Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 


หลังคารถพยาบาลที่ถูกอิสราเอลโจมตี "รายวัน"


 


 


    


เหยื่อชาวเลบานอนที่ถูกเผาในแบบต่างๆ


(ทั้งจากฟอสฟอรัสและอาวุธอื่นๆ)


   


 


 


เด็กอิรัก : เหยื่อของอาวุธกากยูเรเนียมที่อเมริกาใช้ตั้งแต่ใน "สงครามอ่าว" - เด็กเลบานอนรุ่นต่อไปกำลังรับ "มรดกสงคราม" เช่นเดียวกันบ้าง


 


 


 


Middle East Uncensored


 


 


โดย อุทัยวรรณ เจริญวัย


 


 


3 สิงหาคมที่ผ่านมา แอคทิวิสต์ด้านสิทธิมนุษยชน ฮิวแมน ไรทส์ วอทช์ (Human Rights Watch) ได้ออกรายงานใหม่มาฉบับหนึ่ง ความยาว 50 หน้า เกี่ยวกับสถานการณ์สู้รบในเลบานอน ชื่อ "Fatal Strikes: Israel's Indiscriminate Attacks Against Civilians in Lebanon."


 


จากการสืบสวนรวบรวมข้อมูลกว่า 20 กรณีตัวอย่าง ฮิวแมน ไรทส์ วอทช์ สรุปว่าอิสราเอลได้ก่อ "อาชญากรรมสงคราม" ขึ้นในเลบานอน อันเนื่องมาจาก "ความล้มเหลวอย่างเป็นระบบ ในการที่จะแยกแยะเป้าหมายที่เป็นพลเรือนกับผู้ที่ทำการสู้รบออกจากกัน" สำหรับแคมเปญทางทหารที่อิสราเอลกระทำต่อเฮซบอลเลาะห์ตั้งแต่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา


 


เคนเนธ รอธ (Kenneth Roth) ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์กรนี้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า "รูปแบบของการโจมตี มันแสดงให้เห็นถึงความไม่สนใจใยดีอย่างมาก (disturbing disregard) ที่กองทัพอิสราเอลมีต่อชีวิตของพลเรือนเลบานอน"


 


ที่ผ่านมา อิสราเอลได้กล่าวหามาตลอดว่าเฮซบอลเลาะห์ใช้พลเรือนเป็นโล่ เฮซบอลเลาะห์ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางพลเรือน เฮซบอลเลาะห์ยิงจรวดออกมาจากจุดนั้น แต่จากหลักฐานในรายงานของฮิวแมน ไรทส์ วอทช์ฉบับนี้ ได้ช่วยตอกย้ำอีกครั้งว่า สิ่งที่อิสราเอลพูดออกมา มีค่าแค่...ข้อแก้ตัวอันตื้นเขินของอาชญากรที่ไม่มีความจริงใดๆ รองรับทั้งสิ้น


 


อิสราเอลไม่เพียงจงใจโจมตีพลเรือนเลบานอนทั้งที่บ้านและที่ถนนเท่านั้น อิสราเอลยังโจมตีรถพยาบาลแทบจะเรียกได้ว่า "รายวัน" และบางวัน อิสราเอลระดมโจมตีสถานีสังเกตการณ์ของยูเอ็นตามที่ต่างๆ รวมแล้วถึง "30 ครั้ง"


 


ที่เลวร้ายกว่านั้น และเป็นข่าวมาตลอดก็คือ การใช้อาวุธที่มีอานุภาพในการทำลายล้างแบบไม่แยกแยะ และผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น คลัสเตอร์บอมบ์ ระเบิดฟอสฟอรัส และ อาวุธกากยูเรเนียม ฮิวแมน ไรทส์ วอทช์ได้ออกมายืนยันพร้อมหลักฐานว่า อิสราเอลใช้อาวุธนี้กับพลเรือนเลบานอนจริง


 


หลังรายงานฉบับนี้ออกมาสดๆ ร้อนๆ สื่ออินดี้ Democracy Now! ในนิวยอร์ค โดยพิธีกรชื่อดัง เอมี กูดแมน (Amy Goodman) ได้โทรศัพท์สัมภาษณ์สดข้ามทวีป ปีเตอร์ บูเกิร์ต (Peter Bouckaert ) ผู้อำนวยการฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินของฮิวแมน ไรทส์ วอทช์ - ผู้ร่วมเขียนรายงานฉบับนี้ซึ่งประจำอยู่ที่เบรุต ในวันเดียวกันคือ 3 สิงหาคม (แต่เป็นเวลาของอเมริกา)


 


ต่อไปนี้เป็นงานแปลบทสัมภาษณ์ชิ้นนั้น แต่เนื่องจากช่วงสัมภาษณ์ มีประเด็นร้อนๆ เกี่ยวกับตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ คานา เข้ามาพอดี ก็เลยมีคำอธิบายเพิ่มเติมในประเด็นนี้มาฝากกันด้วย


 


2 สิงหาคม หลังเหตุการณ์สังหารหมู่ที่คานา 3 วัน ฮิวแมน ไรทส์ วอทช์ออกมาให้ข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบของทางองค์กรเองว่า มีผู้เสียชีวิตที่พบศพแล้ว 28 คน และมีผู้สูญหายไม่รู้ชะตากรรมอีก 13 คน ซึ่งขัดแย้งกับตัวเลขของทางการเลบานอนก่อนหน้านี้ที่ได้เคยออกมาแจ้งว่ามีกว่า 50 ศพ (ในช่วงแรกๆ หลังเกิดเหตุ แม้แต่ตัวเลขที่สื่อแต่ละแห่งอ้างถึง ก็มีความคลาดเคลื่อนสูงมาก ตั้งแต่ 40 ไปจนถึง 60)


 


อย่างไรก็ตาม 3 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเมืองทายร์ ได้ออกมายืนยันข้อมูลของฮิวแมน ไรทส์ วอชท์แล้ว โดยกล่าวว่ามีศพผู้เสียชีวิตที่กู้ได้ 28 ศพ เป็นเด็ก 16 ศพ และมีผู้บาดเจ็บ 9 คน


 


เบื้องหลังความคลาดเคลื่อนดังกล่าว ปีเตอร์ บูเกิร์ตมีคำอธิบาย พร้อมกับกล่าวเตือนว่า อย่าให้ความคลาดเคลื่อนทางตัวเลขเล็กๆ น้อยๆ นี้มาหันเหความสนใจของเราไปจากภาพใหญ่...ซึ่งหมายถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งหมดและสถานการณ์วิกฤติด้านมนุษยธรรมในเลบานอนวันนี้


 


ณ วันที่ให้สัมภาษณ์ สงครามย่างเข้าวันที่ 23 ยอดผู้เสียชีวิตชาวเลบานอนที่นับได้มีมากกว่า 800 ศพ (ที่นับไม่ได้อีกจำนวนมาก) วิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นในเลบานอนเลวร้ายรุนแรงขนาดไหน? อาชญากรรมสงครามที่กองทัพอิสราเอลทำกับพลเรือนเลบานอนมีหน้าตาอย่างไร? นักสิทธิมนุษยชนเจ้าของรายงานคนนี้ พอจะมีคำตอบดีๆ พร้อม "ใบเสร็จ" มาฝากคุณ o


 


0 0 0


 


สิ่งที่เกิดขึ้นในเลบานอนตอนนี้


มันเป็นคนละเรื่องไปเลย...กับสิ่งที่ผมเคยเจอมา


 


 


กูดแมน : ช่วยเล่าให้เราฟังหน่อยสิคะว่าคุณพบอะไรบ้าง?


 


บูเกิร์ต : ฮิวแมน ไรทส์ วอทช์มีการปฏิบัติงานทั้งในพื้นที่เลบานอนและอิสราเอล จากการสืบสวนตรวจสอบเกี่ยวกับการโจมตีที่เกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย ฮิวแมน ไรทส์ วอทช์พบว่า อิสราเอลปฏิบัติการโจมตีในเลบานอนแบบไม่มีการแยกแยะเป้าหมาย (indiscriminate attacks) ส่งผลให้พลเรือนจำนวนมากต้องเสียชีวิต เรามีข้อมูลรายละเอียดอ้างอิง มีการระบุตัวผู้รอดชีวิต ผู้เห็นเหตุการณ์ หรือประจักษ์พยานจำนวนมาก และเรากล้าประกาศชัดๆ ได้เลยว่า ข้ออ้างของอิสราเอลที่ว่า...ความตายของพลเรือนเหล่านั้นเกี่ยวพันและเป็นความรับผิดชอบของเฮซบอลเลาะห์...เป็นเรื่องที่ไม่มีความจริงใดๆ รองรับ ในที่เกิดเหตุ หลายต่อหลายพื้นที่ที่พลเรือนต้องถูกฆ่าตาย - เช่นเดียวกับกรณีที่น่าเศร้าสลดในคานาไม่กี่วันมานี้ - ไม่มีเฮซบอลเลาะห์ปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่นั้นๆ และไม่มีการโจมตีด้วยจรวดใดๆ เกิดขึ้นตามข้ออ้างทั้งสิ้น เมื่ออิสราเอลโจมตีบ้านและโจมตีรถของพลเรือน


 


กูดแมน : คุณพอจะเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับกรณีที่คานาหน่อยได้มั้ยคะ? คุณได้ปรับตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลงจากเดิมใช่หรือเปล่า?


 


บูเกิร์ต : ใช่ครับ คือตอนแรกเลยเนี่ย มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่า 50 คนที่คานา อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลของเราในชั้นต้น ด้วยการสัมภาษณ์ผู้รอดตาย หมอ และหน่วยกู้ภัย เราพบว่า ขณะนี้มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 28 คนที่คานา เป็นตัวเลขจากจำนวนศพที่มีการค้นพบแล้ว เป็นไปได้ว่า จำนวนคนตายอาจจะเพิ่มขึ้นไปกว่านี้อีกเล็กน้อย แต่เราไม่คิดว่ามันจะเพิ่มขึ้นเป็น 54 คนเท่าที่รายงานกันตอนแรก


 


แต่เรื่องนี้...ก็ไม่ได้เป็นเพราะว่าเจ้าหน้าที่ของเลบานอนมีเจตนาจะเพิ่มตัวเลขให้ดูสูงๆ เข้าไว้นะครับ คือเรื่องมันเกิดขึ้นง่ายๆ ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายที่ทุกฝ่ายต่างก็พยายามจะช่วยกันกู้ภัยจากซากตึกถล่ม เจ้าหน้าที่มีรายชื่อของผู้ที่เชื่อกันว่าอาศัยอยู่ในอาคารหลังนั้น 63 คน และเขาสามารถค้นพบหรือชี้ตัวผู้รอดชีวิตได้เพียง 9 คน ก็เลยมีการประเมินเป็นตัวเลขนี้ออกมาในตอนแรก อย่างไรก็ตาม มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเพิ่งจะเข้าถึงหมู่บ้านและทำการกู้ภัยไปไม่กี่ชั่วโมง จริงๆ แล้ว มีคนรอดตายที่พบแล้วตอนนี้อย่างน้อย 22 คน และนี่ก็คือคำอธิบายว่าทำไมตัวเลขมันถึงคลาดเคลื่อน สิ่งต่างๆ มันเกิดขึ้นอย่างรีบร้อนฉุกละหุก ท่ามกลางความพยายามที่จะหาทางรื้อซากช่วยชีวิตคนที่ดำเนินไปอย่างยากลำบาก


 


กูดแมน : เป็นไปได้มั้ย...ว่าจะมีศพหลงเหลืออยู่ในซากนั้นอีก?


 


บูเกิร์ต : ตามที่เราไปคุยกับสมาชิกครอบครัวที่รอดมา ยังมีอย่างน้อย 13 คนในบ้านหลังนั้น...ที่หายไป หาตัวไม่เจอ ไม่แน่ใจว่าจะกลายเป็นศพอยู่ใต้ซาก หรือว่าหนีภัยไปตั้งแต่ช่วงเกิดเหตุระเบิดแล้วแต่ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน ตอนนี้ทีมกู้ภัยที่คานาหยุดทำงานไปแล้ว เพราะไม่คาดว่าจะพบศพอีก ทางเราเองก็พยายามจะติดตามดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนที่หายไปอีก 13 คน


 


ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญนะ...ที่เราไม่ควรจะปล่อยให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ ในเรื่องตัวเลขนี้ มาเบี่ยงเบนความสนใจไปจากข้อเท็จจริงที่ว่า มีการโจมตีที่โหดเหี้ยมและรุนแรงอย่างมากเกิดขึ้นที่คานา เป็นการโจมตีที่ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ที่จะทำให้มันถูกต้องชอบธรรมขึ้นมาได้ทั้งสิ้น และอิสราเอลก็ถูกบังคับให้ต้องถอยหลังจากข้ออ้างเดิมๆ แล้ว ตอนแรกอิสราเอลบอกว่า พวกเขาโจมตีคานาก็เพราะเฮซบอลเลาะห์อยู่ที่นั่นและยิงจรวดมาใส่อิสราเอลช่วงเวลานั้น แต่ตอนนี้ ภายใต้การตรวจสอบอย่างเข้มข้น อิสราเอลถูกบังคับให้ต้องยอมรับออกมาแล้วว่า พวกเขาไม่มีข้อมูลใดๆ บ่งชี้ว่าเฮซบอลเลาะห์อยู่ที่นั่น หรือยิงจรวดมาจากที่นั่น คานาถูกเลือกเป็นเป้าโจมตีเพียงเพราะว่าหลายวันที่แล้ว มีการยิงจรวดออกมาจากพื้นที่ใกล้เคียงกับคานา...ก็แค่นั้น และนี่ก็เป็นแค่ตัวอย่างเดียวที่แสดงให้เราเห็นว่า การโจมตีแบบไม่แยกแยะของอิสราเอล ในกรณีอื่นๆ อีกมากมาย เกิดขึ้นได้อย่างไร


 


อิสราเอลไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายที่ว่าด้วยการทำสงคราม มันไม่แยกแยะระหว่างส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทหาร และส่วนของพลเรือน ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ ตลอดจนระบบสาธารณูปโภค ด้วยเหตุนี้ พลเรือนจำนวนมากจึงต้องเสียชีวิตไปในเลบานอน


 


กูดแมน : มีความเคลื่อนไหวจากรัฐบาลเลบานอนและหน่วยงานกาชาดเลบานอนต่อรายงานของฮิวแมนไรทส์ วอทช์ ที่เพิ่งออกมานี้ ว่าทางเลบานอนยังคงยืนยันที่ตัวเลข 57 ศพ (ล่าสุดมีความเปลี่ยนแปลงแล้ว)


 


บูเกิร์ต : คือ...เราไปที่โรงพยาบาลในเมืองทายร์มา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของรัฐบาลและศพทุกศพก็ถูกนำส่งที่นั่น เราได้ข้อสรุปแน่นอนว่า มีศพ 28 ศพที่โรงพยาบาลนั้น ตามข้อมูลที่เราได้รับจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ไม่มีการส่งศพไปที่โรงพยาบาลอื่น แต่ทางเราก็ยินดีที่จะปรับตัวเลขใหม่ถ้ามีหลักฐานเพิ่มเติมเข้ามาจากเจ้าหน้าที่เลบานอน อย่างไรก็ตาม เท่าที่ผมได้พูดคุยกับสื่อมวลชนจำนวนมากที่ประจำอยู่ทั้งวันในที่เกิดเหตุ พวกเขาบอกผมว่า ไม่ได้เห็นมากกว่า 27 หรือ 28 ศพ


 


ก็อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่ อย่าปล่อยให้ข้อถกเถียงเรื่องตัวเลขพวกนี้...มาหันเหความสนใจของเราไปจากภาพใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้น ฮิวแมน ไรทส์ วอชท์เพิ่งจะออกรายงานมาฉบับหนึ่ง ชื่อ Fatal Strikes: Israel's Indiscriminate Attacks Against Civilians in Lebanon ซึ่งผู้สนใจสามารถหาอ่านได้ในเว็บไซต์ของเรา รายงานนี้จะเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นชัดว่า หลายต่อหลายครั้ง อิสราเอลได้โจมตีบ้านเรือนและยวดยานพาหนะของพลเรือน สังหารครอบครัวชาวเลบานอน โดยที่ไม่มี objects ทางทหารใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้องในพื้นที่นั้นเลย


 


และตอนนี้ก็กำลังมีวิฤติขั้นรุนแรงมากเลบานอนตอนใต้ มีประชาชนหลายหมื่นคนที่ติดอยู่ในบ้าน ในจุดที่มีการสู้รบดุเดือด คนเหล่านี้ไม่สามารถจะอพยพออกไปไหนได้ เพราะพื้นที่รอบๆ กลายเป็นสมรภูมิที่เลวร้ายไปแล้ว รถของพวกเขาถูกโจมตี ค่าโดยสารแท็กซี่ก็อยู่ในระดับสุดโหด เกินกว่าใครที่ไหนจะหาเงินมาจ่ายได้ พร้อมกันนั้น อิสราเอลยังประกาศอีกว่า ใครก็ตามที่ยังอยู่ในเลบานอนตอนใต้ หลังจากที่เขาประกาศเตือนแล้ว จะถือว่าเป็นผู้สนับสนุนเฮซบอลเลาะห์ และกลายเป็นเป้าโจมตีที่ชอบธรรมของอิสราเอลไปด้วย


 


มันเป็นสถานการณ์ที่เสื่อมทรามถึงขีดสุดจริงๆ สิ่งของที่เป็นความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมกำลังจะหมดแล้ว เจ้าหน้าที่รักษาพยาบาลไม่สามาถเข้าถึงคนบาดเจ็บได้เลย ศพถูกทิ้งให้เน่าอยู่กลางถนน หน่วยบรรเทาทุกข์กู้ภัยไม่มีใครเข้าถึง และทังหมดนี้ต่างหากคือสิ่งที่เราควรจะให้ความสนใจ จำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาคมโลกจะต้องกดดันอิสราเอลและเฮซบอลเลาะห์อย่างจริงจัง เพื่อสถานการณ์เลวร้ายด้านมนุษยธรรมขณะนี้ จะได้รับการเยียวยาแก้ไขให้ดีขึ้น และเพื่อให้การสู้รบครั้งนี้อยู่ในกรอบของกฎหมายด้วย


 


กูดแมน : กฎหมายที่ว่านี้คือกฎหมายอะไร? และตามที่ฮิวแมน ไรทส์ วอทช์ กล่าวหาอิสราเอลว่าก่ออาชญากรรมสงคราม จริงๆ แล้วอาชญากรรมสงครามที่ว่า คืออะไรกันแน่?


 


บูเกิร์ต : อาชญากรรมสงครามหมายถึงการกระทำที่ละเมิดกฎหมายที่เกี่ยวกับสงคราม ซึ่งกฎหมายนี้กล่าวไว้อย่างชัดเจน ผู้ที่สู้รบกัน ไม่ว่าอิสราเอลหรือเฮซบอลเลาะห์ จำเป็นจะต้องแยกให้ออกระหว่างเป้าหมายทางทหารซึ่งอนุญาตให้โจมตีได้ กับพลเรือน วัตถุสิ่งของ หรืออาคารสถานที่ ที่ห้ามโจมตี แต่บางครั้ง แม้ในการโจมตีเป้าหมายทางทหารที่มีความชอบธรรม พลเรือนก็อาจถูกฆ่าตายได้เป็นครั้งคราว ผมเคยทำงานที่โคโซโว อัฟกานิสถาน และอิรักมาแล้ว เรามีข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับการโจมตีที่ผิดพลาดเช่นนี้ และในหลายๆ กรณี ก็มีความตายของพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย


 


แต่สิ่งที่เราเจอที่เลบานอนครั้งนี้มันแตกต่างจากที่อื่นมาก และเช่นกันในอิสราเอลด้วย ในอิสราเอล เฮซบอลเลาะห์ยิงจรวดเข้าไปโจมตีโดยพุ่งเป้าไปที่พลเรือนโดยตรง และที่มันเป็นอาชญากรรมสงครามก็เพราะมันกระทำต่อพลเรือน ในเลบานอน อิสราเอลไม่ได้สนใจแม้แต่กฎหมายที่พื้นฐานที่สุด พูดง่ายๆ ก็คือ ก่อนที่จะเหนี่ยวไก พวกเขาต้องชัวร์ก่อนว่า กำลังเล็งไปที่เป้าหมายทางทหาร แต่นี่ไม่ใช่ มันเกิดขึ้นเป็นประจำเลย พลเรือนในเลบานอนถูกฆ่าโดยไม่มีวัตถุหรือเป้าหมายทางทหารใดๆ แสดงตัวอยู่ที่นั่น หรือเข้ามาเกี่ยวข้องในเหตุการณ์นั้นๆ


 


กูดแมน : ผู้บัญชาการทหารของอิสราเอล พลโทแดน ฮาลูทซ์ (Lieutenant-General Dan Halutz) กล่าว่า "เฮซบอลเลาะห์ใช้พลเรือนเป็นโล่ปกป้องตัวเอง แต่กองทัพอิสราเอลใช้ตัวเองเป็นโล่ปกป้องพลเรือนจากเฮซบอลเลาะห์ และนั่นคือความแตกต่างระหว่างเรา" เฮซบอลเลาะห์ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์จริงรึเปล่า? คุณคิดว่ายังไง?


 


บูเกิร์ต : ฮิวแมน ไรทส์ วอทช์ ไม่มีปัญหา ในการที่จะประณามการละเมิดกฎหมายหรืออาชญารรมสงครามอย่างที่เฮซบอลเลาะห์กระทำต่ออิสราเอล เราพูดมาตั้งแต่แรกแล้วว่า เฮซบอลเลาะห์ควรจะหยุดการโจมตีแบบไม่แยกแยะเช่นกัน แต่ขณะเดียวกัน มันก็เป็นข้อแก้ตัวที่ดูจะสะดวกง่ายดายสำหรับอิสราเอลมาก เมื่อพวกเขาบอกว่า พลเรือนเลบานอนถูกฆ่าก็เพราะเฮซบอลเลาะห์ใช้เป็นโล่กำบัง หรือเฮซบอลเลาะห์เอาแต่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง แต่ก็อย่างที่เราบอกไปแล้ว ข้อแก้ตัวของอิสราเอลที่ว่านี้ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ และไม่สอดคล้องกับหลักฐานมากมายที่เรามี


 


ตามหลักฐานของเรา พลเรือนที่ถูกฆ่าตายมากมาย ในละแวกบ้านของเขาไม่ใช่พื้นที่ของเฮซบอลเลาะห์ ในบ้านของเขาก็ไม่มีทั้งเฮซบอลเลาะห์ และอาวุธของเฮซบอลเลาะห์ พลเรือนธรรมดาๆ ถูกโจมตีเป็นว่าเล่น ทั้งๆ ที่พวกเขาเดินทางอยู่บนท้องถนน หรือแม้แต่ในกรณีที่รถพวกเขามีธงขาว


 


นอกจากนั้น อิสราเอลยังโจมตีรถพยาบาล และรถขนส่งสิ่งของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอีกด้วย ชนิดที่เรียกได้ว่า โจมตีรายวันหรือโจมตีทุกวัน - - ขณะที่ฐานที่มั่นหรือสถานีของยูเอ็นยิ่งถูกโจมตีบ่อยกว่า คือวันละหลายๆ ครั้ง บางวันสถานีสังเกตการณ์ของยูเอ็นตามพื้นที่ต่างๆ ถูกโจมตีรวมแล้วถึง 30 ครั้งภายในวันเดียวกัน


 


เพราะฉะนั้น ปัญหาจึงอยู่ที่อิสราเอลไม่เคยมีความระมัดระวังอย่างที่จำเป็นต้องมีเลย ใช่ เฮซบอลเลาะห์อาจจะเป็นศัตรูที่ต่อสู้ด้วยยาก เพราะพวกเขาทำการรบแบบที่เรียกว่าสงครามกองโจร ไม่ได้มีรถถังหรือรถหุ้มเกราะที่จะโจมตีได้ง่ายๆ แต่อิสราเอลมีพันธะที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ผมผ่านมาแล้วทั้งในอิรัก อัฟกานิสถาน โคโซโว เชชเนีย และอีกหลายสนามรบ ผมเห็นว่ากองทัพที่นั่นมีการโจมตีแบบแยกแยะความแตกต่างของเป้าหมาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเลบานอนตอนนี้ มันเป็นคนละเรื่องไปเลย...กับสิ่งที่ผมเคยเจอมา


 


กูดแมน : ตามรายงานฉบับนี้ ฮิวแมน ไรทส์ วอทช์ ได้พูดถึงการใช้ระเบิดดาวกระจายหรือ คลัสเตอร์บอมบ์ (Cluster Bomb) ของกองทัพอิสราเอลไว้ด้วย อยากให้คุณเล่ารายละเอียดให้ฟังสักนิดนึง


 


บูเกิร์ต : ทีมวิจัยของผมที่อยู่ทางตอนเหนือของอิสราเอล สามารถถ่ายรูปคลัสเตอร์บอมบ์ที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยปืนใหญ่ของอิสราเอลไว้ได้ และเรายังสามารถเก็บหลักฐานของคลัสเตอร์บอมบ์ที่ถูกยิงเข้าไปในฝั่งเลบานอนไว้ได้ด้วยเช่นกัน


 


คลัสเตอร์บอมบ์เป็นอาวุธที่อันตรายมาก (มีหลายรูปแบบ) ตามปกติ ในส่วนที่ใช้กับปืนใหญ่ เมื่อกระสุนปืนใหญ่ถูกยิงออกไป พอถึงเป้าหมาย มันจะเปิดออก และปล่อยระเบิดย่อยๆ หรือ ลูกปราย (bomblet) กระจายออกมาเป็นบริเวณกว้าง ก่อนที่จะระเบิดตามมา มันเป็นอาวุธที่ใช้เพื่อการทำลายแบบไม่แยกแยะ มันจะอันตรายถึงที่สุดเมื่อใช้ในพื้นที่ที่มีประชากรอยู่หนาแน่น ที่หมู่บ้าน บลิดา (Blida) ในเลบานอน เรามีหลักฐานยืนยันว่ามีการโจมตีด้วยคลัสเตอร์บอมบ์ที่นั่น ผลลัพธ์ของมันไม่เพียงแต่ฆ่าหญิงชราไป 1 คน ยังทำให้ครอบครัวหนึ่งซึ่งมีสมาชิกถึง 12 คนต้องได้รับบาดเจ็บ และในจำนวนนั้นเป็นเด็กถึง 7 คน ขณะที่คนที่เป็นสามีต้องเสียขาทั้งสองข้าง


 


แต่ปัญหาของคลัสเตอร์บอมบ์ไม่ใช่แค่การระเบิดวงกว้างทำลายไม่เลือกเท่านั้น ปัญหาที่ตามมาอีกอย่างก็คือ ลูกปรายส่วนที่ไม่ได้ระเบิดตั้งแต่แรก คิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 14% จะตกค้างอยู่เพื่อรอวันระเบิดในอนาคต กลายเป็นมรดกเพื่อการล้างผลาญ-สร้างความพิการต่อไปหลังจากสงครามสิ้นสุดไปแล้ว และมันไม่ใช่มรดกที่เราคิดเอาเองทางทฤษฎีเท่านั้น ทั้งในโคโซโวและอิรัก เราต่างก็พบเห็นความสูญเสียที่ว่านี้มาแล้ว มีเด็กที่ไปหยิบระเบิดพวกนี้ขึ้นมาเล่นด้วยความอยากรู้อยากเห็น หรือชาวนาชาวไร่ที่ไปเหยียบมันเข้าตอนที่ออกไปทำงานในทุ่ง


 


อิสราเอลไม่ควรใช้อาวุธคลัสเตอร์บอมบ์ในความขัดแย้งครั้งนี้ แม้แต่ในมุมมองทางทหาร มันก็ไม่ใช่อาวุธที่เหมาะสมในการต่อสู้กับสงครามกองโจรด้วยเช่นกัน เพราะอาวุธนี้มันออกแบบมาสำหรับพื้นที่ที่ทหารชุมนุมกันอยู่อย่างหนาแน่นและเป็นจำนวนมากเท่านั้น คุณโยนมันลงมาเพื่อที่จะสังหาร เพราะมันคือระเบิดสังหาร มันไม่ควรจะนำมาใช้กับศัตรูที่กระจัดกระจาย ไม่ได้อยู่เป็นกลุ่มก้อนแบบเฮซบอลเลาะห์


 


กูดแมน : หลังจากรายงานฉบับนี้ออกมา อิสราเอลยอมรับว่าพวกเขาใช้คลัสเตอร์บอมบ์จริง แต่บอกว่าพวกเขาใช้มันอย่างถูกกฎหมาย เรื่องนี้หมายความว่ายังไง?


 


บูเกิร์ต : พวกเขาได้ออกแถลงการณ์ที่แปลกประหลาดที่สุดฉบับหนึ่ง...เท่าที่ผมเคยได้ยินมา เจ้าหน้าที่อิสราเอลกล่าวว่า พวกเขาไม่ได้ใช้คลัสเตอร์บอมบ์ในเขตที่มีประชากรอยู่อาศัย และก็ไม่ได้ใช้มันกับเฮซบอลเลาะห์ด้วย ตกลงผมก็ไม่เลยไม่แน่ใจว่าพวกเขาใช้มันกับใครกันแน่ เราไม่คิดว่าคลัสเตอร์บอมบ์เป็นอาวุธที่สามารถใช้ได้อย่างถูกกฎหมายในเขตพื้นที่ที่อยู่อาศัย มันเป็นอาวุธที่อันตรายเกินไป ไม่แยกแยะเกินไป ทุกประเทศในโลกควรจะเลิกใช้คลัสเตอร์บอมบ์ในเขตที่อยู่อาศัยได้แล้ว เราพูดจากประสบการณ์ที่เราเคยเจอมาทั้งในอิรัก โคโซโว และอัฟกานิสถาน เรามีข้อมูลบันทึกไว้เกี่ยวกับผู้บาดเจ็บล้มตายที่อยู่ในขั้นเลวร้ายมาก อันเนื่องมาจาการใช้คลัสเตอร์บอมบ์ในเขตเมือง โดยเฉพาะกรณีของรัฐบาลอเมริกาและอังกฤษ ที่ใช้ระเบิดนี้อย่างกว้างขวางในอิรัก


 


กูดแมน : มีรายงานการใช้ ฟอสฟอรัส (phosphorus) (1) เป็นอาวุธบ้างมั้ย?


 


บูเกิร์ต : มีรายงานการใช้ฟอสฟอรัสเข้ามามากเลย และเราก็รู้ด้วยว่าอิสราเอลมีฟอสฟอรัสไว้ใช้ในกองทัพ ในส่วนของทหารปืนใหญ่ เพียงแต่ประเด็นฟอสฟอรัสนี้ มันมีความแตกต่างอยู่ตรงที่กฎหมายเปิดช่องให้ใช้เป็นเครื่องมือให้แสงสว่างได้ในสนามรบ ขณะที่ปัญหาที่เกิดขึ้นจะมาจากการใช้ฟอสฟอรัสเป็นอาวุธ เพราะเมื่อฟอสฟอรัสถูกใช้เป็นอาวุธ มันจะก่อให้เกิดการบาดเจ็บจากการเผาไหม้ที่น่าสยดสยองมาก อาจจะทำให้ร่างกายพิการ เสียโฉม หรือผิดรูปไปเลย มีรายงานว่าอิสราเอลยิงอาวุธฟอสฟอรัสเข้าใส่พลเรือนทั้งที่อยู่บนรถและอยู่ในบ้าน เรากำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่และให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากกรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นที่อิรัก เมือง ฟัลลูจาห์ มาแล้ว โดยนาวิกโยธินของอเมริกาได้ใช้ฟอสฟอรัสเป็นอาวุธจริง หลังจากที่ออกมาปฏิเสธในตอนแรก ถือเป็นการละเมิดกฎมายอย่างร้ายแรง


 


กูดแมน : ปีเตอร์ บูเกิร์ต ยังมีอาวุธอีกชนิดหนึ่งที่ดิฉันอยากจะถามคุณ มีรายงานว่า มีการส่ง ระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์ (Bunker Buster) จากอเมริกาให้อิสราเอล ซึ่งได้แก่ ระเบิดนำวิถี GBU-28 เป็นอาวุธที่ทำขึ้นจาก กากยูเรเนียม (Depleted Uranium) (2) คุณพอจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างมั้ย?


 


บูเกิร์ต : ครับ ผมเห็นรายงานชิ้นนี้แล้ว อาวุธที่ขนส่งมาถึงอิสราเอลแล้ว เรื่องนี้เพิ่งจะเป็นประเด็นขัดแย้งกันไประหว่างอเมริกากับอังกฤษ เพราะอเมริกาใช้ฐานทัพอังกฤษในการขนถ่ายอาวุธไปให้อิสราเอล โดยไม่มีการแจ้งขออนุญาตเจ้าหน้าที่ของอังกฤษก่อน เราคิดว่า มันเป็นเรื่องที่ชวนให้หนักใจมากๆ อเมริกายังคงส่งอาวุธมาให้อิสราเอล ทั้งๆ ที่มีหลักฐานมากมายว่าอิสราเอลใช้อาวุธแบบละเมิดกฎหมายในช่วงที่ผ่านมา


 


ก็อาจจะใช่ ที่ว่ามันเป็น smart munition เป็นอาวุธฉลาด-มีความแม่นยำสูง ในโลกของอุดมคติ มันก็คงจะดีถ้าคุณจะใช้อาวุธที่มีความแม่นยำพวกนี้ แล้วจบลงด้วยการโจมตีโดนเป้าหมายที่ต้องการจะโดน แต่หลักฐานในโลกของความจริง ในพื้นที่จริง มันยืนยันกับเราว่า อิสราเอลใช้อาวุธเหล่านี้อย่างไม่ถูกต้องเหมาะสม พวกเขาโจมตีแบบไม่มีความคุ้มครองให้พลเรือน เพราะฉะนั้น มันจึงสำคัญมาก ที่ประเทศเจ้าของอาวุธทั้งหลายจะต้องวางข้อจำกัดกันบ้างว่า อาวุธของพวกเขาจะให้ใครใช้ได้อย่างไร และควรจะหยุดส่งอาวุธให้...เมื่อประเทศไหนก็ตามกระทำสิ่งที่ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา o


 


 


 


........................................................................


อธิบายท้าย


(1) - ไวท์ฟอสฟอรัส (WP - White Phosphorus ชื่อเล่น Willy Pete) เป็นสารเคมีที่มีการนำมาใช้หลากหลายรูปแบบและวัตถุประสงค์ในทางการทหาร ด้วยคุณลักษณะของการเผาไหม้ที่ก่อให้เกิดเปลวไฟและกลุ่มควันขาวคลุ้งหนาแน่นขนาดใหญ่ มันจึงถูกใช้เพื่อการพรางตัวเคลื่อนที่ในสนามรบ การจุดให้แสงสว่าง การส่งสัญญาณบอกทาง หรือตำแหน่งเป้าหมาย


 


ในกรณีที่ไวท์ฟอสฟอรัสถูกนำมาใช้เป็นอาวุธ มันจะกลายเป็นระเบิดเพลิงที่มีลักษณะของ "อาวุธเคมี" ร่วมด้วย นอกจากเนื้อเยื่อบริเวณที่ถูกเผาไหม้จะถูกทำลายอย่างลึกซึ้งและสร้างความเจ็บปวดอย่างมากแล้ว อนุภาคของมันยังสามารถถูกดูดซึมเข้าสู่ระบบของร่างกาย ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต และหัวใจตามมาได้ ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่ร่างกายถูกเผาไหม้ด้วยฟอสฟอรัสจึงมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตมากกว่าถูกเผาด้วยวิธีอื่น การเผาไหม้ของฟอสฟอรัสเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยับยั้งได้ง่ายๆ มันจะเผาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดออกซิเจน และถ้าได้รับสารนี้ในปริมาณมาก มันจะเผาจนเหลือแต่กระดูกสีขาว


 


 (2) - อาวุธกากยูเรเนียม กากยูเรเนียม (Depleted Uranium) หมายถึง ยูเรเนียมรูปแบบหนึ่ง-ประมาณ 99.8% ของกากยูเรเนียมได้แก่ U-238 กากยูเรเนียมเป็นสิ่งที่เหลืออยู่หลังจากยูเรเนียมในรูปแบบที่มีกัมมันตภาพรังสีสูงมากถูกแยกออกไปทำเชื้อเพลิงหรืออาวุธนิวเคลียร์แล้ว แต่ถึงกระนั้น ยูเรเนียมที่เหลือ (ซึ่งเรียกให้เข้าใจผิดเล่นว่า "กาก") ก็ยังอันตรายเพราะมันมีกัมมันตภาพรังสีอยู่สูง กากยูเรเนียมเป็นโลหะหนักที่มีคุณสมบัติของสารพิษ ด้วยความแข็งแกร่งพิเศษเฉพาะตัว มันจึงถูกนำไปใช้ผลิตอาวุธรูปแบบต่าง ๆ อาทิ ลูกกระสุน กระสุนปืนใหญ่ ทุ่นระเบิด ระเบิด อาวุธนำวิถี ฯลฯ


 


เมื่ออาวุธเหล่านี้ถูกยิงออกไป มันจะระเบิดเป็นเปลวไฟ และปล่อยอนุภาคกัมมันตภาพรังสีที่มองไม่เห็นออกมา ฝุ่นละอองของ ยูเรเนียมออกไซด์ ที่ฟุ้งปลิวออกไป ประกอบด้วยอนุภาคโลหะขนาดจิ๋ว เล็กยิ่งกว่าไวรัสหรือแบคทีเรีย เมื่อยูเรเนียมออกไซด์เข้าสู่ระบบร่างกาย มันจะไม่ละลายและไม่สามารถขับถ่ายออกมาได้ง่ายๆ เหมือนยูเรเนียมตามธรรมชาติ อาวุธกากยูเรเนียมสามารถสร้างความเจ็บป่วยอย่างกว้างขวางครอบคลุมแทบจะทุกโรคก็ว่าได้ ตั้งแต่ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ กระดูกผุ มะเร็ง เนื้องอก ไปจนถึงลักษณะพันธุกรรมผิดปกติ นำมาซึ่งความสูญเสียและความพิการของเด็กแรกเกิด ฯลฯ


 


ปัจจุบัน อาวุธกากยูเรเนียมไม่ได้มีแต่ U-238 เท่านั้น มันได้พัฒนาการไปสู่ส่วนผสมใหม่ๆ ที่ร้ายแรงกว่าเดิมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น พลูโตเนียม (plutonium) เนปทูเนียม (neptunium) และ ยูเรเนียมอีกรูปแบบหนึ่ง U-236 (อันตรายกว่า U-238 ถึง 100,000 เท่า)


 


ที่ผ่านมา อเมริกาได้ใช้อาวุธกากยูเรเนียมอย่างหนักในการโจมตีอิรักและอัฟกานิสถาน และในสงครามครั้งนี้ มีหลักฐานว่า อิสราเอลก็ได้ใช้อาวุธนี้โจมตีชาวเลบานอนเช่นกัน (กระสุนเจาะเกราะ) ล่าสุด อเมริกาได้ส่งอาวุธกากยูเรเนียมมาเพิ่มเติมให้อิสราเอลแล้ว นั่นก็คือระเบิดบังเกอร์บัสเตอร์ GBU-28 อานุภาพทำลายล้างมโหฬาร จำนวนไม่ต่ำกว่า 100 ยูนิต

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net