หลังคดีวางระเบิดกรุงเทพหลายจุดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 49 ไม่คืบหน้า มีกระแสเรียกร้องให้ผ่าตัดตำรวจเพื่อสร้างความเชื่อถือใหม่ให้ประชาชน เบื้องต้น พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำลังถูกกดดันหนักจนมีข่าวกำลังถูกปลดจากตำแหน่ง

เลขา คมช. จี้ "โกวิท" รายงานความคืบหน้าด่วน

พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และปลัดกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่าขณะนี้ต้องรอผลการพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 ม.ค.ได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าขอให้รายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช. โดยด่วน อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่มีอยู่ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง

"อภิสิทธิ" ชี้ ตำรวจต้องแจงเหตุป่วนให้ชัด

 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าพรรคได้มีท่าทีที่ชัดเจนประนามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่าผู้ทำ ทำเป็นกระบวนการ ซึ่งหมายความว่าต้องมีศักยภาพสูงพอสมควรในการสร้างความเสียหายเช่นนี้ และสิ่งสำคัญคือ คมช.และรัฐบาลจะต้องเร่งคลี่คลายคดีนี้ นำผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์จะลุกลามบานปลายไป ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเตือนแล้วว่าการท้าทายในลักษณะเช่นนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมืองยังแหลมคมมาก ขณะเดียวกันการทำความเข้าใจกับประชาชนกับสภาพต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นยังมีปัญหาอยู่

เมื่อถามว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องผ่าตัดเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงจะต้องมีการชี้แจงจากตำรวจเป็นอย่างน้อยว่าเหตุการณ์หรือคดีต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและหลัง 19 ก.ย.2549 ที่ยังไม่สามารถคลี่คลายได้เพราะปัญหาอะไร ซึ่งทั้งหมดคงจะต้องดูผลของการทำงาน และตรงนี้คือสิ่งที่คิดว่าคมช.และรัฐบาลจะต้องเข้มกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ว่าจะต้องสามารถทำงานตรงนี้ให้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นปัญหาจะไม่จบ

"บรรหาร"จี้ "โกวิท"ต้องเอาออก 

ด้าน)นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้กล่าวประณามคนที่ก่อเหตุวางระเบิด ในพื้นที่ กทม.และนนทบุรี รวม 8 จุด เมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม ที่ผ่านมา ว่าคนทำมีจิตใจเหี้ยมโหดทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ทำลายประเทศชาติทางอ้อม ทำให้ความน่าเชื่อถือของชาวต่างประเทศลดลง คนไม่มาท่องเที่ยว เชื่อว่าคนที่ทำต้องเป็นคนไทย และต้องมีผู้บงการอย่างแน่นอน โดยผู้บงการต้องเป็นคนที่รอบรู้ เชี่ยวชาญทางด้านระเบิด ไม่อย่างนั้นคงกำหนดจุดไม่ได้ว่า ลูกไหนวางตรงไหน จะระเบิดเมื่อไร ส่วนจะเป็นคนมีสีหรือไม่ หรือเหตุเกิดเพราะอะไรคงเดายาก อยู่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวน และหาสาเหตุให้ได้ แต่เท่าทีดูตนคิดว่า ไม่ใช่ผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้ขึ้นมาดำเนินการเพราะถ้าทำคงทำตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว คงไม่ปล่อยให้มาถึงรัฐบาลนี้

นอกจากนี้ นายบรรหาร ยังรู้สึกหนักใจ ในการเข้าคลี่คลายปัญหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะหลังจากมีการรัฐประหาร มีการเผาโรงเรียน และสถานที่ราชการหลายแห่ง แต่ก็ไม่สามารถหาผู้กระทำผิดได้เลย บางทีเหมาว่าเป็นไฟฟ้าลัดวงจร ดังนั้นตำรวจจะต้องเข้มแข็งกว่านี้ ในยามภาวะการณ์ที่บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ อย่างไรก็ตาม 2 วันมานี้ ไม่เห็นหน้าพล.ต.อ.โกวิท เลย ทั้งออกมาให้สัมภาษณ์ หรือลงพื้นที่เกิดเหตุ มีแต่โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติคนเดียว ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ไม่เข้าใจว่า บ้านเมืองมี ผบ.ตร.หรือไม่ หรือถูกยุบไปแล้ว คนอื่นลงพื้นที่ไปดูพื้นที่กันหมด ผู้ว่าฯกทม.ก็ลงไปทุกจุด แต่ ผบ.ตร.เป็นผู้รับผิดชอบ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กลับไม่รู้อยู่ที่ไหน

ภาคีโคราชเสนอปลด "โกวิท"

ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา อ.เมืองนครราชสีมา ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี ผู้ประสานงานภาคีมวลชนคนโคราชรักประชาธิปไตย พร้อมแกนนำ ร่วมกันแถลงข่าวประณามกลุ่มผู้ก่อเหตุวางระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 31 ธ.ค.49 ที่ผ่านมา ซึ่งทางภาคีฯ เห็นสอดคล้องกับรัฐบาลว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มการเมืองอำนาจเก่า ถือเป็นการกระทำที่ชั่วช้าสามานย์อย่างยิ่งที่เอาชีวิตประชาชนและประเทศชาติเป็นเดิมพัน

นอกจากนี้ ภาคีมวลชนคนโคราชฯ ยังได้ยื่นข้อเรียกร้องหลายข้อแต่มีข้อหนึ่งที่ระบุชัดเจนว่า รัฐบาลต้องกล้าสะสางองค์กรสำคัญอย่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยไม่ต้องรอการปรับโครงการตำรวจใหม่ที่กำลังดำเนินการอยู่ และต้องกล้าปลดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ในพื้นที่ที่เกิดเหตุเผาทำลายโรงเรียน เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้เลย

"โกวิท"มั่นใจไม่ถูกปลด

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 3 ม.ค. พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. ได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่รักษาตัวที่ รพ.ราชวิถี ,รพ.จุฬาฯและ รพ.ตำรวจ พร้อมกับเปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร กำลังร่วมกันทำงานเพื่อดูแลความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างเต็มที่

สำหรับเรื่องการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายกำลังร่วมมือกันดำเนินการ ไม่ต้องเป็นห่วง ทุกพื้นที่จะปลอดภัย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้กำลังจะได้ตัวผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุแล้วหรือไม่ พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่าอยู่ระหว่างการดำเนินการ ถ้ามีอะไร คืบหน้าอย่างไรจะต้องเรียนให้ประธาน คมช.และนายกรัฐมนตรี รับทราบอยู่แล้ว โดยการตรวจเยี่ยมผู้บาดเจ็บในครั้งนี้ พล.ต.อ.โกวิท ได้มอบเงินช่วยเหลือ รายละ 10,000 บาท

ทว่าหลัง พล.ต.อ.โกวิท เยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ รพ.ตำรวจ เสร็จแล้ว พล.ต.อ.โกวิท ปฎิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวโดยเฉพาะ ประเด็นกระแสข่าวปลดพ้นจากตำแหน่ง ผบ.ตร. เพราะควบคุมสถานการณ์ในวันเกิดเหตุไม่ได้

ส่วนบรรยากาศโดยทั่วไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังมีกระแสเรียกร้องให้ปลด พล.ต.อ.โกวิท ออกจากตำแหน่ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้า พล.ต.อ.โกวิท เดินทางมาทำงานตามปกติ โดยมีภารกิจเยี่ยมผู้บาดเจ็บ รายงานสรุปเหตุการณ์ต่อนายกรัฐมนตรี และรวบรวมเอกสารในการร่วมประชุมกับ คมช.โดยที่ พล.ต.อ.โกวิท มีสีหน้ายิ้มแย้ม และก็ไม่หวั่นไหว กับกระแสเรียกร้อง และมั่นใจว่าตนเอง จะไม่ถูกปลดหรือ ถูกโยกย้าย จนกว่าจะถึงวันที่ 30 พ.ย.2550 ซึ่งเป็นวันเกษียณอายุราชการ

 ขณะที่บรรดาข้าราชการตำรวจ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่างมีการวิพากษ์วิจารณ์ ถึงข่าวปลด ผบ.ตร.พร้อมกับมีการคาดการกันว่าหาก พล.ต.อ.โกวิท ถูกปลด บุคคลที่มีสิทธิลุ้นขึ้นมานั่งตำแหน่ง ผบ.ตร.คนต่อไป มี 2 คน ประกอบด้วย

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง ผบ.ตร.(ปป) นรต.รุ่น 25 ซึ่งเกษียณอายุราชการ ปี 2552 และพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ที่ปรึกษา(สบ10)นรต.รุ่น 24 เกษียณอายุปี 2551