รายงานโดยสำนักข่าวประชาธรรม อุดรธานี

วานนี้ (6 ก.ค.) เวลา 10.00 น. ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง จ.อุดรธานี ร.ต.อ.อดุลย์ ศรีทอง พงส.(สบ1) เจ้าพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวน ได้เรียกพยานเพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติมจำนวน 4 ปาก กรณีที่บริษัทเอเชีย แปซิกฟิก โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (เอพีพีซี) แจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ในข้อกล่าวหา ร่วมกันบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ โดยระบุว่าชาวบ้านได้ร่วมกันไปขัดขวางการรังวัด ปักหมุด เพื่อแสดงหลักหมายกรณีพื้นที่โรงงานผลิตแร่โปแตช บริเวณบ้านหนองตะไก้ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผู้ถูกกล่าวหาประกอบไปด้วย นายบัณฑิต และนางละเอียด อ่อนสะอาด สามี-ภรรยา , นายบุญเลิศ เหล็กเขียว , นายปัญญา คำลาภ และนางสาวเนาวรัตน์ ดาวเรือง

บรรยากาศของการสอบปากคำครั้งนี้ มีชาวบ้านประมาณ 20 คน สวมเสื้อเขียว เดินทางมาร่วมให้กำลังใจพยานที่มาให้ปากคำ โดยพยานทั้ง 4 คน ได้แก่ น.ส.สุพรรณี พิมสี , น.ส.สุนทร ภักดีวงศ์ , น.ส.บังอร ภักดีวงศ์ และนางหนูเกตุ วงกระนวน ต่างให้การตรงกันว่าในวันที่เกิดเหตุ คือ 11 มี.ค. พยานทั้ง 4 อยู่บริเวณที่เกิดเหตุร่วมกับผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 5 คน ซึ่งก็ไม่พบว่าได้มีใครเข้าไปในที่ของบริษัทฯ และทำลายทรัพย์สินแต่ประการใดแม้แต่คนเดียว โดยพยานระบุว่าชาวบ้านทั้งหมดยืนอยู่บนถนนสาธารณะ และสอบถามถึงรายละเอียดของการมารังวัดของเจ้าหน้าที่จากกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมกับขอเอกสารหนังสือมอบหมายให้ลงมาปฏิบัติราชการ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้ดู หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พากันหลบหนีไป ชาวบ้านต่างจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน

นายอภิสิทธิ์ แสนณรงค์ ทนายความ กล่าวว่า ได้พบข้อสังเกตในบางประเด็นของการแจ้งความดำเนินคดีของ เอพีพีซีต่อแกนนำชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ซึ่งในขั้นตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้มากนักเพราะอาจจะมีผลต่อรูปคดี อย่างไรก็ตามนายอภิสิทธิ์กล่าวว่าจะต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะคดีดังกล่าวเป็นคดีที่ชาวบ้านให้ความสนใจ

ด้านร.ต.อ.อดุลย์ ศรีทอง เจ้าพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า การสอบปากคำในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการตามกระบวนการในชั้นของพนักงานสอบสวน โดยได้นัดหมายพยานฝ่ายผู้ถูกกล่าวหามาให้การเพิ่มเติม โดยได้นัดหมายกับผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 5 คนมาในวันที่ 14 ก.ค. เพื่อรับทราบถึงผลการดำเนินการในชั้นนี้ จากนั้นจะได้ส่งสำนวนไปยังชั้นของพนักงานอัยการเป็นลำดับต่อไป ร.ต.อ.อดุลย์กล่าว