ประชาไท -7 ธ.ค. 49 เอเอฟพี/เอเจนซี รายงานว่า หัวหน้าคณะรัฐประหารของฟิจิประกาศภาวะฉุกเฉิน ยุบรัฐสภา เนรเทศนายกรัฐมนตรีไปต่างจังหวัด พร้อมกับเตือนว่าจะปราบปรามอย่างเด็ดขาดกับใครก็ตามที่พยายามต่อต้าน ขณะที่การยึดอำนาจอย่างไร้การนองเลือดของคณะทหารคราวนี้ เรียกเสียงประณามคัดค้านจากทั่วโลก

พลเรือจัตวา แฟรงค์ ไบนิมารามา ผู้บัญชาการทหารฟิจิ ซึ่งเป็นหัวหน้าก่อการรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้งตั้งแต่วันอังคารที่ 5 ธ.ค. ยังได้กระชับอำนาจของตัวเองให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ด้วยการให้รักษาการนายกรัฐมนตรีที่เขาวางตัวไว้ สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง, ปลดนายตำรวจระดับท็อป 2 คน ตลอดจนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อื่นๆ, และจับกุมบุคคลสำคัญซึ่งปากกล้าวิพากษ์การยึดอำนาจของเขาเอาไว้เป็นระยะเวลาสั้นๆ

"เรามีหลักฐานอันสมเหตุสมผลที่จะเชื่อว่า ชีวิตแห่งรัฐกำลังถูกคุกคาม" ไบนิมารามาแถลงในขณะประกาศใช้ภาวะฉุกเฉิน และยุบรัฐสภา

"ผมขอชี้แจงว่า หากเราถูกกดดันให้ต้องใช้กำลังแล้ว เราจะลงมืออย่างรวดเร็ว" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว

การใช้ภาวะฉุกเฉิน ทำให้ฝ่ายทหารมีอำนาจที่จะยกกำลังออกมารักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในพื้นที่ทั่วเมืองหลวงซูวา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำอยู่แล้วในการทำรัฐประหารโค่นรัฐบาลคราวนี้ ตลอดจนสามารถสั่งเรียกระดมกำลังกองหนุน นอกจากนั้น ฝ่ายทหารยังสงวน "สิทธิที่จะบังคับใช้มาตรการห้ามออกนอกบ้าน หากเห็นว่ามีความจำเป็น"

ก่อนการประกาศยุบรัฐสภา วุฒิสภาได้จัดการประชุม โดยมีวุฒิสมาชิกจำนวนหนึ่งเสนอให้ออกมติประณามการรัฐประหารด้วย แต่แล้วการประชุมก็ต้องล้มเลิก เมื่อกำลังทหารราว 40 คนเข้าไปขับไล่ และยึดอาคารรัฐสภาเอาไว้

นอกจากนั้น ทหารยังยกกำลังเข้าปิดล้อมค่ายตำรวจที่อยู่นอกกรุงซูวา บีบบังคับให้รักษาการผู้บัญชาการตำรวจ โมเสส ไดรเวอร์ และรักษาการรองผู้บัญชาการอีกคนหนึ่ง ต้องยอมออกมามอบตัว แล้วทั้งคู่ก็ได้ถูกนำตัวไปกักไว้ในค่ายทหารอยู่ระยะหนึ่ง พร้อมกับข้าราชการพลเรือนชั้นผู้ใหญ่อีก 4 คน ต่อมาไบนิมารามายังได้สั่งปลดและแต่งตั้งผู้รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแทนไดรเวอร์ ตลอดจนสั่งปลดผู้บัญชาการเรือนจำ ด้วยข้อหาว่าไม่ให้ความร่วมมือ

อย่างไรก็ตาม ไบนิมารามายอมรับว่า ต้องพักการแต่งตั้งคณะรัฐบาลชั่วคราวเอาไว้ก่อน ภายหลังมหาสภาแห่งหัวหน้าเผ่าของฟิจิ ได้ประกาศเลื่อนการประชุมจากที่เดิมนัดหมายไว้ในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้มหาสภาแห่งนี้มีอำนาจในการแต่งตั้งประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดี

สื่อในฟิจิรายงานว่า ไบนิมารามาได้สั่งปลดรองประธานาธิบดี ระตู โจนี มาไดรวีวี โดยโฆษกฝ่ายทหารได้ยืนยันเรื่องนี้ ทว่ากรณีดังกล่าวกำลังทำให้ประธานมหาสภาหัวหน้าเผ่าโกรธกริ้ว เพราะเห็นว่าการปลดรองประธานาธิบดีเป็นอำนาจของทางมหาสภา

สำหรับนายกรัฐมนตรีไลเซเนีย การาซี พร้อมกับภรรยาของเขา ได้ถูกทหารนำตัวไปยังสนามบินกรุงซูวาตั้งแต่เช้าวานนี้ และขึ้นเครื่องบินมุ่งสู่เกาะห่างไกลที่เป็นบ้านเกิดของการาซี โดยก่อนจะถูกเนรเทศออกจากเมืองหลวง การาซีได้บอกกับวิทยุเอบีซีของทางการออสเตรเลีย ยืนยันว่าเขาไม่ได้ลาออก และยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีตามกฎหมาย พร้อมกับคาดหมายว่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ประชาชนชาวฟิจิจะลุกขึ้นมาต่อสู้อย่างสันติเพื่อประชาธิปไตย

ด้านนายกรัฐมนตรีเฮเลน คลาร์ก แห่งนิวซีแลนด์ และรัฐมนตรีต่างประเทศอเลกซานเดอร์ ดาวเนอร์ ของออสเตรเลีย ต่างก็แถลงเรียกร้องให้นายทหารและข้าราชการพลเรือนของฟิจิ อย่าทำตามคำสั่งของคณะรัฐประหาร

ประเทศทั้งสองได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรคณะทหารฟิจิแล้ว เช่นเดียวกับสหรัฐฯซึ่งสั่งระงับความช่วยเหลือทางทหาร ขณะที่เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น โคฟี อันนัน ตลอดจนบรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรป(อียู) ต่างออกมาประณามการรัฐประหาร และเรียกร้องให้คืนอำนาจแก่การาซี