakumar ผู้อำนวยการ Centad กล่าว
เรื่องราวโดยย่อ: บ ริ ษั ท โ น ว า ติ ส VS รั ฐ บ า ล อิ น เ ดี ย ยา Gleevec ของ บริษัท Novatis ใช้รักษามะเร็งในเม็ดเลือด (ลูคีเมีย) ราคายาที่ขายในประเทศไทย ขวดละ 109,000 บาท ใช้วันละ 1 เม็ด ตกเม็ดละประมาณ 3,600 บาท ราคายาชื่อสามัญในอินเดียเม็ดละไม่ถึง 300 บาท สำนักงานสิทธิบัตรในอินเดีย ปฏิเสธคำขอสิทธิบัตรของบริษัท Novatis เพราะไม่มีความใหม่ บริษัท Novatis จึงฟ้องร้องดำเนินคดีกับรัฐบาลอินเดีย โดยกล่าวหาว่าไม่ยอมปฏิบัติตามความตกลงทรัพย์สินทางปัญญา (TRIPS) ของ WTO และฟ้องสมาคมผู้ป่วยโรคมะเร็งที่คัดค้านคำขอสิทธิบัตร โดยวันจันทร์ที่ 29 มกราคมนี้ ศาลอินเดียจะเริ่มไต่สวนนัดแรก
ร่วมลงชื่อกดดันบริษัทโนวาติสให้ถอดฟ้องรัฐบาลอินเดียได้ที่ www.msf.org |
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)