Skip to main content
sharethis

9 ต.ค.49 - 9 ตุลาคม  2549  เวลา 10.00 น.คณะสำรวจของบริษัททรานส์ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย)  จำกัด(ทีทีเอ็ม)จำนวนกว่า 10 คน ได้ลงสำรวจพื้นที่ป่าชายเลนบ้านป่างาม  ต.ตลิ่งชัน   อ.จะนะ  จ.สงขลา  โดยมีปลัดอำเภอจะนะฝ่ายป้องกันนำเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร(อส.)ของอำเภอจะนะ จำนวน 4 คน


 


อส.ทั้ง 4 คนพบอาวุธปืนยาวจำนวน  2  กระบอก  ปืนสั้นจำนวน  2 กระบอก  คุ้มกันเจ้าหน้าที่บริษัททรานส์ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย)  จำกัด(ทีทีเอ็ม)  ลงสำรวจวัดพื้นที่ป่าชายเลบ้านป่างาม   โดยมีนายฉาเร็ม   ยุมหัด  สมาชิกองค์กรบริหารส่วนตำบลหมู่ที่ 2  ต.ตลิ่งชัน  อ.จะนะเป็นผู้พาเข้าสำรวจ  ทั้งนี้ได้ใช้การเดินทางด้วยรถยนต์หมายเลขทะเบียน ศว.2470  ศส.2633  ป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร  และทะเบียน 2พ. 2367,  5ท 3224 


 


คณะสำรวจของบริษัททีทีเอ็มได้ลงสำรวจพื้นที่ป่างาม  เพื่อวางแนวท่อส่งท่อก๊าซจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย  ต.ตลิ่งชัน อ.จะนะ  ไปเชื่อต่อกับโรงไฟฟ้าสงขลาที่ต.ป่าชิง   ซึ่งคณะสำรวจของบริษัททีทีเอ็มได้ลงพื้นที่สำรวจมาแล้วหลายครั้ง ทุกครั้งจะมีนายดาเร็ม   ยุมหัด  เป็นผู้นำทาง   แต่ที่ผ่านมาก็ไม่สามารถสำรวจได้ทั้งหมดเนื่องจากเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่ไม่ยินยอมให้สำรวจเนื่องจากไม่ต้องการให้แนวท่อก๊าซพาดผ่านที่ดินของตนเอง  และชาวบ้านได้ขึ้นป้ายคัดค้านไมให้แนวท่อก๊าซผ่านที่ดิน นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้ปตท.และบริษัททีทีเอ็มย้ายแนวท่อก๊าซออกจากพื้นที่บ้านป่างาม  แต่ทางทีทีเอ็มก็ไม่ยอมและพยายามลงสำรวจหลายสิบครั้งแล้ว บางครั้งบุกรุกเข้าสำรวจที่ดินโดยไม่แจ้งให้เจ้าของทราบ


 


ส่วนในครั้งนี้ได้ให้อส.อ.จะนะคุ้มกันมาเพื่อข่มขู่ชาวบ้าน  เมื่อชาวบ้านถามว่าได้รับจ้างจากบริษัทให้มาคุ้มครองหรือใช่หรือไม่  ก็ปฏิเสธเพียงว่ามาช่วยงานหลวงเท่านั้น


 


นายประกอบ  หลำโส๊ะ  ชาวบ้านป่างาม  หมู่ที่ 3  ต.ตลิ่งชัน  อ.จะนะ  จ.สงขลาหนึ่งในเจ้าของที่ดินที่แนวท่อก๊าซจะพาดผ่านกล่าวว่า  ที่ผ่านทางบริษัททีทีเอ็มพยายามลงพื้นที่สำรวจหลายครั้งแต่ชาวบ้านไม่ยินยอมให้ผ่าน  ทางบริษัทก็ยังพยายามเข้ามาสำรวจในขณะที่เจ้าของที่ดินไม่อยู่    อีกทั้งได้พยายามหว่านล้อมด้วยการพาชาวบ้าน  กลุ่มแม่บ้าน  สมาชิกอบต.ตลิ่งชัน ไปท่องเที่ยวที่จ.กาญจนบรี และ จ.นครศรีธรรมราชเพื่อให้ชาวบ้านยอมรับโครงการ  แต่ชาวบ้านก็ยังไม่ยอมรับ


 


ล่าสุดจึงใช้กำลังของอส.เข้ามาคุ้มกันและเพื่อข่มขู่ชาวบ้าน  ซึ่งพฤติกรรมป่าเถื่อนดังกล่าว ตลอดระยะเวลาที่ดำเนินโครงการวางท่อส่งก๊าซและก่อสร้างโรงแยกก๊าซ ที่อยู่ในช่วงรัฐบาลทักษิณ  ชินวัตร ก็มีการเปิดไฟเขียวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสภอ.ในจังหวัดสงขลาสับเปลี่ยนกำลังมาคุ้มครองบริษัทในการวางและก่อสร้างโรงแยกก๊าซ  และให้อำนาจในการรังแกและจัดการกับกลุ่มคัดค้านท่อก๊าซจะนะ    เพราะผลประโยชน์ที่ผ่านมาปตท.มีการแปรรูปไปแล้วเป็นของนายทุนและนอมินีต่างชาติ   โดยประเทศสิงคโปร์ได้รับการปันผลมากสุดถึง 225  ล้านบาท


 


เมื่อนายทักษิณ  ชินวัตรพ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรี ชาวบ้านคิดว่าการใช้อำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการข่มขู่  คุกคาม  และรังแกประชาชนจะน้อยลง  แต่ที่สุดความจริงก็ปรากฏว่าระบอบทักษิณยังไม่หมดไปจากระบบราชการและสังคมไทย  เพราะเจ้าหน้าที่บางส่วนยังติดอยู่กับระบบอำนาจเดิมที่เคยใช้เมื่อสมัยรัฐบาลทักษิณ   เวลานี้เจ้าหน้าที่รัฐและนายทุนยังมีพฤติกรรมเดิมที่เคยทำได้และได้รับการสนับสนุนเมื่อครั้งรัฐบาลทักษิณ  มาใช้กับประชาชนอีกครั้งหนึ่ง  และ การบริษัททีทีเอ็มสำรวจพื้นที่ป่าชายเลนและหากมีการวางแนวท่อก๊าซผ่านพื้นที่ป่าชายเลนย่อมเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงอีกครั้งหนึ่งของบริษัททีทีเอ็ม 


 


การดำเนินการของปตทในนามของบริษัททีทีเอ็มในการวางแนวท่อเส้นใหม่เพื่อเชื่อมกับโรงไฟฟ้าสงขลา  และการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย(กฝผ.)ซึ่งดำเนินก่อสร้างโรงไฟฟ้าสงขลาเพื่อรองรับการใช้ก๊าซจากโรงแยกก๊าซอยู่ในขณะนี้   เปรียบเสมือนอนุสาวรีย์การ "โกหกคำโตของรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อทักษิณ  ชินวัตร"  ที่ออกมาประกาศทางสื่อสาธารณะว่าโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซียจะมีเฉพาะท่อก๊าซและโรงแยกก๊าซเท่านั้นจะไม่มีในส่วนของอุตสาหกรรมต่อเนื่องดังที่พี่น้องจะนะเป็นห่วงและกังวล  แม้ทักษิณจะพ้นจากตำแหน่งผู้บริหารประเทศแต่สิ่งชั่วร้ายจากการดำเนินงานของรัฐบาลทักษิณยังคงอยู่และรากเหง้าของการใช้อำนาจรัฐ อำนาจหน้าที่รังแกประชาชนยังคงฝังรากอยู่ในสังคมไทย


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net