Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 







มุมคิดจากนักเรียนน้อย เป็นผลงานภาคปฏิบัติในชั้นเรียนของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ส่งมาให้ประชาไทพิจารณานำเผยแพร่ เยาวชนที่สนใจสามารถส่งผลงานมาได้ที่ netcord@prachati.com


 



 


กมลชนก สุขใส


คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


                       


และแล้วละครชีวิตจริงเรื่องยาว เรื่อง "เลี่ยงภาษี" อันมีชื่อตอน "พจมาน-บรรณพจน์-คนรับใช้" ก็มาถึงจุดไคลแมกซ์ (ซักที) ตรงที่กลุ่มผู้ถูกกล่าวหา (?) ว่าจงใจใช้เล่ห์กลหลีกเลี่ยงภาษี ได้รับการตัดสินให้ไปจ่ายภาษีย้อนหลังซะ นอกจากนี้ยังอาจจะถูกแจ้งข้อหาทางอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองแสนบาทพ่วงมาด้วย


 


ส่วนกลุ่มผู้รู้เห็นเป็นใจ อีกทั้งยังช่วยเหลือให้มีการหลีกเลี่ยงภาษีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ถูกตัดสินให้ตกงานไปเรียบร้อยแล้ว


 


ระหว่างที่รอลุ้นตอนจบของเรื่องนี้ แทนที่จะมานั่งเถียงกันว่า ใครผิด-ใครไม่ผิด หรือเป็นกลาง-ไม่เป็นกลาง เรามานั่งคิดกันดีกว่าว่า เรื่องนี้สอนอะไรให้สังคมไทยบ้าง


 


ท่านที่ติดตามเรื่องราวมาโดยตลอด คงจะปวดเศียรเวียนเกล้าไม่น้อยทีเดียว กับกลวิธีที่ใช้หลีกเลี่ยงภาษี ตั้งแต่การเอาชื่อคนรับใช้มาถือหุ้น ให้พี่ชายทำทีเป็นซื้อหุ้น แต่ที่จริงใช้เงินตัวเองซื้อหุ้นของตัวเอง (ในชื่อคนรับใช้) แล้วโอนให้พี่ชาย ส่วนที่ต้องให้พี่ทำเป็นซื้อก็เพราะหากโอนให้อย่างตรงไปตรงมา จะต้องเสียภาษีรายได้เยอะกว่าค่าธรรมเนียมซื้อขาย


 


นี่คือ "พัฒนาการ" อีกขั้นหนึ่งของการเฉไฉฉ้อโกง ซึ่งก้าวล้ำนำสมัยเสียยิ่งกว่ามือถือถ่ายวิดีโอได้


 


บทเรียนถัดไปคือ การดำรงอยู่ของความเป็นสองมาตรฐาน ซึ่งเรื่องนี้เป็นตัวอย่างอันชัดเจนโจ่งแจ้งที่สุดเท่าที่เคยพบมา ที่น่าเศร้าก็คือมันถูกนำเสนอโดยข้าราชการ บุคคลผู้ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยเงินภาษีประชาชนทั้งประเทศ แต่กลับเอื้อให้คนกลุ่มเดียวมาเอาเปรียบคนทั้งประเทศ


 


นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวความไม่เที่ยงธรรมของอำนาจ ซึ่งเมื่อมีอยู่ก็ปิดหูปิดตาให้มองไม่เห็นความชั่วร้าย แต่ด้วยความที่สรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยง อำนาจนั้นจึงมีวันเสื่อม พอเสื่อมปุ๊บความชั่วร้ายเลวทรามที่ซุกซ่อนอยู่ใต้อำนาจ ก็เผยออกมาปั๊บ


 


ประการสำคัญที่สุดอันไม่ภูมิใจนำเสนอ นั่นคือความโลภของคน ที่เป็นจุดเริ่มต้นและตัวบงการสิ่งเลวร้ายทั้งหมด ดิฉันเองเคยสงสัยตามประสาคนพอมีพอใช้ไปวันๆ ว่า คนที่รวยกันอยู่แล้ว เขายังจะต้องโกงเงินไปอีกทำไม? เขาเอาเงินมหาศาลขนาดนั้นไปทำอะไร? แล้วชาตินี้เขาจะใช้หมดหรือ?


 


เพิ่งมาคิดออกเดี๋ยวนี้เองว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงิน แต่อยู่ที่อื่น


 


อยากให้สังคมไทย นำเอาเรื่องนี้มาเป็นบทเรียนเพื่อทบทวนว่า เราจะอยู่กันได้ภายใต้สังคมแบบนี้น่ะหรือ?

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net