"ที่กังวลคือถ้าหากเราไปลดอำนาจรัฐ ไปเพิ่มอำนาจให้ประชาชนอย่างที่ไปพูดกัน เดี๋ยวก็จะไปยุ่งกับการสลายรัฐอีก เป็นรัฐเดี่ยวอีก เช่นหลายคนบอกว่า ก็ต้องเลือก นายกฯ อบจ.อันนี้ก็เป็นการเพิ่มอำนาจรัฐ ซึ่งมันคนละเรื่องกัน มีข้อครหาว่าต้องการสลายรัฐเดี่ยว ที่เป็นลักษณะของรัฐไทย ให้เป็นสาธารณะรัฐ มันก็ชักจะยุ่ง ดังนั้นต้องระวังเรื่องพวกนี้ให้ดี"

อดีตนายกฯ กล่าวว่า กล่าวว่า คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมไทยเป็นสังคมทุนนิยม ซึ่งมีอยู่ 2 ประกอบ คือ ทุน และกรรมกร เป็นองค์กรที่คู่กัน องค์กรของพี่น้องประชาชนที่จะติดตามใกล้ชิดที่เป็นส่วนหนึ่งในการจัดระะบียบ ของเศรษฐกิจทุนนิยม คือกรรมกร ในอดีตช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทหารซึ่งเป็นตัวแทนของนายทุนเหมือนกัน วันนั้นทุกคนมีความมุ่งมั่นสร้างระบอบประชาธิปไตยให้สำเร็จ แต่พอมาสักพัก พวกนายทุนต้องการกำไรสูงสุด

ทหารก็มาเข้ากับประชาชนมากขึ้นเพราะมีนายทุนชั่วร้ายพวกนายทุนเลยจัดให้ทหาร เป็นเผด็จการ และตัวเองเป็นประชาธิปไตย เพราะทหารถืออาวุธ ความจริงไม่ใช่ การจะดูเรื่องการเป็นประชาธิปไตยไม่ได้ดูที่การถืออาวุธ

"วันนี้คมช. เริ่มรู้ว่าจะทำงานอย่างไร ง่ายนิดเดียวคือให้อำนาจกับองค์กรข้างล่าง งบฯ ท้องถิ่น 35 % อย่าขี้เหนียวเลย ถ้าไม่พอก็ 28 % ก็ได้ เพิ่มสัก 1.4 แสนล้านบาท 1 แสนล้านบาท ก็ใช้สำหรับงบประจำแล้ว ในอนาคตควรจะลดงบประจำตรงนี้ลงและให้องค์กรเขาได้ใช้เงินตรงนี้เอง นี่คือประชาธิปไตยที่คนท้องถิ่นต้องการ บอกว่ายึดอำนาจเพื่อสร้างประชาธิปไตย แต่ทำอีกอย่าง แต่ไม่ใช่ คมช. ต้องการอย่างนั้นและวันนี้เขาเข้าใจและจะแก้ไขแล้ว และท่านกรรมการครับ เป็นภาระหน้าที่ของท่าน วันนี้ท่านไปไหนหมดไม่รู้ ผมต้องการให้ท่านเป็นตัวประกบที่สำคัญของนายทุน ท่านจะเป็นตัวสร้างประชาธิปไตยตัวจริงให้เกิดขึ้น"

"ทุกคนก็ชื่นชอบนายกฯสุรยุทธ์ว่าเป็นคนดี ทั้งท่านโฆษิต หม่อมอุ๋ย เก่งทุกคน โดยเฉพาะท่านโฆษิต ท่านรู้ซึ้งปัญหาดี แก่ไปหน่อยอย่าไปว่าท่าน อาจจะหลับกลางวันบ้างก็เป็นธรรมดา แต่ประสบการณ์เหล่านี้มีประโยชน์

ในส่วนของผมได้ทำหน้าที่ในการแนะนำแล้วและ ขออวยพรให้ท่านประสบความสำเร็จ พวกท่านก็คือโซ่ข้อสุดท้ายอย่าทำให้ผิดหวังเด็ดขาด" พล.อ.ชวลิต กล่าว

.........................................................................................

ที่มา : เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ