6 ม.ค. 2550 กรณีกลุ่มผู้ค้าในตลาดโบ๊เบ๊ประมาณ

ในช่วงเช้าของวันนี้ (5 ม.ค.50) กลุ่มผู้ค้าตลาดโบ๊เบ๊ยังคงรวมตัวกันปิดถนนช่วงบริเวณแยกกษัตริย์ศึก ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรบริเวณแยกพงษ์พระราม แยกอนามัย และแยกสะพานขาว ส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นบริเวณกว้างจนถึงสะพานพระราม 8 สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า รวมไปถึงบริเวณวงเวียนใหญ่ ขณะที่ถนนบำรุงเมือง มุ่งหน้าพระราม 1 บริเวณหน้ากระทรวงพลังงาน ผู้ชุมนุมได้นำแผงเหล็กมากั้นปิดทางไว้ ส่งผลให้ประชาชนที่ขับรถสัญจรไปมาไม่สามารถผ่านไปได้ ต้องเลี้ยวรถย้อนกลับไป สร้างความไม่พอใจให้ผู้ขับขี่หลายรายจนตะโกนต่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุม

ต่อมาเมื่อเวลา 07.00 น. นายสุรินทร์ มีคำ ผู้อำนวยการเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ประสานขอกำลังไปยัง พล.ต.ต.นิพนธ์ ภุมรินทร์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วณิช สุรพลชัย ผบก.น.6 พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.น.6 พ.ต.อ.ฉันทวิทย์ รามสูต รอง ผบก.น.1 และ พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ สน.พลับพลาไชย 2 ให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (บก.ตปพ.) จำนวน 200 นาย เจ้าหน้าที่เทศกิจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.น.1 และ บก.น.6 อีก 300 นาย เข้าตรึงพื้นที่ พร้อมทั้งนำรถแบ็คโฮและรถขุดเจาะจำนวน 4 คัน มาขุดเจาะบริเวณผิวฟุตบาท เพื่อปลูกไม้ดอกไม้ประดับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่กำลังเจ้าหน้าที่มาถึง ตำรวจปราบจลาจลได้ตรึงกำลังเป็นหน้ากระดานโดยใช้โล่กำบัง จากนั้นเคลื่อนแถวผลักดันให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนออกจากบริเวณดังกล่าว เพื่อเปิดการจราจรจนเกิดการปะทะกัน กลุ่มผู้ชุมนุมขว้างปาขวดน้ำ ก้อนหิน และเก้าอี้ใส่เจ้าหน้าที่จนได้รับบาดเจ็บฟกช้ำเล็กน้อย 2-3 คน

ต่อมา พล.ต.ต.วณิชสั่งการให้เจ้าหน้าที่ถอยกลับมาตั้งหลัก และเข้าไปเจรจากับตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุม โดยขอให้ทั้งหมดนั่งลงประท้วงอย่างสงบ และให้สัญญาว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ทำร้ายหรือจับกุมผู้ใด กลุ่มผู้ชุมนุมพากันให้ความร่วมมือ พร้อมทั้งนั่งลงอย่างสงบเรียบร้อย

กระทั่งเวลา 11.00 น. ตำรวจปราบจลาจลเริ่มผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมอีกครั้ง เพื่อเปิดทางให้รถขุดเจาะเข้าขุดผิวฟุตบาท ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่นั่งอยู่อย่างสงบต่างไม่พอใจ พากันลุกฮือตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งขว้างสิ่งของเข้าใส่จนเกิดการชุลมุนขึ้นอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ต้องใช้กำลังเข้าจับกุมแกนนำและกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวน 26 คน ส่วนใหญ่พยายามดิ้นรนขัดขืน แต่ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวขึ้นรถไปดำเนินคดีที่ สน.ยานนาวา ทั้งนี้ เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางไปปิดล้อม สน.พลับพลาไชย 1 ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ และกดดันให้ปล่อยตัวผู้ต้องหา

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างเกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายนั้น มี พ.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ รอง ผบ.พล.1 แต่งเครื่องแบบนายทหารเดินทางมาสังเกตการณ์ และทันทีที่กลุ่มผู้ชุมนุมเห็น ได้วิ่งเข้าไปอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ โดยพูดคุยกันไม่นาน จากนั้น พ.อ.กัมปนาทเดินทางกลับไป โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว

จนกระทั่งเวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ขุดเจาะพื้นผิวฟุตบาทเสร็จสิ้น โดยขุดเจาะเป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ตั้งแต่บริเวณแยกกษัตริย์ศึกไปจนถึงแยกสะพานขาว และหลังจากขุดเจาะเสร็จ เจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานครทำความสะอาดบนทางเท้าทั้งหมด โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมนั่งมองด้วยสีหน้าสลดหดหู่

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการขุดเจาะมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าตะโกนโห่ร้องขับไล่ และด่าทอเจ้าหน้าที่เป็นระยะ อีกทั้งแม่ค้าบางรายใช้ปากกัดแขนเจ้าหน้าที่ และบางรายพยายามนอนลงกับพื้นถนนเพื่อขัดขวางการทำงาน จนหน่วยแพทย์กู้ชีวิตจากวชิรพยาบาลต้องรับตัวไปรักษาพยาบาลเนื่องจากมีอาการเครียด

ด้าน พ.ต.อ.สุพิศาล กล่าวถึงการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมทั้ง 26 คน ว่า ได้ตั้งข้อหามั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กีดขวางการจราจร ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญหรือกระทำการใดๆ ให้เกิดความวุ่นวาย และต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนั้น ยังตั้งข้อหาสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ทั้งนี้จะสอบสวนหาตัวผู้สั่งการต่อไป

เมื่อเวลา 14.30 น. วันเดียวกัน หลังจากที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. รับทราบปัญหาที่กลุ่มผู้ค้าโบ๊เบ๊ออกมาชุมนุมและปิดถนน จึงได้เรียกประชุมด่วนทันที โดยมีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯ กทม. นายจิตติชัย แสงทอง เลขานุการผู้ว่าฯ กทม.นายโกวิทย์ ธารณา ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.นายอิสรา สุนทรวัฒน์ โฆษก กทม.และนายเฉลิมชัย เขียวประดิษฐ์ ผอ.กองอำนวยการตลาดนัด กทม. หรือตลาดนัดจตุจักร เข้าหารือโดยใช้เวลานานประมาณกว่า 1 ชั่วโมง

นายอภิรักษ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานเขตป้อมปราบฯ ดำเนินการติดป้ายประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มผู้ค้ารับทราบ หากผู้ค้ารายใดได้รับความเดือดร้อน ขอให้มาลงทะเบียนได้ที่เขต เพื่อที่ กทม.จะได้จัดหาสถานที่ค้าขายให้ต่อไป ซึ่งระหว่างนี้นายวัลลภได้ประสานกับตลาดนัดโดยรอบตลาดโบ๊เบ๊ รวมทั้งโรงหนังแอมบาสเดอร์เก่าที่มีสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นเจ้าของพื้นที่ ซึ่งผู้ค้าสามารถย้ายเข้าไปขายสินค้าได้ทันที นอกจากนี้ได้มอบหมายให้หน่วยงานพาณิชย์ของ กทม.ไปดำเนินการจัดหาพื้นที่ว่าง เพื่อรองรับกลุ่มผู้ค้าเพิ่มเติม เช่น พื้นที่ใกล้เคียงตลาดนัดจตุจักร ตลาดนัดมีนบุรี เป็นต้น

นายอภิรักษ์ กล่าวต่อว่า อยากให้ปัญหายุติและทางออกร่วมกันมากกว่าการใช้กำลังปะทะกัน ซึ่งที่ผ่านมา กทม.ได้ผ่อนผันให้ผู้ค้ามาโดยตลอด แต่เนื่องจากเกิดปัญหาเพลิงไหม้อาคารในตลาดโบ๊เบ๊ และเจ้าหน้าที่เข้าไปดับเพลิงอย่างลำบาก เนื่องจากมีแผงค้าบางส่วนขวางอยู่ ต่อจากนี้ กทม.จะดำเนินการเข้าปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ในบริเวณดังกล่าวทันที ซึ่งในระหว่างนี้จะคงตรึงกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจบางส่วนเอาไว้ในพื้นที่ เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นอีก

สำหรับสถานการณ์ล่าสุดที่ตลาดโบ๊เบ๊ หลังการสลายตัวของกลุ่มผู้ค้าตลาดโบ้เบ๊เมื่อช่วงบ่าย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดเจาะทางเท้าโดยรถแบ็คโฮตลอดเส้นของถนนผดุงกรุงเกษมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเตรียมนำแผงสังกะสีมากั้นทางเท้าบริเวณที่ขุดเจาะทั้งหมด ซึ่งยังคงมีเจ้าหน้าที่เทศกิจร่วม 100 คนและตำรวจนครบาล 8 สถานี ประกอบด้วย สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน บางรัก ยานนาวา พลับพลาไชย1 -2 สำราญราษฎร์ พระราชวังและจักรวรรดิ์ ร่วม 150 คน ตรึงกำลังเข้มดูแลความปลอดภัยให้เจ้าหน้าที่และคนงานที่ทำการขุดเจาะเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ค้าโบ๊เบ๊ที่ไม่พอใจเจ้าหน้าที่ รวมถึงอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและความปลอดภัยให้ประชาชนที่ผ่านไปมา โดยมีกลุ่มผู้ค้าตลาดโบ๊เบ๊บางส่วนเฝ้าสังเกตการณ์อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีการปะทะกันกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด

ขณะที่การจราจรบริเวณแยกกษัตริย์ศึกและถนนผดุงกรุงเกษม เรื่อยมาถึงแยกสะพานขาว ได้เปิดให้ประชาชนสัญจรไปมาเป็นปกติแล้ว

.......................

เรียบเรียงจากเว็บไซต์คมชัดลึกและสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์