แกนนำพันธมิตรย้ำ 5 มี.ค.นายกฯ ไม่ออกไม่เลิก

ประชาไท - 2 มี.ค.49        แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อาทิ นายสมศักดิ์ โกสัยสุข นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา นายปานเทพ วงศ์พัวพัน และนายนิติรัตน์ ทรัพย์สมบูรณ์ ได้ประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมวันที่ 5 มี.ค. โดยนายสุริยะใส ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ระบุภายหลังประชุมว่า หากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังไม่ลาออกจากตำแหน่ง พันธมิตรมีมติไม่เจรจาต่อรองใดๆ จะปักหลักชุมนุมไม่หยุดพักจนกว่านายกฯ จะลาออก

         

ส่วนประเด็นที่ห่วงว่าการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ จะเป็นเงื่อนไขให้เกิดรัฐประหารนั้น ขอยืนยันว่าการเคลื่อนขบวนประชาชนไปยังที่ใดจะทำอย่างรัดกุมไม่ให้สุ่มเสี่ยงเกิดกลียุค แต่หากว่านายกฯ ลาออกก่อนวันที่ 5 มี.ค. เวทีจะมีต่อไปโดยเป็นการให้ข้อมูลเรื่องการปฏิรูปการเมืองรอบสอง

 

นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงกรณีที่เสนอให้ใช้มาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญเพื่อผ่าทางตัน พันธมิตรฯ เห็นว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่ถึงทางตันที่ต้องใช้ เพียงแต่พ.ต.ท.ทักษิณ เสียสละตัวเองยอมลาออกจากตำแหน่งทุกอย่างก็จะคลี่คลาย แต่หากสถานการณ์เข้าสู่ทางตันเกิดรัฐประหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะต้องตกเป็นจำเลยสังคมที่เป็นตัวพาสถานการณ์เข้าสู่ทางตันจะโทษผู้ชุมนุมไม่ได้

 

ส่วนการชุมนุมของรัฐบาลในวันที่ 3 มี.ค.นั้น นายสุริยะใส มองว่า ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่จะเป็นประชาชนที่หัวคะแนนพรรคไทยรักไทยจัดเกณฑ์มา และทราบว่านายยงยุทธ ติยะไพรัช รักษาการรมว.กระทรวงทรัพยากรฯ กำลังเตรียมกำลังคนเข้ามาฟังนายกฯ ปราศรัยด้วย จึงอยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้ามาตรวจสอบว่าเข้าข่ายเอางบของรัฐมาใช้เพื่อประโยชน์ของพรรคไทยรักไทยหรือไม่

 

นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า สำหรับกลุ่มองค์กรประชาชนจากต่างจังหวัดที่จะเดินทางมาร่วมชุมนุมในวันที่ 5 มี.ค.นั้นขอให้แจ้งกับทางพันธมิตรก่อนเพื่อจะได้เตรียมการอำนวยความสะดวกและเตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยติดต่อได้ที่ศูนย์ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หมายเลขโทรศัพท์ 02-691-1216

 

ด้านนายสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในคณะกรรมการผู้ตัดสินใจสูงสุดของพันธมิตรประชาชนฯ กล่าวว่า เรื่องการถอนตัวของสมาพันธ์ประชาธิปไตยคงเป็นเรื่องการสื่อสารที่เข้าใจผิด เพราะเรายืนยันว่าจะไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง พร้อมกับไม่ต้องการให้มีผู้ที่ฉกฉวยประโยชน์จากการชุมนุมของประชาชนเพื่อเข้าสู่อำนาจด้วยวิธีนอกเหนือรัฐธรรมนูญ

 

แหล่งข่าวแกนนำพันธมิตรฯ เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งนี้กรรมการบางส่วนเสนอให้ใช้มาตรการเคลื่อนไหวแบบกดดันถึงตัวพ.ต.ท.ทักษิณ โดยเสนอให้แบ่งกำลังประชาชนออกเป็น 3 ฝ่าย เคลื่อนขบวนไปยังทุกที่ที่คาดว่านายกฯ จะอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านจันทร์ส่องหล้า ทำเนียบรัฐบาล หรือที่ทำการพรรคไทยรักไทย

 

ในวันเดียวกันนี้ นพ.เหวง โตจิราการ ประธานสมาพันธ์ประชาธิปไตย นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ ที่ปรึกษาสมาพันธ์ประชาธิปไตย นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ร่วมแถลงข่าวคัดค้านการทำรัฐประหารและการรบกวนเบื้องพระยุคลบาท

 

น.พ.เหวง กล่าวว่า ทางสมาพันธ์ฯ เสนอทางออกโดยให้นายกฯ ลาออกและประกาศยุติบทบาททางการเมือง และให้ทุกพรรคการเมืองให้คำมั่นสัญญาว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 313 เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้สมาพันธ์ฯ ยืนยันการต่อต้านรัฐประหารทุกวิธีการที่จะเป็นปัจจัยไปสู่การรัฐประหาร ไม่ว่าจะเป็นไปอย่างเสียเลือดเนื้อ รัฐประหารเงียบ รวมทั้งการชุมนุมของกลุ่มบุคคล หากมีการเคลื่อนไหวที่จะเป็นเงื่อนไขให้ทหารใช้เหตุผลรัฐประหาร สมาพันธ์ฯ จะถอนตัวจากเครือข่ายพันธมิตรประชาชนฯ

 

อนึ่ง ในวันที่ 3 มี.ค. แกนนำพันธมิตรฯทั้ง 5 คน จะประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดจุดยืนของการชุมนุมในวันที่ 5 มี.ค. และจะแถลงต่อสื่อมวลชนเวลา 13.00 น. ส่วนวันที่ 4 มี.ค.จะมีประชุมกรรมการพันธมิตรฯชุดใหญ่ 22 คนเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมเป็นครั้งสุดท้าย โดยจะแถลงข่าวเวลา 13.00 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว

 

นอกจากนี้นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผอ.องค์การความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาไทย (ไบโอไทย) หนึ่งในเครือข่ายพันธมิตรประชาชนฯ เปิดเผยว่า นอกจากการเดินสายเชื่อมโยงระดมกำลังจากต่างจังหวัดของกลุ่มเครือข่ายพันธมิตรฯ ต่างๆ เพื่อมาชุมนุมที่ท้องสนามหลวงแล้ว ยังจะจัดเวทีวิชาการให้ความรู้แก่ประชาชน ในประเด็น "เหตุผล 10 ประการ ระบอบทักษิณ สิ้นความชอบธรรม" ในวันที่ 4 มี.ค.ที่หอประชุมเล็ก ม.ธรรมศาสตร์  เวลา 08.30 น.-12.00 น.

 

ทั้งนี้ เหตุผล 10 ประการ มีเรื่องการขายประเทศ โกงภาษี หลบเลี่ยงกม. กรณีการขายหุ้นชินคอร์ป, การแทรกแซงองค์กรอิสระ, การแปรรูปรัฐวิสาหกิจกรณีปตท.และกฟผ.เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มและบริวารใกล้ชิด, การแทรกแซงสื่อ กรณีไอทีวี ซื้อหุ้นมติชน วิทยุชุมชน และกสช., การละเมิดสิทธิมนุษยชนและปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ การหายตัวไปของทนายสมชาย นีละไพจิตร และฆ่าตัดตอนยาเสพติด, การตั้งรัฐอิสระเปิดเสรีกรณีเขตเศรษฐกิจพิเศษ, การปฏิรูปการศึกษาที่ล้มเหลวและการถ่ายโอนการศึกษา การแปรรูปมหาวิทยาลัย, ปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายประชานิยม และความล้มเหลวในการจัดการทรัพยากร เช่น การปฏิรูปที่ดิน โครงการใหญ่ละเมิดสิทธิชุมชน

        

เครือข่ายพันธมิตรฯ ยังมีข้อเสนอในประเด็นการปฏิรูปการเมืองรอบสอง โดยศึกษาจุดอ่อนและข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญ ฉบับปัจจุบันว่า มีปัญหาในจุดไหน และจะแก้ไขอย่างไร

 

นายวิฑูรย์ กล่าวว่า เพื่อให้การปฏิรูปการเมืองครั้งนี้แก้ไขปัญหาให้กับประชาชนรากหญ้าอย่างแท้จริง พบว่ามี 3 ประเด็นใหญ่ คือ ประเด็นแรก ขบวนการตรวจสอบ ลงโทษ รัฐบาลที่ไม่บริหารประเทศตามเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ ประเด็นมีนักวิชาการกลุ่มหนึ่งคอยติดตามและมีข้อเสนอว่าในมุมของภาคประชาชนต้องเข้าไปมีส่วนร่วมได้โดยตรง

 

ประเด็นที่สอง การเข้ามาบริหารประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น การแปรรูปฯ การเปิดเสรีขนานใหญ่ ซึ่งมีผลต่ออธิปไตยของประเทศโดยเฉพาะการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐธรรมนูญ ปี 2540 ไม่ได้ระบุไว้ให้ชัดเจน ประเด็นนี้ต้องกำหนดลงไปให้ชัดว่าการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศใดๆ ก็ตามต้องผ่านกระบวนการทางรัฐสภา

 

ประเด็นสุดท้าย โครงสร้างการจัดการทรัพยากรและสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ถึงแม้รัฐธรรมนูญฉบับที่แล้วจะให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากร แต่ความเป็นจริงกลับถอยหลังเข้าครอง มีปัญหาสิทธิที่ดินทำกิน แย่งชิงทรัพยากร ป่าชุมชน เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด

 

 

จาก เว็บไซต์ผู้จัดการ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท