Skip to main content
sharethis

ประชาไท - ผู้สื่อข่าวรายงานจากสโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิตว่า วานนี้ (7 ธ.ค.) พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 เป็นประธานการประชุมประสานความร่วมมือแก้ปัญหาความมั่นคงในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ครั้งที่ 1 ร่วมกับนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. และ พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. ตัวแทนของผู้ว่าราชการจังหวัดปริมณฑล ประกอบด้วย นนทบุรี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปทุมธานี หัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ ทหารในเขตพื้นที่ กรุงเทพ ฯ และปริมณฑล ปลัดกทม. ผอ.เขต กทม. สมาชิก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประมาณ 600 คนเข้าร่วมประชุม


         


พล.ท.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.เพราะที่ผ่านมาเราทำงานมาตลอด โดยวันนี้เราประชุมว่าจะทำอย่างไรเพื่อช่วยกันทำงานและทำให้มีการประสานงานกันระหว่างพลเรือน ตำรวจ ทหาร เพื่อทำประโยชน์ให้ประเทศชาติบ้านเมือง และที่สำคัญในปีนี้เป็นปีมหามงคล หลังจากวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา เราได้ฟังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาแล้ว ดังนั้น ในวันนี้เราจะร่วมมือกันว่าใครจะทำหน้าที่อะไรและทำอย่างไร


         


"เราจะมีการจัดกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาย (กอ.รมน.)แบบใหม่ โดยจะมีจัดตั้งศูนย์ประสานงานพลเรือน ตำรวจ ทหาร ซึ่งมีภารกิจในการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในกรุงเทพ ฯ และภาคกลาง 26 จังหวัด โดยมีตำรวจเป็นหลัก ซึ่งทหารและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้ามาเป็นผู้ช่วย ขณะนี้กำลังจัดระเบียบภายในสำนักงานและบุคคลากรอยู่คาดว่ากลางเดือนมกราคมปี 2550 น่าจะเริ่มทำงานไดิ้พล.ท.ประยุทธ์ กล่าว


         


ส่วนการเตรียมมาตรการวางแผนรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.นี้นั้น พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราเตรียมการไว้แล้ว ซึ่งไม่อยากให้ความสำคัญเฉพาะกับวันที่ 10 ธ.ค. นี้ แต่เรามีความพร้อมทุกวัน สถานการณ์ในวันที่ 10 ธ.ค.เราจะใช้กำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลัก ทั้งนี้ เชื่อว่าไม่น่ามีเหตุการณ์รุนแรง


         


"ขณะนี้การประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกยังไม่มีผลบังคับใช้ ทำให้ขณะนี้ทหารยังคงช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลสถานการณ์เหมือนเดิม ส่วนมือที่สามที่อาจจะมาก่อกวน นั้น ขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลหากพบเห็นสิ่งใดผิดปกติขอให้ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ คิดว่าคงไม่มีใครที่อยากจะให้เกิดความเรียบร้อยในบ้านเมืองเรา


         


ส่วนการประเมินจำนวนผู้ชุมนุมที่จะเข้ามาจำนวนมากและทำให้เกิดความรุนแรง พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรามีการประเมินตลอด 24 ชั่วโมง หากเราออกมาทำงานก็จะออกมาด้วยความเรียบร้อยสงบ ดังนั้น อย่าไปตกใจ สถานการณ์จะเป็นตัวกำหนด ทั้งนี้ มั่นใจว่าเรารับมือได้ คนไทยส่วนใหญ่ทราบดีว่า ปีนี้เป็นปีอะไร เราควรจะทำอะไรเพื่อถวายแด่พระองค์ท่าน เพื่อให้ท่านสบายพระราชหฤทัยได้บ้าง เพื่อทำให้บ้านเมืองเราสงบสุขและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย


         


ด้าน พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี กล่าวว่า การรักษาความสงบเรียบร้อยของ ผู้ที่มาชุมนุมไม่ว่าจะเป็น สนามหลวง หรือที่ใดเป็นหน้าที่ของตำรวจต้องจัดการให้เกิดความเรียบร้อย ขณะนี้ได้มีการเตรียมการไว้แล้ว ซึ่งความจริงตำรวจ ทำงานร่วมกับทหารมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องการข่าว ดังนั้น จากการข่าวที่แม่นยำ และถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ ทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยความเรียบร้อย


 


พล.ต.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ผบ.พล.1 รอ.กล่าวว่า จะมีการส่งทหารลงไปในพื้นที่ชุมชนต่างๆ ในกทม.และ ปริมณฑล คลอบคลุมทุกเขต โดยมีการเริ่มเข้าไปในพื้นที่บ้างแล้ว และ ในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะเข้าไปครบหมด โดยมีเป้าหมายในการสนับสนุนและเสริมการทำงานของ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และกทม. แต่ยืนยันว่าจะไม่ใช่การไปแย่งการทำงาน แต่เข้าไปเสริมการปฏิบัติงานในพื้นที่ เป็นสื่อในการนำความเดือดร้อนของประชาชนในการไปประสานกับตำรวจและฝ่ายปกครอง แนวคิดในการลงพื้นที่จะใช้ยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เพื่อสนับสนุน ผอ.เขต ตำรวจนครบาล ส.ก. , ส.ข. เป็นหลัก


 


"ทหารที่ลงไปไม่ได้เปลี่ยนแปลงการทำงานของท่าน พวกท่านยังเป็นพระเอก เรายังสนับสนุนท่านเหมือนเดิม การเข้าไปเข้าไปเป็นชุด เข้าในในทุกชุมชน ไม่ได้มีการแยกแยะว่าเป็นฐานเสียงของพรรคเก่า หรือ พรรคใหม่ เดินเข้าไปดุ่ยๆ ไปเก็บข้อมูล และหากพบกลุ่มที่มีพฤติกรรมที่ส่อไปในการสร้างความไม่สงบ ก็จะเฝ้าดูเป็นพิเศษ และ มาพูดคุยเป็นพิเศษ ดังนั้น หากพวกท่านเห็นทหารไปป้วนเปี้ยน อยู่ในชุมชนก็อย่าตกใจ เพราะเราจะแต่งเครื่องแบบ มีการแสดงตัวชัดเจน ไม่ทำลับๆ ล่อๆ ไปถึงก็จะไปแนะนำตัวกับผอ.เขต หรือ โรงพัก"


 


ผบ.พล.1 รอ. กล่าวว่า สิ่งที่ตนห่วงใยอยู่ประการเดียวคือกลุ่มประชาชนที่ "เงิน" มีค่ากับเขาในการดำรงชีวิต แค่ 300-500 บาท ก็เป็นค่ากับข้าวได้ทั้งสัปดาห์ ตนเชื่อมั่น ว่าทุกท่านในที่นี้มีศักยภาพพอที่จะทำความเข้าใจกับคนเหล่านี้ได้ อย่าให้เงินซื้ออุดมการณ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ได้ และ ขอให้ทุกคนจงอดทน


 


วันเดียวกันที่โรงแรมท็อปแลนด์ จ.พิษณุโลก พล.ท.จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาผู้บริหารองค์การบริหารส่วนจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยกล่าวว่า พื้นที่ภาคเหนือยังมีปัญหาทั้งความมั่นคงจากประเทศเพื่อนบ้าน ปัญหาการแบ่งเขตแดน แรงงานต่างด้าว และปัญหายาเสพติด ขณะที่ปัญหาการเมืองภายในยังไม่จบสิ้น การเลือกตั้งครั้งต่อไปต้องบอกผ่านนายก อบจ.และเจ้าหน้าที่ทั้งหมดของภาคเหนือว่าการใช้สิทธิเลือกตั้งต้องไม่ใช้เงิน


 


สำหรับคลื่นใต้น้ำจะขอความร่วมมือ อย่านำคนที่มีความคิดไม่ตรงกันไปอยู่รวมกัน โดยเฉพาะการชักนำคนเข้าไปกรุงเทพฯ ส่วนนักวิชาการนั้นอาจห้ามไม่ได้


 


พล.ท.จิรเดช ยืนยันว่าขณะนี้คลื่นใต้น้ำที่จ.พิษณุโลกยังไม่มี แต่กองทัพภาคที่ 3 ได้เฝ้าดูติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ อย่างใกล้ชิด หากมีคลื่นใต้น้ำ ก็ขอให้อยู่แต่ใต้น้ำอย่าขึ้นมาอยู่บนน้ำก็พอ ซึ่งได้ฝากผ่านทาง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ช่วยดูแล


 


นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตส.ส.นครพนม พรรคไทยรักไทย กล่าวว่าการชุมนุมในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ ยืนยันว่าอดีต ส.ส.อีสานไม่มีการเคลื่อนไหวหรือเกี่ยวข้องแน่นอน ส่วนข่าวที่ว่าพรรคไทยรักไทยอยู่เบื้องหลังการชุมนุม และมีการจ่ายเงินสนับสนุนถึง 10 ล้านบาทนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าหากมีการจ่ายเงินขนาดนั้นจริง ก็ต้องผ่านอดีตส.ส.ก่อน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นคมช.ก็สามารถที่จะตรวจสอบบัญชีของอดีตส.ส.ได้ อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าข่าวการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวอาจจะเป็นการสร้างข่าวขึ้นมาเองหรือไม่ และถ้าหาก คมช.ที่ออกมาระบุว่า มีคลื่นใต้น้ำจริงนั้น ทำไมถึงเช็คไม่ได้ว่าคลื่นใต้น้ำเหล่านั้นเป็นใครบ้าง


 


"ทุกวันนี้อดีตส.ส.ไทยรักไทยขยับไปไหนก็ถูกจับตาตลอดอยู่แล้ว ขนาดไปร่วมงานของชาวบ้านในพื้นที่ก็ยังถูกเชิญให้ออกจากพื้นที่จัดงาน ยืนยันว่าไม่ได้เคลื่อนไหวต่อต้านคมช.แต่อย่างใด ส่วนกรณีของคุณเนวิน (ชิดชอบ รักษาการรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย)นั้น ทราบว่าอยู่ต่างประเทศ ดังนั้นการจะเคลื่อนไหวอะไรคงจะทำได้ยาก โดยเฉพาะหากจะต้องมีการขนคน ที่ผ่านมาอาจจะมีม็อบจัดตั้งบ้าง แต่ในรัฐบาลชุดนี้ และภายใต้การควบคุมของคมช.ขณะนี้ การจะไปจัดตั้งม็อบอะไรคงเป็นเรื่องยาก"


 


 


 


 


ที่มา : เว็บไซต์ผู้จัดการ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net