ประชาไท - 2 มี.ค.49 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อาทิ นาย
ส่วนประเด็นที่ห่วงว่าการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ จะเป็นเงื่อนไขให้เกิดรัฐประหารนั้น ขอยืนยันว่าการเคลื่อนขบวนประชาชนไปยังที่ใดจะทำอย่างรัดกุมไม่ให้สุ่มเสี่ยงเกิดกลียุค แต่หากว่านายกฯ ลาออกก่อนวันที่ 5 มี.ค. เวทีจะมีต่อไปโดยเป็นการให้ข้อมูลเรื่องการปฏิรูปการเมืองรอบสอง
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงกรณีที่เสนอให้ใช้มาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญเพื่อผ่าทางตัน พันธมิตรฯ เห็นว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่ถึงทางตันที่ต้องใช้ เพียงแต่พ.ต.ท.ทักษิณ เสียสละตัวเองยอมลาออกจากตำแหน่งทุกอย่างก็จะคลี่คลาย แต่หากสถานการณ์เข้าสู่ทางตันเกิดรัฐประหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะต้องตกเป็นจำเลยสังคมที่เป็นตัวพาสถานการณ์เข้าสู่ทางตันจะโทษผู้ชุมนุมไม่ได้
ส่วนการชุมนุมของรัฐบาลในวันที่ 3 มี.ค.นั้น นาย
นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า สำหรับกลุ่มองค์กรประชาชนจากต่างจังหวัดที่จะเดินทางมาร่วมชุมนุมในวันที่ 5 มี.ค.นั้นขอให้แจ้งกับทางพันธมิตรก่อนเพื่อจะได้เตรียมการอำนวยความสะดวกและเตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยติดต่อได้ที่ศูนย์ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หมายเลขโทรศัพท์ 02-691-1216
ด้านนาย
แหล่งข่าวแกนนำพันธมิตรฯ เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งนี้กรรมการบางส่วนเสนอให้ใช้มาตรการเคลื่อนไหวแบบกดดันถึงตัวพ.ต.ท.ทักษิณ โดยเสนอให้แบ่งกำลังประชาชนออกเป็น 3 ฝ่าย เคลื่อนขบวนไปยังทุกที่ที่คาดว่านายกฯ จะอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านจันทร์ส่องหล้า ทำเนียบรัฐบาล หรือที่ทำการพรรคไทยรักไทย
ในวันเดียวกันนี้ นพ.
น.พ.เหวง กล่าวว่า ทางสมาพันธ์ฯ เสนอทางออกโดยให้นายกฯ ลาออกและประกาศยุติบทบาททางการเมือง และให้ทุกพรรคการเมืองให้คำมั่นสัญญาว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 313 เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้สมาพันธ์ฯ ยืนยันการต่อต้านรัฐประหารทุกวิธีการที่จะเป็นปัจจัยไปสู่การรัฐประหาร ไม่ว่าจะเป็นไปอย่างเสียเลือดเนื้อ รัฐประหารเงียบ รวมทั้งการชุมนุมของกลุ่มบุคคล หากมีการเคลื่อนไหวที่จะเป็นเงื่อนไขให้ทหารใช้เหตุผลรัฐประหาร สมาพันธ์ฯ จะถอนตัวจากเครือข่ายพันธมิตรประชาชนฯ
อนึ่ง ในวันที่ 3 มี.ค. แกนนำพันธมิตรฯทั้ง 5 คน จะประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดจุดยืนของการชุมนุมในวันที่ 5 มี.ค. และจะแถลงต่อสื่อมวลชนเวลา 13.00 น. ส่วนวันที่ 4 มี.ค.จะมีประชุมกรรมการพันธมิตรฯชุดใหญ่ 22 คนเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมเป็นครั้งสุดท้าย โดยจะแถลงข่าวเวลา 13.00 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว
นอกจากนี้นาย
ทั้งนี้ เหตุผล 10 ประการ มีเรื่องการขายประเทศ โกงภาษี หลบเลี่ยงกม. กรณีการขายหุ้นชินคอร์ป, การแทรกแซงองค์กรอิสระ, การแปรรูปรัฐวิสาหกิจกรณีปตท.และกฟผ.เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มและบริวารใกล้ชิด, การแทรกแซงสื่อ กรณีไอทีวี ซื้อหุ้นมติชน วิทยุชุมชน และกสช., การละเมิดสิทธิมนุษยชนและปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ การหายตัวไปของทนายสมชาย นีละไพจิตร และฆ่าตัดตอนยาเสพติด, การตั้งรัฐอิสระเปิดเสรีกรณีเขตเศรษฐกิจพิเศษ, การปฏิรูปการศึกษาที่ล้มเหลวและการถ่ายโอนการศึกษา การแปรรูปมหาวิทยาลัย, ปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายประชานิยม และความล้มเหลวในการจัดการทรัพยากร เช่น การปฏิรูปที่ดิน โครงการใหญ่ละเมิดสิทธิชุมชน
เครือข่ายพันธมิตรฯ ยังมีข้อเสนอในประเด็นการปฏิรูปการเมืองรอบสอง โดยศึกษาจุดอ่อนและข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบันว่า มีปัญหาในจุดไหน และจะแก้ไขอย่างไร
นายวิฑูรย์ กล่าวว่า เพื่อให้การปฏิรูปการเมืองครั้งนี้แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนรากหญ้าอย่างแท้จริง พบว่ามี 3 ประเด็นใหญ่ คือ ประเด็นแรก ขบวนการตรวจสอบ ลงโทษ รัฐบาลที่ไม่บริหารประเทศตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ ประเด็นมีนักวิชาการกลุ่มหนึ่งคอยติดตามและมีข้อเสนอว่าในมุมของภาคประชาชนต้องเข้าไปมีส่วนร่วมได้โดยตรง
ประเด็นที่สอง การเข้ามาบริหารประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น การแปรรูปฯ การเปิดเสรีขนานใหญ่ ซึ่งมีผลต่ออธิปไตยของประเทศโดยเฉพาะการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐธรรมนูญ ปี 2540 ไม่ได้ระบุไว้ให้ชัดเจน ประเด็นนี้ต้องกำหนดลงไปให้ชัดว่าการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศใดๆ ก็ตามต้องผ่านกระบวนการทางรัฐสภา
ประเด็นสุดท้าย โครงสร้างการจัดการทรัพยากรและสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ถึงแม้รัฐธรรมนูญฉบับที่แล้วจะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากร แต่ความเป็นจริงกลับถอยหลังเข้าครอง มีปัญหาสิทธิที่ดินทำกิน แย่งชิงทรัพยากร ป่าชุมชน เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด
จาก เว็บไซต์ผู้จัดการ