Skip to main content
sharethis

ประชาไท—5 พ.ค.2549 พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต. เปิดเผยถึงการชี้แจ้งข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐะรรมนูญในกรณีที่ พล.อ.สายหยุด เกิดผล และ นายบรรเจิด สิงคเนติ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยื่นคำร้องให้ศาลพิจารณา 4 ข้อว่า


 


ประเด็นแรก เรื่องการตราพระราชกฤษฏีกายุบสภาว่า เร็วเกินไป โดยกล่าวหาว่า กกต. สมรู้กับรัฐบาล ตราพระราชกฤษฏีกากำหนดวันเลือกตั้งที่เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นนั้น เขาได้ชี้แจงว่า กฏหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 116 ระบุว่า การตราพระราชกฤษฏีกายุบสภา ผู้ที่มีอำนาจยุบสภาคือนายกรัฐมนตรี และการตราพระราชกฤษฏีกา คืออำนาจของพระองค์ และกฎหมายก็ระบุว่า ในการตราพระราชกฤษฏีกายุบสภา ต้องกำหนดวันเลือกตั้งไว้ด้วยโดยรัฐบาล


 


ทั้งนี้ ทางรัฐบาล ก็ได้สอบถามกกต.ว่า ถ้ายุบสภาจะสามารถจัดการเลือกตั้งได้ภายในกี่วัน กกต.ก็คำนวณเงื่อนไขการจัดการเลือกตั้ง เช่น การเปิดรับสมัคร ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร การคัดค้านผู้สมัคร การพิมพ์บัตรเลือกตั้ง 49 ล้านฉบับ เราก็ตอบว่า ต้องใช้เวลา 30 วันขึ้นไป จึงจะดำเนินการเลือกตั้งได้


 


"รัฐบาลไม่ได้บอกกับ กกต. ว่า จะยุบหรือยุบเมื่อไหร่ และ กกต. ก็รู้ว่าจะมีการยุบสภาและเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย. พร้อมกับทุกคน ไม่เคยรู้มาก่อน มาบอกว่า สมรู้ร่วมคิด ทำผิดกำหนดวันเลือกตั้งสั้นเกินไป เอาเปรียบพรรคการเมืองบางพรรค ในรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้เขียนกำหนดเงื่อนไขว่า กรณีใดบ้างที่จะยุบได้หรือไม่ได้ แม้ธรรมเนียมปฏิบัติที่ปฏิบัติกันมาก็คือ เกิดความวุ่นวายในสภา


 


"..ผมอยากให้ดวงวิญญาณกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ได้รับทราบ แล้วลงโทษคนที่แปลความกฎหมาย โดยขาดความสุจริตใจ ให้ทันตาเห็นในยุคโลกาภิวัตน์ ผมเรียนกฎหมายมาน้อย แค่ปริญญาตรี ปริญญาโทก็ไม่ใช่กฎหมาย พูดอะไรไปแล้วเสียงก็ไม่ดัง ขออธิษฐานเกิดอีกชาติมีจริงนะ เกิดอีกทีให้ได้เรียนกฎหมายถึงด๊อกเตอร์ พูดอะไรจะได้เสียงดัง มีคนฟังบ้าง" ประธาน กกต. กล่าว


 


ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการจัดคูหานั้น ประธาน กกต.กล่าวว่า "คนมันอุตริ ไอ้คนใจชั่วที่คิดแต่จะหาเรื่องหาราว จึงไปซูมภาพ ออกมา อะไรออกมา แล้วก็เอามากล่าวหาผมว่า ผมจัดไม่ลับ อีกด้านหนึ่งผมก็มุ่งจะอำนวยความสะดวกใจให้กับประชาชน แต่ไม่ใช่อำนวยความสะดวกโดยไม่ลับ หลักคือต้องลับ นี่ละครับข้อกล่าวหาที่ 2 บอกว่า ผมขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 104 ที่บอกว่าการลงคะแนนเลือกตั้งต้องเป็นไปโดยตรงและลับ นี่ละครับที่ว่าผมผิด ท่านช่วยเอากลับไปคิดด้วยในฐานะที่มีวุฒิภาวะ"


 


ประเด็นพรรคการเมืองใหญ่ว่าจ้างพรรคการเมืองเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง "กรณีนี้ เมื่อมีคนร้องเรียนเข้ามา กกต. ก็สอบสวนไปตามหน้าที่ ซึ่งมีอยู่หลายประเด็น คือมีการกล่าวหาว่า มีการเปลี่ยนแปลงบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งพรรคเล็ก ซึ่ง กกต. ก็ได้สอบสวนแล้ว และมีมติออกมาแล้ว ซึ่งข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานฟังได้ว่า มีเจ้าหน้าที่ กกต. 1 คน ได้ทำการทุจริตจริง โดยได้รับผลประโยชน์ ซึ่งเขาเป็นคนสืบสวนสอบสวนด้วยตัวเอง อาศัยความรู้ที่เคยร่ำเรียน เทคนิคต่างๆ ในการสืบสวน จนได้แม้กระทั่งหลักฐานที่เป็นเงินของกลาง ขณะนี้ กำลังจะส่งไปดำเนินคดี และตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย


 


"เหตุแห่งปัญหา ที่นำมาสู่การกล่าวหาคณะกรรมการการเลือกตั้งอยู่ทุกวันนี้ มีแต่การด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย จาบจ้วง ไม่มีสัมมาคารวะ ไม่ใช่คนในสังคมไทย กลายเป็นสังคมไทยที่ไร้กฎระเบียบวินัย สื่อบางสื่อว่า ผมหน้าด้านบ้างหน้าหนาบ้าง ผมขอประกาศ ณ ที่นี้ ว่า ผมไม่ใช่คนหน้าหนาหน้าด้าน ยังมีคนที่หน้าหนาหน้าด้านกว่าผมอีกเยอะมาก และขออนุญาตใช้คำไม่สุภาพซึ่งจริง ๆ ไม่ควรพูด ท่านลองไปไล่เรียงสรุปสาเหตุของปัญหา ตั้งแต่แรกจนถึงวันนี้ เกิดจากอะไร ผมขอสรุปไว้ตรงนี้เลยว่า ปัญหาเกิดจากแข่งขัน ต้องการเอาชนะคะคานทางการเมืองระหว่าง 4 พรรค คือ พรรคไทยรักไทย ประชาธิปัตย์ มหาชน และชาติไทย ทำทุกอย่างทุกอย่างด้วยกลยุทธ์ กลวิธีต่างๆ ทางการเมือง"


 


"วันนี้ จึงนำมาด้วยการให้ผมเป็นแพะบูชายัญ ตั้งแต่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภามา ผมจัดการเลือกตั้ง ผมถามว่าผมผิดอะไร และทำผิดกฎหมายตรงไหน ผมชี้แจงไปหมดแล้ว อยากให้สังคมให้ความเป็นธรรมกับผม และกกต. และอยากให้สังคมรู้ด้วยว่า ความชั่วช้าเลวทรามทั้งหลาย เกิดจาก กกต. หรือเกิดจากใคร นำมาซึ่งการทำลายระบบเศรษฐกิจ การปกครองระบอบประชาธิปไตย


 


………………………………………………………..


เรียบเรียงจาก : เวบไซต์กรุงเทพธุรกิจ : http://www.bangkokbiznews.com

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net