ประชาไท - 5 ม.ค.50 เมื่อวันที่ 4 ม.ค. มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ...ที่กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาตินำกลับไปแก้ไขและเสนอเข้ามาอีกครั้ง โดยน.พ.อำพล จินดาวัฒนะ สมาชิก สนช.ในฐานะเลขานุการกรรมาธิการฯกล่าวชี้แจงต่อที่ประชุมว่า การแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นไปตามที่สมาชิก สนช.ได้ท้วงติง ซึ่งที่ประชุมไม่มีสมาชิกคนใดอภิปราย
ขณะที่นาย
สาระสำคัญของพ.ร.บ.ดังกล่าวกำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้านสุขภาพ โดยการตั้งคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) เพื่อจัดทำธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ และเสนอแนะต่อรัฐบาลถึงนโยบายสาธารณะด้านสุขภาพ พร้อมจัดให้มีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ โดยเปิดให้ประชาชนนำเสนอความเห็นต่อนโยบายสาธารณะที่ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพ
ภายหลังการพิจารณา นาย
การดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเจตนาของบุคคลตามวรรคหนึ่ง และเมื่อได้ปฏิบัติตามเจตนาดังกล่าวแล้ว มิให้ถือว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดและให้พ้นจากความรับผิดทั้งปวง
นายสมเกียรติกล่าวต่อว่า สิทธิการตายถือเป็นเรื่องใหญ่ แต่กลับกำหนดผ่านกฎกระทรวงที่จะไปออกทีหลัง โดยกำหนดว่าผู้ป่วยต้องทำหนังสือขอให้ผู้ป่วยตายโดยได้หยุดรับการรักษาพยาบาลจากแพทย์ ซึ่งในความจริงแล้วผู้ป่วยที่อาการโคม่า ย่อมไม่มีสติที่จะทำหนังสือใช้สิทธิการตายเพื่อระงับการรักษา อีกทั้ง การที่ให้ผู้ป่วยอนุญาตให้แพทย์ปล่อยให้ผู้ป่วยตายเองได้ตามธรรมชาติโดยไม่ผิดกฎหมาย อาจถือเป็นการุณยฆาต และเป็นการให้ผู้ป่วยให้สิทธิการฆ่าแก่แพทย์ได้ เพราะผู้ป่วยมีสิทธิการตาย และแม้ได้สิทธิการตาย สิทธิการฆ่าก็ยังต้องมีการตัดสินว่าผู้ป่วยสภาพเช่นไรที่จะตายแน่นอน ซึ่งไม่มีวิทยาศาสตร์การแพทย์ใดที่จะให้ความมั่นใจได้ว่าผู้ป่วยจะต้องตายแน่นอนหากถอดเครื่องช่วยชีวิต
"แพทย์ที่มีจรรยาบรรณทั่วโลกจะไม่ปล่อยให้คนไข้ตาย แต่แพทย์ไทยกลับบอกว่าถ้าคนไข้อยากตายก็ให้ตายได้ เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่และจะเกิดการฟ้องร้องอย่างมากกรณีที่คนไข้มีอาการโคม่า แต่ไม่ทำหนังสือแสดงเจตนาไม่รับบริการสาธารณสุข จึงเป็นเรื่องที่ควรอยู่ในกฎหมายไม่ใช่กฎกระทรวง"นายสมเกียรติกล่าวย้ำ
น.พ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญฯ แถลงว่า ดีใจที่กฎหมายดังกล่าวผ่านสภา หลังผลักดันมานานถึง 6 ปี นับเป็นผลงานชิ้นสำคัญของรัฐบาลและสนช. ถือเป็นกฎหมายที่ดีอีกฉบับของคนไทย เป็นกฎหมายแม่บทด้านสุขภาพที่ประชาชนมีส่วนร่วมร่าง และนำไปใช้เป็นเครื่องมือทำงานเกี่ยวกับสุขภาพได้ ส่วนกรณีที่มีสมาชิก สนช.บางคนคัดค้านมาตรา 10 เกี่ยวกับสิทธิการตายในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวนั้น น.พ.มงคลชี้แจงว่า สาระสำคัญในมาตราดังกล่าวเป็นการให้สิทธิแก่ผู้ป่วยที่จะไม่รับบริการทางการแพทย์ โดยแพทย์ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใด
กรณีผู้ป่วยไม่ได้ทำหนังสือแสดงสิทธิ์ไว้ เป็นหน้าที่ของญาติที่จะปรึกษากับแพทย์ หากญาติยอมรับแพทย์จึงจะดำเนินการ อย่างไรก็ดีหลังจากพ.ร.บ.สุขภาพฯประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วกระทรวงสาธารณสุขจะต้องออกกฎกระทรวงที่ระบุชัดเจนว่าญาติในลำดับใดจะเป็นผู้ตัดสินใจได้
"เป็นสิทธิของปัจเจกบุคคลที่จะรับบริการหรือไม่ ให้เขาตัดสินใจเอง ผู้ป่วยเขารู้ว่าเขาไม่ต้องการอะไร เป็นสิทธิ์ของเขา ไม่ใช่การให้อำนาจหมอมาตัดสินใจแทนคนป่วย"น.พ.มงคลกล่าว และยืนยันด้วยว่า กรรมาธิการไม่ได้รีบพิจารณากฎหมายฉบับนี้เกินไป เพราะพูดกันมาถึง 6 ปีแล้ว
ด้านน.พ.นิรุจน์ อุทธา แกนนำสมาคมหมออนามัย เปิดเผยว่า หลังผลักดันกฎหมายฉบับนี้ออกมาเป็นกฎหมายได้สำเร็จ หมออนามัยทั่วประเทศจำนวน 99 คน จะบวช ที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ เพื่ออุทิศให้ทุกคนที่ร่วมกันผลักดันพ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติทันที หลังประกาศบังคับใช้
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)