ภาพจากwww.planeterde.de

ประชาไท—14 ก.ค. 2549 ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานระบุชัดเจนว่าปริมาณน้ำมันสำรองจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนทั้งโลก และอาจหมดไปภายในเวลา 14 ปี ถ้าหากไม่มีการหาแหล่งน้ำมันดิบเพิ่มเติม เป็นเหตุให้มีการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะขุดเจาะน้ำมันในทวีปแอนตาร์กติกา

ทั้งนี้ ทวีปแอนตาร์กติกาอยู่บริเวณขั้วโลกใต้ มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก ล้อมรอบด้วยมหาสมุทร และถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยเทือกเขาทรานส์แอนตาร์กติก อีกทั้งยังเป็นดินแดนที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดในโลก พื้นที่เกือบทั้งหมดปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ไม่มีมนุษย์ตั้งรกรากอยู่อาศัยถาวร จะมีก็แต่สถานีวิจัยกระจายอยู่ทั่วไป สิ่งมีชีวิตที่อยู่อาศัยในบริเวณนั้นได้แก่ เพนกวิน แมวน้ำ และสาหร่าย

ทางด้านนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันศึกษาวิจัยทวีปแอนตาร์กติการะบุว่าการขุดเจาะหาแหล่งน้ำมันที่ทวีปแอนตาร์กติกาเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น

ถึงแม้จะไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่อาศัยอย่างหนาแน่น แต่ความคิดที่จะขุดเจาะน้ำมันที่แอนตาร์กติกาก็เป็นเรื่องเสี่ยงต่อสภาวะแวดล้อมอย่างยิ่ง เนื่องจากปัจจุบันทั่วโลกต้องประสบกับปัญหาโลกร้อนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากมีการอนุมัติให้ขุดเจาะหาแหล่งน้ำมันที่ขั้วโลกใต้เมื่อไหร่ อาจทำให้น้ำแข็งละลายตัวเร็วขึ้น และอาจส่งผลเกิดน้ำท่วมและสภาพอากาศที่แปรปรวนในแต่ละทวีปได้

ทว่า สมาชิกจากสถาบันวิจัยฯ รายหนึ่งคาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในปีนี้จะพุ่งสูงถึง 81 ล้านบาร์เรลต่อวัน และลดลงเหลือเพียง 55 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2020 (พ.ศ.2563) ซึ่งเป็นสถิติที่น่าเป็นห่วง ถ้าหากราคาน้ำมันยังสูงขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีมาตรการสนับสนุนให้มีการใช้พลังงานทดแทนที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ทั่วโลกอาจหันมากดดันให้มีการขุดเจาะน้ำมันที่แอนตาร์กติกาในที่สุด

อย่างไรก็ตาม มีการลงนามรับรองในสนธิสัญญาแอนตาร์ติกตั้งแต่ปี 1961 (พ.ศ.2504) และมีประเทศสมาชิกที่ร่วมลงนามในสัญญานี้มีทั้งหมด 28 ประเทศ แต่มีอยู่ 7 ประเทศได้แสดงกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่บางส่วนของทวีปแอนตาร์กติกา และมีส่วนในการกำหนดว่าจะทำอย่างไรกับพื้นที่แถบนี้ได้ ซึ่งประเทศดังกล่าว ได้แก่ อาร์เจนติน่า ออสเตรเลีย ชิลี นิวซีแลนด์ นอรเวย์ และอังกฤษ

นอกจากนี้ ในสนธิสัญญามีการระบุไว้ชัดเจนว่าจะต้องไม่มีการทำเหมืองแร่ ขุดเจาะ หรือก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ ลงไปบนพื้นผิวน้ำแข็ง

แม้ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันแต่อย่างใดว่าจะมีการขุดเจาะน้ำมันในบริเวณดังกล่าว แต่นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยทวีปแอนตาร์กติกาเกรงว่าหากทั่วโลกขาดแคลนน้ำมันจริงๆ กลุ่มประเทศสมาชิกอาจลงนามให้มีการขุดเจาะหาน้ำมันดิบใจทวีปนี้ได้