Skip to main content
sharethis


 


 


ประชาไท—24 มิ.ย. 2549 "เจมส์ แมคเดอร์ม็อต" (James McDermott) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา เขต 7 กรุงวอชิงตัน สังกัดพรรคเดโมแครต (หรือ "จิม" ตามที่สื่อมวลชนอเมริกันตั้งชื่อให้) ได้แถลงต่อหน้าประธานสภาในการประชุมสามัญ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2549 ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ มิได้ส่งเสริมการแก้ปัญหาเรื่องเอดส์โดยใช้จริยธรรมอย่างแท้จริง แต่กลับคำนึงถึงผลประโยชน์ที่จะได้จากธุรกิจยามากกว่า


 


ส.ส.แมคเดอร์ม็อตได้อธิบายถึงสถานการณ์ที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี/ เอดส์เป็นจำนวนมากทั่วโลก และผู้ติดเชื้อเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ยาต้านไวรัสเพื่อต่อชีวิตของตน โดยผู้ติดเชื้อเอดส์ในประเทศไทยได้ลดลงถึงร้อยละ 79 หลังจากใช้ยาต้านไวรัสดังกล่าว แต่ยาประเภทนี้มีราคาแพงมาก


 


การผลักดันข้อตกลงทวิภาคีระหว่างไทยและสหรัฐฯ จึงมีผลกระทบต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในปรเทศไทย ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะบริษัทยาอันดับต้นๆ ของโลกส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่ก่อตั้งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งดูเหมือนว่าจะมุ่งเน้นที่ผลกำไรสูงสุดของบริษัทโดยไม่นึกถึงประเด็นทางจริยธรรมเลย


 


นอกจากนี้ ส.ส.แมคเดอร์ม็อตยังได้อ้างถึงบทความที่นิตยสารเอเชียไทมส์รายงานการสืบสวนเรื่องคำสั่งย้าย นพ.วิลเลียม อัลดิส ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทยซึ่งถูกย้ายไปเป็นนักวิจัยที่อินเดีย เพราะเขียนบทความเชิงวิพากษ์ลงในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ โดยกล่าวว่าการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา อาจทำให้ผู้ป่วยที่เป็นชาวไทยเสียเปรียบเรื่องการเข้าถึงยา เพราะจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ไม่เฉพาะแต่ยาต้านไวรัสเอชไอวีเท่านั้น แต่รวมถึงยารักษาโรคที่คนเป็นกันมาก อาทิ มะเร็ง เบาหวาน เช่นเดียวกับการวิจัยพัฒนาเรื่องยารักษาโรคต่างๆ ในประเทศไทยก็อาจจะมีปัญหาเพราะติดเรื่องข้อจำกัดด้านสิทธิบัตร


 


เท่ากับว่าปัจจุบัน ประเทศไทยถูกตัดออกจากการเข้าถึงยารักษาโรคร้ายแรงที่คร่าชีวิตคนเป็นจำนวนมากในแต่ละปี ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน


 


คำถามเรื่องความมีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจของบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐฯ จึงเกิดขึ้นพร้อมกับคำถามที่ว่า "ทำไมคนทั่วโลกจึงไม่ชอบอเมริกา" ซึ่งแมคเดอร์ม็อตชี้ให้เห็นว่า แทนที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยจำนวนมากด้วยการเสนอตัวยาที่จะบรรเทาอาการเจ็บป่วยอย่างทั่วถึง บริษัทยาเหล่านี้กลับมองว่าจะต้องเก็บเงินทุกบาททุกสตางค์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และรัฐบาลสหรัฐฯ ก็สนับสนุนอุตสาหกรรมยาเหล่านี้ด้วยการระบุข้อตกลงในสัญญาเขตการค้าเสรี เพื่อจำกัดไม่ให้ประเทศคู่ค้ามีโอกาสพัฒนาด้านตัวยาจนเทียบเท่าสหรัฐฯ ได้ (ซึ่งปกติก็มีความเป็นไปได้น้อยอยู่แล้ว)


 


นโยบายของสหรัฐฯ ที่ผลักดันให้มีการทำสัญญาเอฟทีเอกับประเทศต่างๆ จึงขัดแย้งกับการรณรงค์เรื่องบรรษัทภิบาล ซึ่งกล่าวว่าบริษัทต่างๆ จะต้องดำเนินกิจการของตนอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม และความยุติธรรม เนื่องจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนทั่วโลกไม่สามารถเข้าถึงตัวยารักษาโรคได้อย่างที่ควรจะเป็น


 


ถึงแม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะให้งบสนับสนุนโครงการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเอชไอวีแก่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมเป็นเงินถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ (5.85 พันล้านบาท) แต่เงินเหล่านั้นก็จะหมดไปกับการสั่งซื้อยาต้านไวรัสและยารักษาโรคจากบรรษัทยาข้ามชาติ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว วิธีที่จะทำให้ผู้ป่วยทั่วโลกได้รับยาอย่างทั่วถึงที่สุดก็คือการสนับสนุนให้ประเทศของผู้ป่วยเหล่านั้น สามารถผลิตยาขึ้นมาใช้ได้เอง และผลกำไรที่ได้จากอุตสาหกรรมยาก็คือเงินอุดหนุนที่สำคัญไม่น้อยสำหรับรัฐบาลสหรัฐ


 


ส.ส.แมคเดอร์ม็อตสรุปว่าล่าสุดมีการจัดรายงานประจำปีของสภาผู้แทนสหรัฐฯ ขึ้นมา เนื้อความในนั้นระบุว่าควรจะผลักดันให้ทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับประเทศต่างๆ ให้เสร็จสิ้นโดยไว เพื่อที่จะได้ปกป้องคุ้มครองสิทธิบัตรของสหรัฐฯ ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดการผูกขาดแล้ว ยังเป็นการปล่อยปละละเลยต่อแนวคิดเรื่องการค้าที่เป็นธรรมด้วย


 


สิ่งที่แมคเดอร์ม็อตเรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนอื่นๆ และประชาชนชาวอเมริกันหันมาให้ความสนใจก็คือการผลักดันให้รัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องการผูกขาดยา เพื่อสุขภาพที่ดีของประชากรโลก


 


ทั้งนี้ ส.ส.แมคเดอร์ม็อต จัดเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดเสรีนิยม มีความเชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข เพราะเขาเป็นนายแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านเภสัชและอายุรเวชมาก่อน ถือเป็นนักการเมืองเก่าแก่ที่ได้รับเลือกให้กลับมาดำรงตำแหน่งถึง 8 สมัย โดยเหตุการณ์ที่ทำให้แมคเดอร์ม็อต กลายเป็นจุดสนใจของประชาชนอเมริกันมากที่สุด คือการกล่าวโจมตีนโยบายต่อต้านการก่อการร้ายของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช หลังจากเกิดเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net