โดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สมาชิกวุฒิสภา
ความรุนแรงทุกๆ ครั้ง มักจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของทุกๆ ฝ่าย
การต่อสู้เพื่อสิ่งที่ดีงาม ย่อมสมควรจะต้องใช้วิธีการที่สง่างาม
ผมขอสนับสนุนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน และไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงเพื่อเอาชนะกัน ไม่ว่าความรุนแรงนั้นจะมาจากฝ่ายที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีลาออก ฝ่ายที่สนับสนุนนายกรัฐมนตรี หรือฝ่ายอื่นใดก็ตาม
ผมมองว่า ปัญหาบ้านเมืองในขณะนี้ล้วนเป็นปัญหาที่ตัวบุคคล พ.ต.ท.
๑) แสดงออกเพื่อประท้วงในเชิงสัญลักษณ์
เป็นวิธีการต่อสู้เรียกร้องที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ง่ายที่สุด โดยอาจจะร่วมกันพิจารณากำหนดการแสดงออก กิจกรรม หรือการกระทำบางอย่างที่มีนัยยะสื่อความหมายให้สังคมเห็นว่า ใครที่ทำเช่นนี้ แม้ไม่พูด ไม่เถียง ไม่หยุดงานไปประท้วง แต่ก็ให้เข้าใจว่าเป็นผู้ที่มีความคิดเห็นว่านายกรัฐมนตรีควรจะลาออก ตัวอย่างเช่น
(ก) รณรงค์ให้ประชาชนทั่วประเทศร่วมกันประกวดการเขียนจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อร้องขอให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง ภายในกรอบของการใช้ภาษาสุภาพ พร้อมแสดงเหตุผลประกอบส่งตู้ ปณ. ที่มีองค์กรภาคประชาชนดูแลเผยแพร่ โดยส่งไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นกรรมการผู้ตัดสิน เพื่อหาว่าจดหมายฉบับใดสามารถชักจูงให้นายกรัฐมนตรีได้ลาออกได้อย่างมีประสิทธิผลที่สุด จะเป็นผู้ชนะ
(ข) รณรงค์ให้นักบวชในทุกศาสนาช่วยกันแสดงเทศนาธรรมเกี่ยวกับจริยธรรมในวันพระและวันอาทิตย์โดยพร้อมเพรียงกัน ไม่ว่าจะเป็น พระ โต๊ะอิหม่าม หรือ บาทหลวง เพื่อแสดงเป็นพลังให้เห็นว่า สังคมอยู่ได้ด้วยจริยธรรม สังคมยังต้องการผู้นำที่มีจริยธรรม และปฏิเสธผู้นำที่ปราศจากจริยธรรม
(ค) ประชาชนผู้เสียภาษีทุกคนในประเทศไทย ช่วยกันส่งสำเนาใบเสร็จการเสียภาษีไปให้นายกรัฐมนตรีโดยผ่านตู้ ปณ. ที่มีองค์กรประชาชนดูแลเผยแพร่ เพื่อเป็นการประท้วงว่า การขายหุ้นชินคอร์ปฯ ๗๓,๐๐๐ ล้านโดยไม่เสียภาษีนั้น เป็นการไม่ยุติธรรมต่อประชาชนผู้ทำมาหากินทั่วไป
ในขณะเดียวกันก็ชักชวนให้เด็กนักเรียนที่ไม่มีภาระเสียภาษี ร่วมกันเดินทางไปมอบดอกไม้เป็นกำลังใจให้แก่ข้าราชการกรมสรรพากร เพื่อกระตุ้นให้เกิดความกล้าที่จะจัดเก็บภาษีจากตระกูลนายกฯ นำเงินเข้าแผ่นดินมาเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุข และดูแลอนาคตของชาติต่อไป
(ง) รณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันจุดเทียนหน้าบ้านของตนเอง ในตอนเที่ยงวันของทุกวัน เพื่อสื่อสัญลักษณ์ดังที่ท่านสมเด็จโต เคยแสดงออกเพื่อสื่อถึงความมืดมิดของบ้านเมืองยามนี้ แม้แสงแดดจะส่องจ้าเพียงใด แต่แสงปัญญาและความถูกต้องกลับมืดสนิทในสังคม
(จ) ผู้พิพากษาทั่วประเทศ อัยการ ทนายความ นักกฎหมาย อาจารย์
ทั้งนี้ อาจจะรวมไปถึงผู้ประกอบวิชาชีพอื่นๆ เช่น หมอ พยาบาล ครู อาจารย์ นิสิต นักศึกษา ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ
(ฉ) การติดสติ๊กเกอร์ต่างๆ เช่น "ผมไหว้ล่ะครับ ลาออกเถอะ"
หรือการกำหนดประโยคพูดคุยทักทายระหว่างประชาชนด้วยกันใหม่ เช่น แทนที่จะทักว่า "สวัสดี" ก็ทักว่า "ทักษิณ" ตอบว่า "ออกไป"
๒) การตัดความร่วมมือของเส้นสายที่เกื้อหนุนอำนาจ "ทักษิณ"
เป็นการแสดงออกเพื่อตัดความร่วมมือ หรือปฏิเสธที่จะเข้าร่วมสนับสนุน หรือร่วมสังฆกรรมกับกลไก ระบบ หรือสายสัมพันธ์ที่เกื้อหนุนอำนาจกับระบอบ "ทักษิณ" ตัวอย่างเช่น
(ก) รณรงค์ประชาชนตัดความร่วมมือ โดยปฏิเสธ ไม่ซื้อสินค้าบริการของธุรกิจที่เกื้อหนุนระบอบทักษิณ ไม่ว่าจะเป็น ยกเลิกใช้บริการบริษัทมือถือของทักษิณ ธนาคารของลูกทักษิณ ร้านมินิมาร์ทของธุรกิจที่สนับสนุนทักษิณ สายการบินต้นทุนต่ำของทักษิณ เลิกดูช่องสถานีโทรทัศน์ของทักษิณ เลิกสมาชิกเคเบิลทีวีในเครือของทักษิณ ฯลฯ โดยเลือกไปใช้สินค้าและบริการของเครือข่ายอื่นทดแทน เพื่อให้เป็นการลงโทษผ่านกลไกตลาด
(ข) รณรงค์ประชาชนใช้มาตรการทางสังคม โดยปฏิเสธ ไม่ร่วมมือ ไม่เข้าร่วมกับตระกูลของทักษิณ และตระกูลของนักการเมืองและบริวารแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น ไม่ไปร่วมงานแต่งงาน ไม่ไปร่วมงานเลี้ยง หรือเจอที่ไหนก็แสดงท่าทีไม่นับถือ ไม่เคารพ เพื่อให้ญาติมิตรเหล่านั้นต้องไปช่วยสั่งสอนทักษิณต่อไป
(ค) การใช้สิทธิบอยคอตการเลือกตั้งโดยพรรคการเมืองฝ่ายค้าน และการไม่เข้าร่วมสังฆกรรมกับ กกต. โดยองค์กรภาคประชาชนและข้าราชการท้องถิ่น
(ง) รณรงค์ประชาชนให้ใช้สิทธิทางการเมืองในการเลือกตั้ง ไปในแนวทางเดียวกัน ไปเลือกโดยไม่เลือกผู้ใด เพื่อที่จะปฏิเสธว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรม เกิดจากการยุบสภาที่ไม่ชอบธรรม ทำให้สิ้นเปลืองภาษีกว่า 2 พันล้าน โดยใช่เหตุ และไม่แก้ปัญหาใดๆ เลย เพราะผลของการเลือกตั้งไม่อาจบอกได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ เนื่องจากผิดหรือถูกเป็นเรื่องต้องพิสูจน์ในข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรมและความน่าเชื่อถือ มิใช่เรื่องที่จะมาโหวตเอาเสียงข้างมาก
(จ) รัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่มีแผนจะถูกขาย อาจจะร่วมกันให้บริการประชาชานอย่างเต็มความสามารถ โดยยังไม่คิดมูลค่า ประท้วงทักษิณโดยการให้ประชาชนได้ใช้น้ำประปา ใช้ไฟฟ้า หรือใช้โทรศัพท์ได้ก่อนและจ่ายทีหลัง จนกว่านายกฯ จะลาออก เพื่อแสดงให้เห็นว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านี้เป็นของประชาชน ไม่ใช่แหล่งเงินที่จะมีคนมาชุบมือเปิบเอาไปขาย หรือใช้เป็นเครื่องมือหารายได้เพื่อนำไปโกงกินได้
(ฉ) ข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ร่วมใจกันตรวจสอบการใช้อำนาจของนักการเมืองในระบอบทักษิณ โดยนำข้อมูลข้อเท็จจริงของการกระทำไม่ถูกต้องเผยแพร่ในทางลับกับสื่อมวลชน และอาจไม่ร่วมมือปฏิบัติงานที่ไม่ถูกต้อง และหากจำเป็นก็ต้องลาหยุดงาน
(ช) ไม่ร่วมมือเป็นลูกค้าหรือทำธุรกิจกับบริษัทสิงคโปร์ ไม่สนับสนุนสินค้า บริการ ของสิงคโปร์ อาทิ เช่น บริษัทธุรกิจทัวร์ อาจจะพิจารณาร่วมมือกันบอยคอตประเทศสิงคโปร์ โดยไม่จัดทัวร์ไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์
(ซ) ผู้โดยสารรถแท็กซี่ หากเห็นว่าแท็กซี่คันใดพยายามชวนพูดคุยโดนหว่านล้อมให้เชียร์ทักษิณ ซึ่งมีการทำกันเป็นขบวนการ ก็ควรจะแสดงออกให้คนขับแท็กซี่ได้เห็นว่า ตนไม่ใช่พวกที่ใครจะมาปั่นหัว โดยการขอให้หยุดรถ และขอลงจากรถในทันที (จ่ายเงินค่าแท็กซี่) เพื่อประท้วง และไม่อุดหนุนขบวนการรับจ้างเชียร์ โดยเฉพาะแท็กซี่ที่มีสังกัดองค์กรที่ถูกควบคุม
๓) การประท้วงโดยเข้าไปขวางการใช้อำนาจโดยตรง
เป็นการใช้สันติวิธีที่ผู้ตัดสินใจจะแสดงออก ต้องพร้อมรับผลของการขัดขืนต่ออำนาจที่ตามมา เช่น มีโทษตามกฎหมาย หรือต้องเสียค่าปรับ เป็นต้น ตัวอย่างเช่น
(ก) การกีดขวางการจราจร ารเดินขบวนไปบนท้องถนน การปิดประตูทำเนียบรัฐบาล การกีดขวางประตูสถานที่ราชการ เพื่อมิให้ปฏิบัติงานรับใช้ระบอบทักษิณ
(ข) การที่ประชาชนผู้เสียภาษีพร้อมใจกัน เลื่อนการชำระภาษีเงินได้ออกไป จนกว่านายกรัฐมนตรีจะลาออก เพราะไม่ต้องการให้ผู้บกพร่องทางจริยธรรมเอาเงินภาษีไปหาเสียง
(ค) การเอาตัวเข้าไปขวางรถถังที่เคยเกิดขึ้นในประเทศจีน ก็จัดอยู่ในแนวทางนี้เช่นกัน
สันติวิธีบางอย่างในกลุ่มสุดท้ายนี้ จึงเป็นสันติวิธีที่มีดีกรีแรง จึงไม่แนะนำ แต่เสนอไว้ให้ประกอบการพิจารณา
ท้ายที่สุดแล้ว การจะเลือกใช้สันติวิธีรูปแบบใด ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเลือกของแต่ละบุคคล ที่จะต้องร่วมกันสื่อความหมายให้สังคมได้รู้ด้วยว่า เป็นการแสดงออกถึงจุดยืนอย่างไร
ขอให้เราร่วมกันยึดมั่นในสันติวิธี
อย่าให้ความเลวร้ายของระบอบทักษิณ ทำให้เราไขว้เขวออกจากเส้นทางธรรม