Skip to main content
sharethis

ประชาไท - 13 ม.ค. 2550 เมื่อเวลา14.00 น. วันที่ 12 มกราคม เครือข่ายคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย - มาเลเซียและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ประมาณ 200 คน ร่วมกันขึ้นป้ายขนาดใหญ่บริเวณทางเข้าหมู่บ้านปากบาง หมู่ที่ 4 ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา เพื่อทวงคืนดินวะกัฟที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย - มาเลเซีย นำไปใช้ก่อสร้างโรงแยกก๊าซ มีข้อความว่า "หยุดกฎหมายย่ำยีศาสนารวมพลังทวงคืนดินวะกัฟคืนสู่อัลลอฮฺ"


 



 


หลังจากขึ้นป้ายเสร็จ หะยีเล๊าะ โต๊ะมูสอ โต๊ะอีหม่ามบ้านปากบางได้นำขอดุอา เพื่อขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า


 



 


นอกจากนี้ ทางกลุ่มฯ ยังได้ขึ้นป้ายผ้าสีแดงมีข้อความว่า "มุสลิมปากบางจะต่อสู้เพื่อเอาดินวะกัฟคืน" ระหว่างเสาไฟฟ้าภายในหมู่บ้าน พร้อมติดป้ายไม้กระดานขนาดเล็กตามเสาไฟฟ้า มีข้อความต่างๆ เช่น "สมบัติของอัลลอฮฺ ใครกล้าแลก" "ชาวปากบางสู้เพื่อชุมชน" "โรงแยกพินาศเพราะบาลออัลลอฮฺ"


 


นางจันทิมา ชัยบุตรดี สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากบาง จากหมู่ที่ 4 บ้านปากบาง กล่าวว่า สาเหตุที่ชาวมุสลิมต้องขึ้นป้ายทวงคืนดินวะกัฟ เนื่องจากบริษัททรานส์ไทย - มาเลเซีย (ประเทศไทย) หรือบริษัททีทีเอ็ม ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างไทยและต่างชาติ คือ ประเทศมาเลเซีย ได้ฮุบที่ดินสาธารณะ ที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน และที่สำคัญเป็นที่ดินวะกัฟ ที่ชาวมุสลิมอุทิศที่ดินให้แด่พระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่บริษัทกลับนำไปก่อสร้างโรงแยกก๊าซไทย - มาเลเซีย


 


โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2549 รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ได้ออกพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนที่ดินสาธารณประโยชน์ สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลสะกอมและตำบลตลิ่งชัน เพื่อให้บริษัททรานส์ไทย - มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนต่างชาติ นำไปใช้สร้างโรงแยกก๊าซ เนื่องจากที่ดินดังกล่าว เป็นที่ดินวะกัฟ จึงเป็นหน้าที่ของพี่น้องมุสลิม ที่จะต้องทวงคืนให้กับอัลลอฮฺ


 


นายสักการียา หมะหวังเอียด สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลปากบาง จากหมู่ที่ 4 บ้านปากบาง กล่าวว่า การออกพระราชกฤษฏีกาฉบับนี้ เพื่อช่วยให้บริษัททรานส์ไทย - มาเลซีย พ้นความผิดอาญาในข้อหาบุกรุกดินสาธารณประโยชน์ เนื่องจากทางบริษัทฯ ได้บุกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินแปลงนี้มาก่อนที่จะออกพระราชกฤษฎีกาเพิกถอน โดยองค์การบริหารส่วนตำบลปากบางเองก็ไม่อนุญาตให้ก่อสร้าง เพราะนอกจากเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์แล้ว ยังเป็นที่ดินวะกัฟมีทายาทผู้บริจาคยืนยันชัดเจน


 


"เมื่อรัฐบาลทักษิณกระทำผิดกับพี่น้องมุสลิม รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ตั้งใจจะแก้ไขปัญหาสามจังหวัด ต้องกล้าลงมาแก้ไขปัญหานี้ เพื่อให้เกิดความสงบสุขในชุมชนมุสลิม เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญสำหรับชาวมุสลิม เพราะที่ดินวะกัฟ คือ ที่ดินที่มอบให้กับพระเจ้า จึงไม่สมควรปล่อยให้ทุนต่างชาติเข้ามาย่ำยีศาสนา" นายสักการียา กล่าว


 



 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net