การกระทำใดๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งการปกครองประเทศ โดยวิธีการที่ไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เป็นไปตามมาตรา 65 ของรัฐธรรมนูญ เช่น ไม่ไปทำงาน การเปิดไฟหน้ารถ ขึ้นป้ายแสดงความไม่พอใจ ติดหัวใจแดงหัวใจขาว

นพ. สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า เชื่อว่ามีประชาชนที่เป็นพลังเงียบเป็นจำนวนมากต้องการเห็นบ้านเมืองสงบสุข เป็นไปตามกติกา รัฐบาลพยายามเองก็หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าที่สุด เมื่อมีผู้สื่อข่าวถามถามย้ำว่า การพูดเช่นนี้จะเป็นการเสี้ยมให้คนมาชนกันหรือไม่

นพ. สุรพงษ์ตอบว่า ผู้ที่ใช้คำว่าเสี้ยมแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการให้ผู้ที่มีความเห็นต่างได้แสดงออก ขณะที่ตลอดเวลาที่ผ่านมารัฐบาลปล่อยให้คนเห็นต่างได้แสดงออกตลอดเวลา แต่มาคราวนี้รัฐบาลต้องการเปิดโอกาสให้พลังเงียบได้แสดงความเห็นบ้าง คนที่ใช้คำว่าเสี้ยมแสดงว่า ไม่มีจิตใจประชาธิปไตย

ส่วนการที่กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศว่า หากนายกฯ ไม่ลาออกจากตำแหน่งจะไม่ยุติการชุมนุม ตามมาตรา 215 ของรัฐธรรมนูญ ระบุว่า สถานภาพของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตั้งแต่มีการประกาศยุบสภาแล้ว แต่ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีครม.ชุดใหม่ ดังนั้นข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมที่ให้นายกฯ ลาออก จึงถือว่าเลยจุดไปแล้ว เพราะขณะนี้ถือว่านายกฯ พ้นจากตำแหน่งไปแล้วส่วนรูปธรรมการการปฏิรูปการเมืองให้รอฟังการปราศรัย ที่สนามหลวง ในวันที่ 3 มี.ค.นี้

สำหรับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 5 มี.ค. รัฐบาลได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ แต่อยากตั้งข้อสังเกตถึงผู้นำการชุมนุมว่า ควรประกาศแนวทางและแผนการชุมนุมให้ชัดเจนเพื่อความสะดวกในการรักษาความปลอดภัย เพราะมีกระแสข่าวว่าจะมีการเคลื่อนขบวนไปยังถนนราชดำเนิน

นพ. สุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ถ้าผู้ชุมนุมเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญด้วยการชุมนุมอย่างสงบ ยึดหลักสันติ และไม่กระทำการใดๆ ที่อาจกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่น อย่างไรก็ตามไม่เชื่อว่าผู้นำการชุมนุมทั้ง 5 คนจะตัดสินใจกระทำการตามข่าวลือ นอกจากนี้รัฐบาลขอให้คำมั่นว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงเข้าปราบปราม ไม่ใช้กำลังทหาร และไม่มีการล้อมรั้วลวดหนาม