พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจ/องอาจ เดชา รายงาน
แผ่นดินไหวเชียงใหม่ 5.1 ริคเตอร์ หอพัก ม.แม่โจ้ร้าว
เมื่อเวลา 0.02 น. ของเช้าวันที่ 13 ธันวาคมนี้ได้เกิดแผ่นดินไหวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.1 ริคเตอร์ ที่ละติจูด 19.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 99.15 องศาตะวันออก ความลึกจากระดับผิวดิน
หลังเกิดเหตุทำให้บรรดาผู้พักอาศัยในอาคารสูง เช่น นักท่องเที่ยวที่โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ อพยพลงมาจากอาคารสูง นอกจากนี้แรงสั่นสะเทือนยังทำให้นักศึกษาของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ที่พักอยู่ในหอพักมหาวิทยาลัยต่างอพยพแตกตื่นลงมาจากอาคารที่พัก
รายงานความเสียหายเบื้องต้นมีเพียงอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในครัวเรือนของชาวบ้านในเขตอ.สันกำแพง ตกหล่นเสียหายเล็กน้อย ส่วนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ป้องกันภัยและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เร่งตรวจสอบอาคารสูงในจังหวัดเชียงใหม่อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอาคารหอพักชาย 2 ชั้น 5 ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ มีการรอยแตกร้าวเกิดขึ้น
นอกจากนี้ชาวบ้านบริเวณเขื่อนแม่กวง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ก็รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนนี้เช่นกัน โดยวิตกว่าเขื่อนแม่กวงจะร้าวหลังแผ่นดินไหว อย่างไรก็ตามในขณะนี้ไม่มีรายงานความเสียหายใดๆ ของเขื่อนแม่กวง
โดยนาง
สามรอยเลื่อนใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหว
โดยจากการสำรวจแนวรอยเลื่อนในไทย พบว่า มีรอยเลื่อนที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่มากที่สุด คือ หนึ่ง รอยเลื่อนมูลาว พาดผ่านอำเภอแม่สรวย อำเภอแม่ลาว และอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ มีความยาวประมาณ
นักวิทยาศาสตร์เคยเตือนแล้วก่อนหน้านี้
ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์ได้เตือนว่าจะเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยโดยเฉพาะในภาคเหนือบ่อยครั้ง โดยนาย
เป็นไปได้ว่า หากแนวมุดเกิดขยับขึ้นไปเชื่อมกับรอยเลื่อนสะแกงในพม่า ก็จะมีแนวโน้มเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 8 ริคเตอร์ ซึ่งมีพลังมหาศาลเทียบเท่าปรมาณูเป็นพันๆ ลูก และในอนาคต อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ตั้งแต่ฝั่งทะเลอันดามันทางตะวันตก ยาวไปจนถึงภาคเหนืออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเขื่อนในประเทศที่สำคัญหลายแห่ง เนื่องจากต้องเข้าใจว่า โดยธรรมชาติแล้ว การสร้างเขื่อนนั้นหมายถึงการสร้างสิ่งก่อสร้างที่ขวางทางน้ำ ซึ่งตั้งสมมติฐานได้เลยว่า เส้นทางน้ำนั้นก็คือเป็นแนวที่วิ่งสอดคล้องกับรอยเลื่อนแผ่นดินไหวทางเดียวกันมาก่อน
ทุกฝ่ายต้องคุยหาทางรับมือเขื่อนในรอยเลื่อนแผ่นดินไหว
"ลำห้วยลำน้ำนั้น เกิดจากการเคลื่อนที่เป็นร่องเป็นหุบเขามาก่อนที่จะเกิดลำน้ำ และเขื่อนนั้นมาทีหลัง ดังนั้น ผมเชื่อว่า ที่ผ่านมา โครงสร้างของเขื่อนในประเทศนั้นมีการคำนึงถึงเรื่องแผ่นดินไหวจริง แต่ว่าในปัจจุบันเมื่อเหตุการณ์และระยะเวลาผ่านไป อาจต้องมีการหามาตรการอื่นมาเสริม เราต้องยอมรับความจริง เอาข้อมูลต่างๆ มาศึกษาและหามาตรการในการวางแผนป้องกันร่วมกัน ซึ่งจะเป็นการหาทางออกที่ดีที่สุด"
วิธีการในขณะนี้ก็คือ ทุกฝ่ายต้องมาคุยกัน ต้องเอาข้อมูลบนพื้นฐานความจริงมาวางแผนร่วมกัน โดยควรมีการเร่งตรวจสอบโครงสร้างของเขื่อนว่ามีมาตรฐานแข็งแรงหรือไม่ และควรมีการติดตั้งระบบเตือนภัยในพื้นที่บริเวณที่มีเขื่อนที่อยู่ในรอยเลื่อนทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่เขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี และการเฝ้าระวังจะต้องมีอย่างต่อเนื่อง เพราะแผ่นดินไหวนั้นมีการเคลื่อนตัวเป็นพลวัตรต่อเนื่องอยู่แล้ว สุดท้าย ที่สำคัญที่สุด จะต้องมีการวางมาตรการวางแผนเตรียมตัวอพยพประชาชนที่เสี่ยงภัยออกจากพื้นที่ให้ทัน หากเขื่อนร้าวหรือแตก
กทม. ก็น่าห่วงตึกทรุดหากเกิดแผ่นดินไหว เหตุชั้นดินอ่อน
นาย
"หากดูจากสถิติที่ผ่านมา จะรู้เลยว่า การเกิดแผ่นดินไหวในแต่ละครั้ง แม้จะอยู่ห่างไกลจากกรุงเทพฯ แต่ส่งผลกระทบรับรู้ได้ อย่างเช่น กรณีเมื่อวันที่ 22 ก.ย.2546 เวลา 01.16 น.ได้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง โดยมีศูนย์กลางอยู่ในประเทศพม่า มีขนาด 6.7 ริคเตอร์ ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศว่าแผ่นดินไหวครั้งนั้น รู้สึกสั่นสะเทือนได้ในอาคารสูงบางแห่งของกรุงเทพฯ" นายอดิศรกล่าว
เผยเชียงใหม่และบริเวณใกล้เคียงมีแผ่นดินไหวกว่า 4 ครั้ง
สำหรับแผ่นดินไหวในเชียงใหม่และบริเวณใกล้เคียงในรอบ 1 ปีมานี้ได้เกิดขึ้นมาแล้ว 4 ครั้ง โดยเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมปี 2548 เวลา 16.34 น. ได้เกิดแผ่นดินไหว แรงสั่นสะเทือนขนาด 4.1 ริคเตอร์ ศูนย์กลางอยู่ที่รอยต่อ อ.เมือง และ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ จากนั้นเวลา 16.58 น. ได้แผ่นดินไหวขึ้นอีกครั้งในตำแหน่งเดิมความแรง 2 ริคเตอร์ ซึ่งเป็นอาฟเตอร์ช็อก โดยประชาชนย่าน อ.หางดง ระบุได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิดต้องวิ่งหนีอออกมานอกอาคาร
ในปี 2549 กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 07.28 น. ของวันที่ 13 กรกฎาคม 2549 ได้เกิดแผ่นดินไหว มีศูนย์กลางอยู่บริเวณอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ หรือที่ละติจูด 18.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 98.8 องศาตะวันออก ห่างจากสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2549 เวลา 12.15 น. ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือรายงานว่าได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 3.4 ริคเตอร์ มีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณละติจูด 19.15 องศาเหนือ ลองติจูด 98.92 องศาตะวันออก ห่างจากสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวเชียงใหม่ไปทางทิศเหนือประมาณ 40 กิโลเมตรหรืออยู่ที่บริเวณอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้เมื่อต้นปี 2548 ที่ผ่านมา บริเวณเทือกดอยหลวงเชียงดาวได้ทรุดพังทลายลงมาบางส่วน ซึ่งทำให้คนท้องถิ่นแปลกใจและตั้งข้อสังเกตว่าปกติภูเขามักจะทรุดพังในหน้าฝนหลังจากดินมีการอุ้มน้ำ แต่ครั้งนี้มีการทรุดตัวในหน้าแล้ง อีกทั้งยังมีการสำรวจพบว่าระดับความสูงของดอยหลวงเชียงดาวลดลงจากเดิม
ล่าสุดก่อนที่จะเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2549 เวลา 08.59 ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 4.5 ริคเตอร์ มีศูนย์กลางอยู่บริเวณพรมแดนไทย-ลาวที่ละติจูด 20.23 องศาเหนือ ลองจิจูด 100.181 องศาตะวันออก ระยะทางห่างจากอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ไปทางทิศตะวันออกประมาณ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)