ประชาไท—22 มิ.ย. 2549 กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศขององค์การการประชุมอิสลาม (OIC) ครั้งที่ 33 ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจัน ระหว่างวันที่ 19-21 มิถุนายน 2549 โดยระบุว่ารัฐบาลไทยจะให้ความร่วมมือและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและองค์การการประชุมอิสลาม เพื่อดำเนินการแก้ปัญหาหลัก 3 ประการ อันได้แก่ (1) การลดปัญหาความยากจน (2) การรับมือกับกองกำลังก่อการร้ายและกลุ่มผู้ก่อความรุนแรง (3) การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ การค้ายาเสพติด และการค้ามนุษย์

การเข้าร่วมประชุมกับโอไอซีในครั้งนี้ นายกันตธีร์เข้าร่วมในฐานะตัวแทนประเทศผู้สังเกตการณ์ เพื่อช่วยสานความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับประเทศอื่นๆ ที่เป็นสมาชิกของโอไอซี รวมทั้งสิ้น 57 ประเทศ และประเทศไทยได้รับปากว่าจะเพิ่มบทบาทในการดำเนินความสัมพันธ์กับโอไอซีต่อไปในอนาคตด้วย

ทางด้านความร่วมมืออื่นๆ ที่ประเทศไทยได้เสนอแก่ที่ประชุมโอไอซี ได้แก่ โครงการฝึกอบรมและความร่วมมือทางวิชาการกับประเทศสมาชิกโอไอซี ทั้งด้านสาธารณสุข การพัฒนาอย่างยั่งยืน การเกษตร การท่องเที่ยว รวมถึงการป้องกันไข้หวัดนก

สำหรับกรณีที่มีข้อซักถามเรื่องการแก้ปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ของไทยในช่วงนี้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศกล่าวว่ารัฐบาลไทยจะคำนึงถึงหลัก 3 ประการ คือ สิทธิ เสรีภาพ และความยุติธรรม

นอกจากนี้ นายกันตธีร์ได้การกล่าวเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โดยกล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อการพัฒนาความเป็นอยู่และความสมานฉันท์ของประชาชนไทยมาตลอด จนกระทั่งโครงการพัฒนาสหประชาชาติ หรือ UNDP ได้น้อมเกล้าฯ ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ ประเด็นดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันว่าวิธีการแก้ไขปัญหาเรื่องชายแดนภาคใต้จะดำเนินไปโดยสันติวิธี สามารถอยู่ร่วมกัน ยอมรับซึ่งกันและกันได้ และจะไม่ปล่อยให้มีการใช้ศาสนาเป็นข้ออ้างเพื่อก่อความรุนแรง

การสรุปความสัมพันธ์ระหว่างไทยและประเทศสมาชิกโอไอซี ซึ่งมีจำนวนประชากรรวมแล้วกว่า 130 ล้านคนทั่วโลก ได้พูดถึงโครงการความร่วมมือภายในระยะเวลา 10 ปีต่อจากนี้ (The Ten-Year Program of Action) โดยประเทศที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมดจะต้องประสานความร่วมมือ เพื่อเสริมสร้างการดูแลความมั่นคงร่วมกันในประเทศสมาชิก ซึ่งประเทศไทยยินดีอย่างยิ่งที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการประชุม มีรายงานว่านายกันตธีร์ ได้ใช้โอกาสนี้พูดคุยกับตัวแทนกลุ่มประเทศสมาชิกโอไอซีเกี่ยวกับการลงสมัครชิงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติของดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทยด้วย และหลายประเทศเห็นชอบว่าควรเป็นวาระของเอเชีย แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องตัวบุคคล เนื่องจากผู้สมัครจากชาติเอเชียมีหลายคน