25 พ.ค. 2549 ศาลอาญา รัชดาฯ ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นาย
ตามฟ้องโจทก์บรรยายสรุปว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค. -6 ก.พ.2547 จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันมีอาวุธปืนกลเล็กอาก้า 1 กระบอก พร้อมด้วยเครื่องกระสุนหลายนัด และแมกกาซีนบรรจุเครื่องกระสุน 1 อัน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยวันที่ 6 ก.พ.2547 จำเลยที่ 1 และ 3 ร่วมกันพกพาอาวุธปืนดังกล่าวเข้าไปใน หมู่บ้านนาโงฮูมอ ต.กาวะ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส โดยจำเลยที่ 2 ได้จ้างวานให้ จำเลยที่ 1, 3 และ 4 ฆ่า จ.ส.ต.ปัญญา ด้วยเหตุที่จำเลยที่ 2 ถูกราชการกล่าวหาว่า เป็นผู้มีอิทธิพล แล้ว จ.ส.ต.ปัญญา ได้ปฏิบัติราชการตรวจติดตามพฤติการณ์และความเคลื่อนไหวของจำเลยที่ 2 และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการปล้นอาวุธปืนเอ็ม 16 ของกองพันพัฒนาที่ 4 กระทั่งจำเลยที่ 2 ถูกเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจค้น 2 ครั้ง เป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 โกรธแค้น
จำเลยที่ 1, 3 และ 4 เจตนาฆ่า จ.ส.ต.ปัญญา โดยดักซุ่มยิงด้วยอาวุธปืนกลเล็ก อาก้า ขณะที่ต้องไปส่งบุตรและภรรยาจนถึงแก่ความตาย ต่อมาวันที่ 5 มี.ค.2547 ตำรวจจับกุมจำเลยที่ 1 และ 2 ได้ พร้อมกับยึดเงินสด 1 หมื่นบาท ได้ ซึ่งเป็นค่าจ้าง ให้ฆ่าผู้ตาย ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้ง 4 ให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้วเห็นว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนจัดทำสำนวนคำให้การแต่เพียงฝ่ายเดียวโดยไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายผู้ต้องหาเข้าไปมีส่วนร่วม และในชั้นสืบพยานฝ่ายโจทก์ก็ไม่ได้นำนาย
ส่วนกระสุนปืน 20 นัดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้จากบ้านพักของจำเลยที่ 1 ก็เป็นคนละขนาดกับปลอกกระสุนปืนที่พบในที่เกิดเหตุ ขณะที่เงินสด 10,000 บาท ที่ตรวจยึดได้จากที่เดียวกันโจทก์ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นเงินที่จำเลยที่ 2 ใช้จ้างวานจำเลยที่ 1 ให้ฆ่าผู้ตาย
ส่วนภรรยาของ จ.ส.ต.ปัญญา ผู้ตายแม้จะอยู่ในเหตการณ์แต่พยานก็ไม่เห็น ใบหน้าของคนร้ายได้อย่างชัดเจน ว่าเป็นจำเลยที่ 1 หรือไม่ หลักฐานโจทก์เป็นเพียง พยานแวดล้อมไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้ง 4 กระทำผิดจริง พิพากษาให้ยกฟ้อง และมีคำสั่งให้ยึดกระสุนปืนของกลาง ส่วนเงินสดของกลางให้คืน
ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว นายอนุพงศ์แสดงอาการดีใจโดยโผเข้ากอด ภรรยาและญาติพี่น้องที่เดินทางมาให้กำลังใจกว่า 30 คน พร้อมเปิดเผยว่า ดีใจที่ได้รับความยุติธรรมจากศาล เพราะที่ผ่านมาได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองมาโดยตลอด ซึ่งต่อจากนี้อยากจะกลับไปอยู่กับครอบครัวที่ จ.นราธิวาส
ส่วน นางวันนอรียะห์ ภรรยานายอนุพงศ์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ศาลให้ความ ยุติธรรมกับครอบครัวของตน ทำให้การรอคอยตลอด 2 ปีที่ผ่านมาไม่สูญเปล่า
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)