Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ยังหาข้อเท็จจริงกันอยู่ใช่ไหมครับว่า "คาร์บอมบ์" เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมนั้นเป็นของจริงหรือสร้างสถานการณ์


 


แต่หากันอย่างไรก็ได้แต่ "ความเห็น" แหละครับ เพราะต่อให้มีข้อเท็จจริงออกมาอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ...เพราะคนไม่เชื่อ ไม่ว่าจะเป็นข้อเท็จจริงที่ชี้ว่ามีการสร้างสถานการณ์ หรือข้อเท็จจริงว่า มีการลอบสังหาร


 


นี่เป็นยุคสมัยที่คนเลือกจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเชื่อไว้ก่อนอยู่แล้ว ฉะนั้น คนดีๆ ก็เห็นกงจักรเป็นดอกบัว หรือเห็นดอกบัวเป็นกงจักรได้ แล้วก็เชื่ออย่างนั้นจริงๆ จนกระทั่งกล่าวประณามคนอื่นๆ ได้อย่างบริสุทธิ์ใจ


 


ว่าไป เหตุที่เป็นอย่างนี้ มันก็เป็นอาการของการสูญเสียความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง คือฝ่ายที่เชื่อเรื่องการสร้างสถานการณ์นั้นก็ถูกหักอกโดย พ.ต.ท.ทักษิณ และ "ตำรวจ" มาก่อน อันนี้คงไม่ต้องท้าวเรื่องให้มากความ


 


ความน่ากลัวนั้นยังไปอยู่ที่ฝ่ายที่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง คือลอบสังหารจริง ซึ่งกำลังจะสูญเสียความเชื่อมั่นกับ "สื่อ" ที่ว่าน่ากลัวก็เพราะ น่าสงสัยว่า คนในวงการสื่อเองนั้นจะรู้ตัวหรือได้สรุปบทเรียน หรือตรวจสอบตัวเองแล้วหรือไม่ว่ามีอคติ เลือกข้าง กระทั่ง "เอามัน" หรือไม่เพียงใด


 


คุณทักษิณนั้นไม่ต้องไปทำอะไรหรอกครับ เพราะคงตลกที่จะไป "ปฏิรูปคุณทักษิณ" ก็ให้แกเว้นวรรคไป ไปพัก ไปสรุปบทเรียน ไปพิสูจน์ตัวให้คนกลับมาเชื่อมั่น เพราะลองถ้าวันนี้เราเชื่อมั่น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกฯ ประธานองคมนตรี เราเชื่อมั่นว่า ศ.นพ.ประเวศ วะสี เป็นคนดีจริงๆ เราก็ควรจะเชื่อได้ว่าคุณทักษิณ ก็เป็นคนดีกับเขาได้เหมือนกัน หรือไม่น้อยไปกว่ากัน ในเมื่อโอกาสแห่งการถูกอำนาจเย้ายวน บริวารแวดล้อม หรือกายภาพ สองแขน สองขา ของบุคคลเหล่านี้ก็ไม่ได้แตกต่างกันแต่อย่างใดเลย


 


แต่ "ตำรวจ" และ "สื่อ" นี่แหละครับที่ต้องปฏิรูปกันยกใหญ่ ประเภท ทำให้รู้สึกว่า มีการรีดเค้น รท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ผู้ต้องหาขับรถคาร์บอมบ์ ราวกับไม่ใช่มนุษย์ แอบนำภาพวีซีดีมาเผยแพร่เพื่อมัดว่าคือการสารภาพ โดยไม่บอกเจ้าตัว พยายามทำให้สารภาพ ขยายเหตุการณ์ใหญ่โตเกินจริงเอาใจนาย หรือหวังผลการเมือง ไม่ตรงไปตรงมา แล้วทำให้รู้สึกว่า ตั้งธงไว้ก่อนแล้ว เพราะมันเข้าไปย้ำความเชื่อความรู้สึกของคนว่า รัฐบาลไทยรักไทยเป็น "รัฐตำรวจ" ยิ่งพิสูจน์ ยิ่งล้วงลึก ยิ่งได้หลักฐานมากขึ้นเท่าไร จะให้เป็นข้อเท็จจริงอย่างไร ก็ยิ่งจะไปทำให้คนเชื่อว่า ใช้อำนาจปั้นหลักฐานมากขึ้นเท่านั้น


 


ไม่ต้องนับประวัติต้นทุนเลวร้ายแต่หนหลัง ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับสามจังหวัดภาคใต้ การหายตัวไปของทนายสมชาย นีละไพจิตร การฆ่าตัดตอนหลายพันศพ การกลั่นแกล้งกดดันหรือเลือกปฏิบัติจากคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งไม่ได้มีภาพแยกขาดจากตำรวจ หรือล่าสุดการออกหมายเรียก และขอให้ศาลออกหมายจับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตอกลิ่มทิ่มแทงและประกาศตัวเองเป็นศัตรูกับเสรีภาพในการชุมนุมที่พิสูจน์แล้วว่ายึดมั่นในแนวทางสันติ


 


ปัญหาเรื่อง "คาร์บอมบ์" จึงไม่ใช่เรื่องข้อเท็จจริง แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อมั่นที่ใช้เป็นฐานรองรับข้อเท็จจริงอีกต่อหนึ่ง ตำรวจกลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง เป็นแขนขาของ "ระบอบทักษิณ" และหากเรื่องนี้มีการสร้างสถานการณ์ขึ้นจริง แต่เป็นฝ่ายต่อต้านทักษิณเป็นคนสร้าง นั่นคือวางระเบิดจริง (แต่อาจไม่ได้ต้องการให้ระเบิด) ก็น่าสงสัยนักว่า ภายใต้การรับมือของตำรวจเพื่อการคลี่คลายคดีซึ่งที่เป๋ไปเป๋มาและไม่เป็นระบบ ไม่สามารถจะสร้างความชัดเจนให้กับสาธารณะได้ บางทีตำรวจนั่นเองที่จะกลายเป็นเป้าประสงค์ของแผนการวางระเบิดนี้ และอาจจะเป็นประโยชน์ในระยะยาวต่อบ้านเมืองด้วย หากทำให้เกิดการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะในชั้นพนักงานสอบสวน หรือตำรวจ


 


แยกสลายสำนักงานตำรวจเสียดีไหม กระจายให้ไปอยู่ภายใต้การปกครองส่วนท้องถิ่นเหมือนในต่างประเทศ สร้างระบบตรวจสอบและถ่วงดุลขึ้นมา จะได้ไม่ต้องกลัวว่า จะมีระบอบของนักการเมืองคนไหนจะใช้ตำรวจเป็นกลไกการเมืองได้อีก


 


ปฏิรูปสื่อเองก็เช่นกัน จะต้องไม่ใช่การปฏิรูปที่หมกมุ่นอยู่กับสภาพความเป็นเจ้าของเท่านั้น แต่ความหลากหลายของการเข้าถึงความจริงต้องมีมากกว่านี้ ทำไมนักข่าวหลายคนที่ไม่ได้เห็นด้วยกับการไล่ทักษิณแบบไม่ลืมหูลืมตา จึงไม่มีโอกาสโผล่ให้เห็นในสื่อทั้งหลาย หรือมีก็น้อยมาก หรือไม่ก็ถูกทำให้ไร้ราคา แล้วน่าจะต้องถึงเวลาถามตัวเองอย่างจริงจังว่า มีสภาพอุปาทานรวมหมู่เกิดขึ้นในหมู่นักข่าวบ้างไหม


 


ในรอบเดือนที่ผ่านมา จำเลยของสื่ออย่างทักษิณ โอดครวญว่า "ไม่ต้องการให้สื่อเชียร์ แต่ขอแค่ให้เสนอความเป็นจริง" ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ทั้งต่อสาธารณะและต่อคนกันเอง


 


เราในฐานะสื่อที่เคารพในหลักสิทธิมนุษยชน เคยตรวจสอบตัวเองบ้างไหมว่า คุณทักษิณกำลังเชื่ออะไรของคุณทักษิณอยู่ เราเคยสงสัยบ้างไหมว่า ทั้งๆ ที่ตัวเองคุมสื่อของรัฐ และถูกประมาณว่าแทรกแซงสื่อ แต่ทำไม คนของรัฐจึงต้องไปทำหนังสือพิมพ์ ทำเว็บ ทำรายการวิทยุ ทำเคเบิลบางช่องเพื่อหาช่องทางสื่อกับสาธารณะ


 


เขา (รัฐบาล) เชื่ออะไรของเขา


 


ไม่ได้มาเข้าข้างทักษิณ แต่สัญชาตญาณสื่อ สัญญาณตั้งคำถาม ขี้สงสัย และสัญชาตญาณ "เอะใจ" ไม่จำเป็นต้องมีบ้างหรือในวิชาชีพของสื่อ


 


เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องตกอยู่ในเกมอำนาจ แล้วกระโดดข้ามเกมนี้ไปสู่การเมืองเชิงโครงสร้างที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง


 


ไม่งั้นจะเป็น ร.ท.ธวัชชัย จะเป็นนักการเมืองคนไหน จะเป็นสื่อคนใด มันก็ "แพะ" หรือเหยื่อของโครงสร้างที่เป็นอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net