ภาคใต้ - "ป๋าเปรม" ลงใต้ พบเด็กเยาวชน 3 จังหวัด พูดชัดไม่เห็นด้วยข้อเสนอให้ใช้ภาษามลายูเป็นภาษาราชการ บอก "ผบช.ภ.
"ป๋าเปรม" ค้านภาษามลายูเป็นภาษาราชการ
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 25 มิถุนายน 2549 ที่โรงแรมซี.เอส.ปัตตานี พล.อ.
พล.อ.เปรม กล่าวในระหว่างการให้โอวาทว่า มีคนเสนอให้ใช้ภาษามลายูเป็นภาษาราชการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนคิดว่าเป็นข้อเสนอที่ยอมรับไม่ได้ อย่างในประเทศสหรัฐอเมริกามีการใช้ภาษา 20 กว่าภาษา แต่ภาษาที่ใช้ในราชการมีภาษาเดียว คือ อเมริกันอิงลิช ขอให้ช่วยกันสร้างความสงบสุขใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สิ่งที่ยอมรับกันได้ คือ ความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ ความสงบสุขในบ้านเมือง อยากขอร้องให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้นำศาสนา ซึ่งรู้ปัญหาดี ปละเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายช่วยกันคิดหาแนวทางแก้ปัญหา โดยนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนามาใช้
พล.อ.เปรม กล่าวฝากพล.ต.ท.
"อุกฤษ"เดินหน้าดึงมวลชนใต้
นาย
นายอุกฤษ กล่าวว่า ขณะนี้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีเด็กเล็กอายุ 2 - 5 ขวบ ประมาณ 140,000 คน ที่ขาดการดูแลประมาณ 120,000 คน ทางพีระยานุเคราะห์มูลนิธิเข้าไปช่วยเหลือตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน ที่โรงเรียนพีระยานาวินคลองหินวิทยา อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม และเตรียมจะเปิดศูนย์เด็กเล็กเพิ่มอีกหลายแห่ง
นายอุกฤษ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้กำลังเตรียมโครงการขอบริจาคจากประชาชนทั่วประเทศ ในรูปแบบการออมทรัพย์ คือ "โครงการวันละ 1 บาท รวมน้ำใจดับไฟใต้" โดยต้นเดือนกรกฎาคม 2549 จะมีแผ่นกระดาษรูปการ์ตูนให้เด็กๆ แสดงทักษะนำไปพับเป็นกล่องออมสิน นำกลับไปหยอดเงินที่บ้านวันละ 1 บาท แล้วรวบรวมส่งธนาคารนำเข้าบัญชีมูลนิธิสันติธรรม 960
"กอยส.จะให้สิ่งที่ประชาชนต้องการ จะไม่ไปทำสิ่งที่เราต้องการ แต่ประชาชนไม่เอาด้วย คิดว่าเราทำถูกทางแล้ว โครงการวันละ 1 บาท รวมน้ำใจดับไฟใต้ จะนำไปใช้ในการตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน พัฒนาการกีฬาของเยาวชนฟุตซอล 7 คน เพราะถ้าเขาหมกมุ่นกับกีฬา เชื่อว่าจะไม่ไปก่อเหตุร้าย และจะนำไปดูแลด้านสุขอนามัย เราจะมีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จากทหาร ตำรวจ พลเรือน ลงพื้นที่ดูแลประชาชนเป็นประจำ" นายอุกฤษ กล่าว
บึ้มนราฯ6นาวิกโยธินรอดหวุดหวิด
เมื่อเวลา 11.30 น.วันเดียวกัน ขณะที่ทหารนาวิกโยธิน สังกัดร้อย ร. 2 ชุดเฉพาะกิจที่ 32 จังหวัดชลบุรี 6 นาย ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ในวัดอุไรรัตนาราม อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ขับจักรยานยนต์ซ้อนท้าย 3 คัน ออกลาดตระเวนรักษาความปลอดภัย มาตามถนนสายบือตง - ชูโว มาถึงบริเวณเยื้องบริเวณโรงเรียนบ้านตันหยง หมู่ 4 บ้านตันหยง ตำบลบาเระใต้ อำเภอบาเจาะ ซึ่ง 2 ข้างทางเป็นป่าละเมาะ คนร้ายได้กดชนวนระเบิดบรรจุในกล่องเหล็ก 4 เหลี่ยม น้ำหนัก 5 กิโลกรัม ด้วยโทรศัพท์มือถือเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในช่วงที่ทหารทั้ง 6 นาย ขับรถจักรยานยนต์ผ่านจุดระเบิดไปประมาณ 80 เมตร จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายลอบนำวัตถุระเบิดมาฝังไว้ข้างทาง แรงระเบิดเกิดหลุมกว้าง 60 เซนติเมตร ลึก 20 เซนติเมตร ในรัศมี 15 เมตร พบชิ้นส่วนประกอบวัตถุระเบิด เป็นเศษปุ๋ยแอมโมเนียไนเตรท เศษกล่องเหล็ก เหล็กหุนตัวยาว 1 นิ้ว เศษตะปู เศษแผงโทรศัพท์มือถือ
ออกหมายจับมือยิงคนชลประทาน
พล.ต.ต.
ตำรวจหาดใหญ่ตรวจเข้ม
ขณะเดียวกันสถานีตำรวจภูธรอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้ตั้งจุดตรวจค้นรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ เพื่อกวาดล้างอาชญากรรม โดยเน้นตรวจค้นยาเสพติดและอาวุธปืน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการก่อเหตุความไม่สงบ จากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
"ครูจูหลิง" อาการน่าเป็นห่วง
วันเดียวกัน รศ.นพ.สุเมธ พีรวุฒิ ผอ.รพ.สงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้อาการของน.ส.จูหลิง ปงกันมูล ครูโรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ ตำบลเฉลิม อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ ยังน่าเป็นห่วง เพราะไม่รู้สึกตัวสัญญาณชีพเริ่มไม่คงที่ในบางช่วง ต้องให้ยากระตุ้นเพื่อปรับการเต้นของหัวใจ ส่วนความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์เกือบปกติ ต้องปรับยาความดันในบางช่วง ส่วนสมองยังไม่มีการตอบสนองต่อการกระตุ้น ขณะที่รับอาหารทางสายยางได้น้อยลงในบางมื้อ ยังจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา เพราะไม่สามารถหายใจได้ด้วยตัวเอง แพทย์ยังคงรอดูการตอบสนองของสมองและแกนสมอง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)