Skip to main content
sharethis

11 พ.ย. 2549 จากกรณีพนักงาน อสมท รวมตัวแต่งชุดดำประท้วง รักษาการคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) พร้อมเรียกร้องให้บอร์ดและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่กำกับดูแล อสมท ลาออก โดยอ้างเหตุผลว่าจะเอื้อแก่ผู้ประกอบการสื่อบางกลุ่มนั้น


 



ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ได้มีการพบกับนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา พร้อมผู้ผลิตสื่ออีก 3-4 รายจริง โดยก่อนหน้านี้ เนชั่นเคยมีรายการกับช่อง 9 คือรายการ "เนชั่นนิวส์ทอล์ก" แต่ถูกถอดพร้อมรายการ "ขอคิดด้วยคน" ของนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว. เมื่อเดือนสิงหาคม 2544 ครั้งรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยถูกถอดอย่างไม่เป็นธรรม และปัจจุบันเนชั่นยังมีรายการในช่อง 9 เช่น "ชีพจรโลก" ดังนั้น เมื่อ อสมท ให้เนชั่นเข้าไปทำรายการเพื่อประชาธิปไตย เนชั่นก็ยินดีและถือเป็นบทบาทของสื่อสารมวลชน เพราะสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ สื่อทีวีไม่ได้เสนอความจริงเกี่ยวกับระบอบทักษิณ


 



 "ในการหารือกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีนายชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บอกว่า หากจะปรับเปลี่ยนผังรายการที่สามารถเปลี่ยนได้ทันที คือรายการ "ถึงลูกถึงคน" ซึ่ง อสมท ดำเนินรายการเอง และหากปรับรายการให้มีความหลากหลาย น่าจะดึงเรตติ้งได้ โดยมีการวางกรอบระยะเวลาว่า หลังการแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 3 พฤศจิกายน ก็จะมีรายการใหม่ โดยรูปแบบรายการจะเป็นการสนทนาทางการเมือง เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน แต่เมื่อไม่สามารถดำเนินการได้ก็ต้องเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด อสมท โดยนายชิตณรงค์จะเสนอให้ที่ประชุมบอร์ดพิจารณาในวันที่ 31 ตุลาคม ซึ่งในการหารือบอกว่าก็คงต้องรอมติของบอร์ดก่อน" นายอดิศักดิ์ กล่าว


 



อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันถึงความสัมพันธ์ระหว่าง อสมท และเนชั่น ว่ายังดีอยู่ ทั้งที่ผ่านมาและในอนาคต โดยปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากความเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะเนชั่นเสนอผังรายการเป็นสารคดีชุดแม่น้ำโขง เจ้าพระยา และเศรษฐกิจพอเพียง ให้บอร์ดในสมัยนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ พิจารณา แต่ยังไม่มีข้อสรุป ก็มาเกิดเหตุทางการเมืองก่อน และยืนยันว่าหาก อสมท ยินดีให้เข้าไปทำรายการทางเนชั่นก็ยินดี



 


ส่วนกรณีที่มีบางสื่อเสนอข่าวว่า เครือเนชั่นได้ขายโฆษณาต่อเอเยนซี ในชื่อรายการ "เนชั่นนิวส์ทอล์ก" ซึ่งกำหนดจะออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ในช่วงเวลา "ถึงลูกถึงคน" นั้น นายอดิศักดิ์ ระบุว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องของฝ่ายขาย แต่ยอมรับว่าในการพบกับนายธีรภัทร์ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ไม่มีฝ่ายขายของเนชั่นเข้าไปด้วย และเนชั่นก็ได้รับการร้องขอจากนายรองพล เจริญพันธุ์ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งรักษาการคณะกรรมการบริหาร อสมท หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เมื่อวันที่ 19 กันยายน ว่า อยากให้รายการของช่อง 9 มีความหลากหลาย โดยอยากให้มีการเสนอรายการที่เกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย ซึ่งผู้บริหาร อสมท อยากให้เนชั่นเข้าไปทำรายการด้วย


 



"สมเกียรติ" ยันเนชั่นแค่ขายโฆษณาล่วงหน้า ไม่เกี่ยวแบ่งเค้ก


ด้านนายสมเกียรติ อ่อนวิมล สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ถูกเชิญให้กลับไปจัดรายการใน อสมท กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่เครือเนชั่นจะทำแผนการตลาดเพื่อรายการโทรทัศน์ เพราะเนชั่นเป็นบริษัทผู้ผลิตรายการที่เป็นมืออาชีพ การขายโฆษณาก่อนเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่ถ้าไม่ทำจะถือเป็นเรื่องผิดปกติ ไม่มีองค์กรธุรกิจที่ไหนรอจนทุกอย่างหมดจดเรียบร้อยถึงจะเริ่มหาโฆษณา ความจริงเนชั่นก็รู้ถึงความไม่แน่นอนว่า รายการจะได้หรือไม่ แม้แต่นายธีรภัทร์ซึ่งเป็นรัฐมนตรีก็การันตีไม่ได้ ต้องรอบอร์ดตัดสินใจ มีแต่รัฐมนตรีสมัยก่อนเท่านั้นที่กำหนดผังรายการได้เอง ซึ่งเคยเจอกับตัวเอง ลูกน้องของรัฐมนตรีคนหนึ่งมาเอาเงินเขา 10 ล้านบาท บอกว่าจะให้รายการโทรทัศน์หลังข่าวภาคค่ำ


 



"ผมก็ถูกนายธีรภัทร์เชิญให้ไปทำรายการ แต่ผมไม่มีบริษัท ไม่มีเงิน จึงยังอยู่เฉยๆ เข้าใจว่ารัฐมนตรีต้องการให้เร็วๆ แต่ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะได้หรือไม่ ถ้าผมเป็นเนชั่นหรือเป็นองค์กรธุรกิจทำสื่อ ผมก็ต้องทำไปก่อน ผมเข้าใจที่เนชั่นเอาแผนงานของรายการไปขายโฆษณา ไม่ใช่การไปคุกคามใคร หรือแบ่งเค้กใดๆ ทั้งนั้น การทำรายการโทรทัศน์นั้นไม่ใช่ต้องรอจนกว่าทุกอย่างเรียบร้อยถึงจะผลิต แต่ต้องทาบทามบุคคล แขกรับเชิญ ต้องทำเทปตัวอย่าง 1 ตอน ไม่มีใครดูแค่เอกสารแผ่นเดียวหรอก และการขายโฆษณานั้นต้องทำแผนล่วงหน้า และไม่ใช่ขายแล้วได้เงินเลย ต้องรอไปอีก 4 เดือน ต้องมีเงินทุนทำไปก่อน ถ้าไม่ได้ออกอากาศก็ถือว่าขาดทุนเป็นธรรมดาของธุรกิจ ไม่เกี่ยวกับการแบ่งเค้ก หรือแบ่งผลประโยชน์ใดๆ" นายสมเกียรติ กล่าว


 



 นายสมเกียรติ กล่าวว่า เรื่องนี้รัฐมนตรีเป็นคนขอร้องให้นายสุทธิชัย หยุ่น นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และเขาเป็นคนเข้าไปทำ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าต้องรอบอร์ดลงมติอีกครั้ง ถ้าเขามีบริษัทผลิตรายการของตัวเอง ก็จะไปคิดว่าจะทำรายการแบบไหน แล้วก็ต้องคุยกับสปอนเซอร์ ทำเทปเดโมไปเสนอ ถ้าไม่ได้ออกอากาศ ก็โยนทิ้ง คนทำโทรทัศน์ โยนเทปที่ถ่ายทำไปแล้วทิ้งเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะเนชั่นเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพ ก็ต้องเตรียมตัววางแผนก่อน ถือว่าเป็นปกติ


 



"ธีรภัทร์" ชี้ประชาชนเรียกร้องสื่อเสรี


ขณะที่นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเชิญอดีตผู้จัดรายการเก่าในช่อง 9 ที่ถูกปลดในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เกิดจากข้อเสนอของนายชิตณรงค์ ซึ่งรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท ขณะนั้น ที่พูดคุยกับคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) หลังการรัฐประหารใหม่ๆ โดยเห็นว่า สื่อของรัฐบาลนำเสนอข่าวสารด้านเดียวตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ประชาชนจึงเรียกร้องว่า เมื่อไรจะนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับประชาชน นายชิตณรงค์จึงบอกว่าจะเชิญผู้จัดรายเก่ามาหารือพร้อมกับระบุชื่อ นายเจิมศักดิ์


 



นายธีรภัทร์ กล่าวอีกว่า นอกจากนายเจิมศักดิ์ แล้วควรจะดึงรายการอื่นที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐบาลที่แล้วที่เป็นที่ยอมรับกลับมาด้วย เช่น รายการของนายสุทธิชัย หยุ่น นายสนธิ ลิ้มทองกุล ส่วนเรื่องช่วงเวลาเป็นเรื่องที่นายชิตณรงค์ไปหารือกันเอง โดยได้ย้ำว่าอยากให้ดึงคนของ อสมท เข้ามาจัดรายการด้วยเพื่อพัฒนาคนของ อสมท โดยหลักคือต้องการให้ อสมท มีเสรีภาพ ทำงานได้อย่างอิสระ ไม่ต้องมาเชียร์รัฐบาล


 



"เมื่อประชาชนต้องการเช่นนี้ จะมากล่าวหาผมว่า ไม่โปร่งใสได้อย่างไร และทำไมช่วงรัฐบาลที่แล้วถึงไม่ออกมาเคลื่อนไหว ทั้งที่ผมอยากเห็น อสมท เป็นสื่อที่อิสระ ทำหน้าที่ได้อย่างมีเสรีภาพ ตรงไปตรงมา เป็นกลาง นำเสนอข้อมูลที่เป็นธรรม เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน อยากเห็น อสมท เป็นสมบัติของประชาชน ไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และที่เป็นหัวใจสำคัญคือ เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้สื่อของรัฐเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของรัฐบาล" นายธีรภัทร์ กล่าว


 



ส่วนกรณีที่เกรงว่า อสมท ซึ่งเป็นบริษัทมหาชน จะทำกำไรไม่ได้เท่าเดิมนั้น นายธีรภัทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้บริหาร อยากให้พนักงานเข้าใจตรงนี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เป็นเรื่องของบอร์ดกับผู้บริหาร อสมท ซึ่งเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่อยากให้บอร์ดและพนักงานรวมใจกันสนับสนุนเพื่อให้ อสมท เป็นที่พึ่งของประชาชน ร่วมกันกำจัดทุจริตผลประโยชน์ให้หมดไป และอยากให้ อสมท พ้นจากการครอบงำจากอิทธิพลต่างๆ เพื่อให้องค์กรนี้เป็นอิสระ ยกระดับความเป็นสถาบันสื่อด้วย


 



"สื่อบางฉบับไม่ให้ความเป็นธรรมกับผม ขาดจรรยาบรรณ ใครจะทำอะไรผมไม่ทราบ แต่อย่าโยงเข้าไปเกี่ยวข้อง และไม่ท้อถอย ยังมีแนวคิดที่อยากเห็นสื่อทุกประเภทมีคุณภาพและอิสระต่อไป ส่วนกรณีกระแสข่าวที่มีผู้ร้องเรียนยื่นเรื่องให้สอบปัญหาทุจริตใน อสมท นั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งได้ส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และบอร์ด อสมท ดำเนินการแล้ว" รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว


 



ไม่พิจารณาปลด "พงษ์ศักดิ์"


วันเดียวกันมีการประชุมคณะกรรมการ อสมท ครั้งที่ 2 โดยภายหลังการประชุม นายบุญปลูก ชายเกตุ ประธานบอร์ด เปิดเผยผลการประชุมว่า ที่ประชุมไม่ได้มีการหารือถึงข้อเรียกร้องของพนักงานที่ให้มีการปรับเปลี่ยนนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท เป็นคนอื่นแต่อย่างใด


 


นอกจากนี้ ที่ประชุมยังไม่ได้นำปัญหาที่นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดห้องเจรจากับผู้บริหารหลายสื่อเพื่อเข้ามาดำเนินการรายการในช่อง 9 มาหารือ เพราะเห็นว่าไม่น่าจะนำมาเป็นสาระกังวลใจ เนื่องจากไม่ได้มีการนำมาปรับผังรายการ ซึ่งการที่มีบางสื่อ เช่น เนชั่นออกไปเสนอขายโฆษณา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ใครจะซื้อก็เสียเงิน แต่ยืนยันว่าเขาไม่ได้รับคำสั่งจากนายธีรภัทร์ให้มาปรับเปลี่ยนผัง


 



 นายบุญปลูก กล่าวด้วยว่า นายพงษ์ศักดิ์ จะรักษาการ กก.ผอ.ใหญ่ จนกว่าจะมีการสรรหาคนใหม่เข้ามา คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 เดือน และรายการของ อสมท จะยังคงเป็นสังคมอุดมปัญญา ให้มีความหลากหลายของสาระ เพื่อให้ประชาชนได้สาระครบถ้วน รายการเดิมที่ดีอยู่แล้วจะยังคงต่อไป โดยการพิจารณารายการจะผ่านจากคณะกรรมการผังรายการ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม และจะไม่ยอมให้มีการแทรกแซง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม ซึ่งคณะกรรมการ อสมท จะมีการประชุมวันที่ 14 พฤศจิกายนนี้ เรื่องการปรับผังรายการ


 



นายชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ รอง กก.ผอ.ใหญ่ อสมท กล่าวว่า ผังรายการที่จะปรับในวันที่ 14 พฤศจิกายน จะเป็นการปรับเฉพาะเวลาที่ อสมท ดูแลเอง เช่น รายการบ่ายนี้มีคำตอบ รายการละครช่วงเช้าสี่แผ่นดิน ส่วนเวลาร่วมดำเนินการกับเอกชนจะไม่มีการปรับผังจนกระทั่งถึงเดือนมีนาคม 2550 และจะรอกรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่เข้ามาร่วมพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะทำให้เอเยนซีต่างๆ เกิดความั่นใจและวางผังการโฆษณาได้เช่นเดิม


 



"พงษ์ศักดิ์" ไม่รับเงินเดือน-เบี้ยประชุม


นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า จะปกป้อง อสมท จากการแทรกแซง และเงินเดือนที่ได้รวมทั้งเบี้ยประชุมก็จะนำไปบริจาคให้มูลนิธิสายใจไทย และมูลนิธิพัฒนาสื่อสารมวลชน ซึ่งประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ต้องขอโทษ แต่ไม่รู้สึกเสียใจอะไร ต้องยอมรับว่าเขาพูดไม่รู้เรื่องจึงเกิดปัญหา โดยกรณีที่ให้มีการจัดทำรายการวิพากษ์นโยบายรัฐบาลในช่วงวันเสาร์ 4 พฤศจิกายน ที่มีการนำนักวิชาการออกมาพูดด้านต่างๆ แม้จะเสียรายได้ไป 20 ล้านบาท แต่ก็ได้คำชมและไม่ถือว่าเสียอะไร


 


กลุ่มพลัง อสมท ยันสู้ต่อ-ปกป้ององค์กร


กลุ่มพลัง อสมท ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 5 เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวในการปกป้ององค์กร ระบุว่าพนักงานจะไม่โดดเดี่ยวในการเคลื่อนไหวอีกต่อไป เพราะล่าสุดเมื่อวานนี้ (9พ.ย.) ตั้งแต่ระดับผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ จนถึงรองผู้อำนวยการ ได้เปิดโอกาสให้ตัวแทนของกลุ่มพลัง อสมท เกือบ 10 คน เข้าพบ โดยยืนยันท่าที ที่จะเป็นร่มเงาและกำแพงให้พักพิง รวมทั้งประกาศเจตนารมณ์ที่จะร่วมมือกับพนักงานอย่างเต็มที่


 



โดยประเด็นที่กลุ่มพลัง อสมท ขอจากผู้บริหาร คือ การใช้สื่อที่มี ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค ทั้งภายนอกและภายในองค์กร บอกท่าทีที่ชัดเจนให้สาธารณชนได้รับรู้ ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ไม่ใช่การปกป้องผลประโยชน์ และไม่ใช่ ลิ่วล้อระบอบทักษิณ ตามที่มีผู้พยายามบิดเบือน ซึ่งก็ได้รับไฟเขียวจากผู้บริหารแล้ว



ทั้งนี้ กลุ่มพลัง อสมท ได้ยืนยันกับผู้บริหาร ว่า พนักงานมีความตระหนักดีถึงการใช้สื่อที่มีว่าจะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีความรับผิดชอบ ซึ่งจะใช้วิจารณญาณ เสนอข้อมูลข่าวสารโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของวิชาชีพ โดยจะใช้สื่อเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในส่วนที่ถูกบิดเบือนข้อมูลข่าวสารและเพื่อสร้างความโปร่งใส ป้องกันการถูกแทรกแซงการทำหน้าที่สื่อจากการเมืองและกลุ่มทุน



 


......................................


เรียบเรียงจาก: http://www.komchadluek.com

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net