อิรักภายใต้การยึดครอง เพิ่งจะถอยหลังไปสู่ "หลักไมล์" ที่ที่ความเป็นมนุษย์แตกสลาย และความยุติธรรมใกล้จะหมดลมหายใจอยู่ข้างๆ หลุมศพซัดดัม ฮุสเซน...อุทัยวรรณ เจริญวัย ผู้ประกาศตัวต่อต้านโทษประหารหยิบงานว่าด้วยเรื่องความยุติธรรมที่บิดเบือนมาเสนอ เพื่อยืนยันว่า ถ้าคำว่า "อารยธรรม" จะแปลว่าอะไรสักอย่าง ความหมายของมัน...ไม่มีคำว่า "โทษประหาร" รวมอยู่ในนั้น
Iraq : The Real War
อุทัยวรรณ เจริญวัย
(ต่อต้านโทษประหาร และแฟน Dead Man Walking)
ถ้าคำว่า "อารยธรรม" จะแปลว่าอะไรสักอย่าง ความหมายของมัน...ไม่มีคำว่า "โทษประหาร" รวมอยู่ในนั้น
หลังอเมริกาทุ่มทุนสร้าง (และกำกับการแสดง) ศาลที่มีหน้าตาละม้าย "โรงละครสัตว์" ขึ้นมาในแบกแดด เพื่อพิจารณาคดีอดีตประธานาธิบดี (ที่ถูกกฎหมาย) ของอิรัก พร้อมเปิดการแสดงแสง-สี-เสียงตระการตา ท่ามกลางเสียงก่นด่าของนักสิทธิมนุษยชนจำนวนมากมาได้สักระยะ ในที่สุด 30 ธันวาคม 2006 ละครสัตว์ทางการเมืองเรื่องหนึ่งก็เดินทางมาถึงตอนจบ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ...ความยุติธรรม และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ...ความเป็นมนุษย์
บุช (ผู้คลั่งไคล้ในโทษประหารตลอดกาล) ให้สัมภาษณ์ด้วยสคริปต์เดิมๆ ว่า นี่คือ "หลักไมล์สำคัญบนเส้นทางของการสร้างประชาธิปไตยในอิรัก"
จุดจบซัดดัม การพิพากษาซัดดัม ความยุติธรรมที่บิดเบือน
สตีเฟน ซูนส์
ถึงแม้ว่าในส่วนของอาชญากรรมต่อมนุษยชาติอันอื้อฉาว หลายครั้งหลายคราว เขาจะมีความผิดที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่การประหารชีวิต ซัดดัม ฮุสเซน นับเป็นการเสื่อมถอยขนาดใหญ่ บนเส้นทางของการเรียกร้องถามหาความยุติธรรมในอิรัก
การพิจารณาคดีและการลงโทษล้วนมีปัญหา โอกาสที่จะดำเนินคดีใหม่ในอนาคต หรือโอกาสที่จะแสดงหลักฐานว่าอเมริกามีเอี่ยวในอาชญากรรมบางส่วนของซัดดัม ได้จบสิ้นไปแล้ว ยิ่งกว่านั้น สิ่งที่การประหารชีวิตครั้งนี้สื่อออกมา - ผู้นำทั้งหลายจะถูกดำเนินคดีพิพากษาก็ต่อเมื่อพวกเขาเป็นศัตรูกับอเมริกา - ยังได้บ่อนทำลายบรรทัดฐานทางด้านกฎหมายในระดับโลกไปด้วย และถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะโศกเศร้าอาลัยให้กับการจากไปของทรราช แต่...วิธีการจบชีวิตเขาในลักษณะนี้ต่างหาก....ที่มันมีอะไรให้เราต้องพลอยเศร้าใจได้ง่ายดายเหลือเกิน นัยทางการเมืองของการประหารชีวิตซัดดัม อาจส่งผลให้ความพยายามที่จะสร้างสันติภาพและการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งในอิรักต้องเสื่อมทรุดถอยหลังกลับ เช่นเดียวกับกระบวนการพิจารณาคดีและการตัดสินลงโทษ
การพิจารณาคดีซัดดัม ไม่มีอะไรเป็นแบบอย่างอันดีงามของกระบวนการยุติธรรม ฝ่ายโจทก์ไม่ยอมเปิดเผยหลักฐานแก่ทนายจำเลยและไม่ให้สิทธิจำเลยเห็นหน้าพยาน ทนายจำเลยสามคนและพยานอีกหนึ่งคนถูกฆ่าตาย ผู้พิพากษาคนแรกลาออก คนที่สองเอาแต่แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดจนไม่เหลือภาพของความเป็นกลาง หลุยส์ อาร์เบอร์ (Louise Arbour) ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น ได้ออกมาเรียกร้องให้เลื่อนการลงโทษประหารชีวิตออกไป โดยให้เหตุผลว่า "มีข้อวิตกกังวลหลายอย่างเกี่ยวกับความยุติธรรมในการพิจารณาคดี มันจำเป็นที่จะต้องแน่ใจได้ว่า...สิ่งเหล่านี้จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเบ็ดเสร็จครบถ้วนเสียก่อน"
แม้ว่าประธานาธิบดีจอร์จ บุชจะยืนยันว่ามันเป็นกระบวนการพิจารณาคดีที่ยุติธรรมดีแล้ว แต่ องค์การนิรโทษกรรมสากล กลับตั้งข้อสังเกตว่า "โทษประหารชีวิตคือบทสรุปที่มีไว้ล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่คำตัดสินคดีของศาลชั้นต้นถูกประกาศออกมา ศาลอุทธรณ์ก็ทำหน้าที่เกือบจะเรียกได้ว่า เป็นการฉาบหน้าของกระบวนการที่ด่างพร้อยมีตำหนิตั้งแต่พื้นฐาน...ให้ดูชอบธรรมขึ้นมาเท่านั้น"
ไม่ว่าในความเป็นจริง ซัดดัมจะมีความผิดตามข้อกล่าวหามากน้อยแค่ไหน แต่การประหารชีวิตเขาโดยปราศจากกระบวนการพิจารณาคดีที่ยุติธรรม ย่อมทำให้ฝ่ายที่สนับสนุนซัดดัมสามารถปฏิเสธอาชญากรรมเหล่านั้นได้ ซัดดัม ฮุสเซน ต้องขึ้นศาลที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษโดยตัวแทนของรัฐบาลต่างชาติผู้บุกรุกประเทศอิรักอย่างผิดกฎหมาย อันที่จริงแล้ว กฎกติกาที่ใช้กับการไต่สวนพิจารณาคดีครั้งนี้ ถูกร่างขึ้นโดยนักกฎหมายของรัฐบาลอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ คณะผู้บริหารบุชได้อุทิศเงินมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างห้องพิจารณาคดีพิเศษขึ้นมา พร้อมจัดหาทีมที่ปรึกษา ทนายความ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ด้านนิติวิทยาศาสตร์ ให้แก่ฝ่ายโจทก์อย่างเต็มที่ และถ้าเรื่องนี้หมายถึง "ความยุติธรรมของผู้ชนะ" แล้วล่ะก็ การประหารชีวิตซัดดัมย่อมไม่ได้เป็นผลลัพธ์มาจากการประเมินถึงความเลวร้ายแสนสาหัสในอาชญากรรมที่เขาก่อ แต่มันเป็นเพราะ...เขาบังเอิญเป็นฝ่ายที่แพ้สงครามต่างหาก
ยิ่งกว่านั้น อาชญากรรมที่เลวร้ายทั้งหมดกลับไม่ได้รับการเปิดเผย ซัดดัมถูกประหารจากการที่เขาสั่งให้ฆ่าชาวเมือง ดูเจล (Dujail ) จำนวนหนึ่งหลังเหตุการณ์ลอบสังหารเขาในปี 1982 ซัดดัมหมดโอกาสขึ้นศาลเพื่อพิจารณาคดีอาชญากรรมสงครามที่เลวร้ายกว่านั้น เป็นต้นว่า ปฏิบัติการสังหารหมู่พลเรือนชาวเคิร์ดขนานใหญ่ปลายยุค 80 ที่เรียกกันว่า แคมเปญอันฟาล (Anfal Campaign) ความน่าจะเป็นที่ทนายความของซัดดัมจะแสดงหลักฐานว่า รัฐบาลอเมริกามีส่วนเกี่ยวข้องในแคมเปญดังกล่าว โดยให้การสนับสนุนซัดดัมในช่วงเวลานั้น อาจมีส่วนให้คณะผู้บริหารบุชผลักดันให้มีการประหารชีวิตโดยเร็ว
แล้วก็ยังมีปัญหาเรื่องโทษประหารในตัวของมันเองอีกเช่นกัน แทบจะกล่าวได้ว่า ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ทุกประเทศที่เผด็จการถูกโค่นล้มลงไป รัฐบาลใหม่จะมีการเคลื่อนไหวเพื่อยกเลิกโทษประหารอย่างรวดเร็วตามมา อย่างไรก็ตาม ในอิรัก เผด็จการถูกแทนที่ด้วยตัวแทนของอเมริกาผู้ยึดครอง และในฐานะที่อเมริกาเป็นชาติอุตสาหกรรมตะวันตก-ประชาธิปไตย-ชาติเดียวที่ยังใช้โทษประหารชีวิตกับนักโทษของตนอยู่ อเมริกาจึงยืนกรานที่จะให้คงระบบโทษประหารของอิรักไว้ ตามทัศนะของ ริชาร์ด ดิกเกอร์ (Richard Dicker) องค์กร ฮิวแมน ไรทส์ วอตช์ ส่วนหนึ่งที่ทำให้อเมริกาปฏิเสธการไต่สวนในระดับนานาชาติ เพราะคณะผู้บริหารบุช "ต้องการที่จะมั่นใจได้ว่า (คำตัดสิน) จะรวมเอาโทษประหารชีวิตไว้ด้วย ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นไปไม่ได้ในเวทีของศาลระหว่างประเทศ"
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)