Skip to main content
sharethis

ประชาไท-29 พ.ย.49 เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 49 กระทรวงเกษตรของเกาหลีใต้ แถลง ยืนยันว่า พบการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก เอช 5 เอ็น 1 ในฟาร์มสัตว์ปีกแห่งที่ 2 แล้ว หลังจากที่มีไก่ตายประมาณ 600 ตัว ฟาร์มดังกล่าวอยู่ห่างจากฟาร์มแรกที่พบระบาดในจังหวัดชอลลาเหนือเมื่อสุดสัปดาห์ประมาณ 3 กิโลเมตร



กระทรวงเกษตรได้สั่งฆ่าทำลายไก่ เพื่อควบคุมการระบาดแล้ว โดยฟาร์มทั้ง 2 แห่งนี้เป็นเส้นทางอพยพไปทางใต้ของนกป่าจากรัสเซีย มองโกเลีย และคาซัคสถาน ทำให้เกรงกันว่าเชื้อไวรัสอาจจะกระจายไปในพื้นที่อื่นของเกาหลีใต้ด้วย พร้อมกันนี้กระทรวงเกษตรยังพบฟาร์มอีก 3 แห่ง ที่เกิดการระบาดของไข้หวัดนก แต่เชื้อที่ระบาดไม่ได้เป็นเชื้อไวรัสที่มีอันตรายต่อมนุษย์



ส่วนที่อินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดนกเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย เป็นหญิงวัย 35 ปี ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อในอินโดนีเซียมีทั้งหมด 57 คนแล้ว โดยผู้เสียชีวิตรายล่าสุดมาจากชวาตะวันตก และ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงจาการ์ต้าเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แต่ถึงแม้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้น รัฐบาลอินโดนีเซียก็ยังไม่เห็นด้วยกับการใช้มาตรการฆ่าทำลายไก่ เพื่อควบคุมการระบาดโดยให้เหตุผลว่า วิธีการดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายสูงและไม่เหมาะสมที่จะใช้ในอินโดนีเซีย



สำหรับประเทศไทย ไข้หวัดใหญ่ระบาดอีสานล่าง พบผู้ป่วยแล้วกว่า 1,215 พันราย สุรินทร์มากสุด 512 รายรองลงมาเป็นบุรีรัมย์ 502 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้สูงอายุ แต่ไม่พบผู้เสียชีวิต และมีแนวโน้มระบาดเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูหนาวเดือนม.ค.-ก.พ. หวั่นกลายพันธุ์ผสมไข้หวัดนก แนะนำดูแลสุขภาพให้แข็งแรง-ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หากพบมีผู้ป่วยควรรีบพบแพทย์และแจ้งประวัติโดยละเอียด เพื่อรับการรักษาได้อย่างทันท่วงที


 


นพ.สมชาย ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา แถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของโรคในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะโรคไข้หวัดใหญ่ ว่า ในพื้นที่เขต 13 ประกอบด้วย นครราชสีมา, บุรีรัมย์, สุรินทร์ และชัยภูมิ


 


ทั้งนี้ จากข้อมูลทางระบาดวิทยาของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา พบว่า ตั้งแต่เดือน ม.ค.-พ.ย. นี้ มีผู้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ทั้งสิ้น 1,215 ราย แยกเป็น จ.นครราชสีมา 137 ราย, บุรีรัมย์ 502 ราย, สุรินทร์ 521 ราย และชัยภูมิ 55 ราย ยังไม่พบผู้ป่วยเสียชีวิต แต่มีแนวโน้มการระบาดสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง


 


จากสถิติที่ผ่านมา จะพบการระบาดเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเดือน ม.ค.- ก.พ.ของทุกปี ส่วนใหญ่พบในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในปีนี้ คือ โรคไข้หวัดใหญ่จะกลายพันธุ์ได้ หากผู้ป่วยมีประวัติการสัมผัสกับสัตว์ที่ป่วยด้วยโรคไข้หวัดนก จะทำให้โรคมีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ฉะนั้นผู้ที่มีอาการสงสัยว่า ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์และแจ้งประวัติอย่างละเอียด เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที


 


ขณะเดียวกันในส่วนของสำนักงานป้องกันควบคุมโรค ได้ระดมเจ้าหน้าที่ในการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง และในทุกพื้นที่ของเขต 13 ได้มีการซ้อมแผนรับมือไข้หวัดใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว


สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายโดยการหายใจเอาเชื้อโรคที่ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ ที่ผู้ป่วยไอจามออกมา อาการของโรค ผู้ป่วยจะมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดตามกระดูกและกล้ามเนื้อ ถ้าได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ และได้รับการรักษาอย่างถูกต้องจะหายจากโรคนี้ภายใน 2-7 วัน แต่บางรายอาจเกิดโรคแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม หลอดลมอักเสบ คออักเสบ ซึ่งเป็นอันตรายมาก


  


ส่วนการป้องกัน ทำได้โดยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง โดยการกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในที่แออัด เช่น โรงพยาบาล ศูนย์การค้า, โรงภาพยนตร์ และที่สำคัญหากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือต้องเข้าไปในที่แออัดควรสวมหน้ากากอนามัยหรือผ้าปิดปากปิดจมูก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค


 


ด้านประเทศจีน เตรียมจำกัดจำนวนตลาดสัตว์ปีกที่มีชีวิต และจะค่อยๆ ทำการขนย้ายสัตว์ปีกเหล่านี้ออกจากเขตเมืองขนาดใหญ่และขนาดปานกลาง เพื่อความพยายามในการต่อสู้กับเชื้อไข้หวัดนกครั้งใหม่


 


สภาแห่งรัฐของจีนเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นออกคำสั่งห้ามดำเนินการก่อสร้างตลาดสัตว์ปีกแห่งใหม่ขึ้นในเขตเมือง


 


ในเอกสารที่ออกโดยสภาแห่งรัฐ ระบุว่า พื้นที่ค้าสัตว์ปีกที่มีชีวิตต้องสร้างแยกออกจากตลาดสินค้าการเกษตรอื่นๆทั้งในเมืองและในแถบชนบท รวมถึงระบุให้มีการจัดทำทางเข้า-ออกที่แยกออกจากกัน และหากตลาดการค้าสัตว์ปีกใดไม่สามารถดำเนินการตามข้อเรียกร้องที่ระบุในเอกสาร จะต้องเร่งดำเนินการให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด มิเช่นนั้นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการปิดตลาดเหล่านี้


  


นอกจากนี้ สภาแห่งรัฐของจีนยังได้เรียกร้องให้สำนักงานตรวจสอบสัตว์ปีกในหลายระดับ เพิ่มการเฝ้าระวังให้มากขึ้น รวมทั้งดำเนินการกำจัดสินค้าสัตว์ปีก เพื่อสร้างความมั่นใจว่าสินค้าสัตว์ปีกที่นำมาจำหน่ายในท้องตลาดผ่านการรับรองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


  


ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรรายงานว่าในปีนี้ จีนได้ทำการกำจัดสัตว์ปีกประมาณ 47,000 ตัวในพื้นที่แพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนก 10 แห่งภายใน 7 มณฑล


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net