Skip to main content
sharethis

ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตรประกาศยุบสภา  แล้ว กกต.ก็ออกมาขานรับและรีบเร่ประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่  2 เมษายน 2549 โดยไม่สนใจการบอยคอตของ 3 พรรคฝ่ายค้านที่ไม่ยอมส่ง ส.ส.ลงสมัครแม้แต่คนเดียว การเมืองจึงตกต่ำและ มาถึงทางตันทันที


             ข้อหาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกพันธมิตรทางการเมืองกล่าวหาก่อนจะยุบสภานั้นมีสำคัญคือ (1) ละเมิดพระราชอำนาจเรื่องคุณหญิงจารุวรรณ (2) ละเมิดสิทธิมนุษยชน (3) ทุจริตคอรัปชั่น (4) ลดค่าสัมปทานโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์ตนเอง (5) ขายเหมืองแร่โปแตชให้กับต่างชาติ (6) ให้ญาติเอาเครื่องบินทหารขนคนไปงานวันเกิดน้องสาวตนเองฟรีๆ (7) การขายไฟฟ้าหรือ กฟผ.เข้าตลาดหลักทรัพย์  และอื่นๆ ที่จารไนไม่หมด แต่ที่สะเทือนใจที่สุดก็คือเรื่อง การออกกฎหมายการขายหุ้นชินคอรป์ให้กับสิงคโปร์ โดยอนุญาตให้ต่างชาติสามารถถือหุ้นจากเดิม 25% เป็น49% พอกฎหมายออกมามีผลวันเดียว  วันรุ่งขึ้นทักษิณก็ขายหุ้นทันทีแถมยังมีหุ้นซุกไว้เกาะเวอร์จิ้น (เกาะฟอกเงิน)  อีก จึงหมดความชอบธรรม ไร้จริยธรรมของผู้นำโดยสิ้นเชิง


               ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณตัดสินใจส่ง ส.ส.ลงสมัครแล้วโดยไม่สนว่าใครจะว่าอย่างไร เท่ากับว่าตอนนี้ประชาชนต้องทนนั่งดูพรรคไทยรักไทยเตะฟุตบอลให้ดูอยู่คนเดียวว  ทั้งๆที่ความจริงนั้นการเมืองไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะอุณหภูมิมันพุ่งสูงจนถึงขีดใกล้จะเกิดจุดระเบิดแล้ว มีการฟ้องศาลปกครองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ผิดกฎหมายเพราะที่ประชุม กกต.ไม่ครบ แถมยังตายไป แล้ว 1 คน


                ก็ไม่ว่า  ทั้ง กกต. และฝ่ายกฎหมายเอาอะไรมาจัดการเลือกตั้งครั้งนี้  เพราะตามรัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้ชัดเจนว่าองค์กรอิสระที่จะจัดการการเลือกตั้งจะต้องมีการตรวจสอบเป็นทอดๆ แต่ตอนนี้ ปปช. ซึ่งเป็นองค์กรที่ต้องคอยกำกับและเอาผิด กกต. ก็ยังไม่มี เพราะดันไปออกระเบียบเพิ่มเงินเดือนให้กับตัวเอง จนถูกศาลปลดออก


 ไปเรียบร้อยนานแล้ว ดังนั้นไม่ว่า กกต.จะทำผิดทำถูกก็ไม่ต้องกลัวใคร  ดังนั้นจึงแปลว่ากรรมการไม่ครบ เท่ากับเตะบอลโดยไม่มีลายแมนแถมไม่มีนกหวีดอีก


            นี่ต้องไม่ลืมว่า กกต.ชุดนี้มีข้อหาเดียวกันกับ ปปช.  คือขึ้นเงินเดือนให้กับตัวเองจนถูกฟ้องเรื่องนี้ไปที่ ปปช. เหมือนกันด้วย  หากมี ปปช. ป่านนี้ก็อาจจะไม่มี กกต. ชุดนี้แล้วก็ได้


             มาลองดูว่าการเลือกตั้งแบบเอาประเทศชาติไป  "เล่นเฮือนน้อย"  ครั้งนี้บ้างว่าจะเป็นอย่างไร เพราะต่อให้ไทยรักไทยได้คะแนนสูงสุดอย่างไรก็ไม่ถึง 500 เสียง ส่วนอีก 54 เสียงของภาคใต้นั้น จะไม่มี ส.ส.ใดได้คะแนนเกิน 20% เลยจึงเท่ากับว่า ไทยรักไทยได้ 446 เสียงก็เปิดสภาไม่ได้ เพราะ กฎหมายบอกชัดว่าจะต้องมี ส.ส. ครบ 500 คนเท่านั้น สภาจึงจะเปิดประชุมได้  หรือถ้าหากครบ 500 เสียง แต่ตามรัฐธรรมนูญนั้นเขียนไว้ชัดว่าต้องมีผู้นำฝ่ายค้าน  เมื่อดูๆไปแล้วการเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นการฟอกตัวของ  พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้นเอง


                ข้อแนะนำสำหรับเครือข่ายประชาธิปไตยขณะนี้ก็คือ  วันที่ 2 เมษายนนี้  ประชาชนที่รักประชาธิปไตยทุกคนจะต้องช่วยกันอธิบายให้คนอื่นๆ ที่ยังไม่รู้ได้ทราบว่าเรามีสิทธิ์ที่จะไม่ลงคะแนนให้ใครก็ได้ หรือถ้าขี้เกียจก็นอนดูทีวีอยู่กับบ้านก็ได้  เพราะมันไม่ผิดกฎหมาย  สิทธิ์เสียไปจะกลับคืนมาเมื่อเราไปเลือก ส.ว. ในวันที่  19 เมษายน 49 การที่เราทำอย่างนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า ประชาชนไม่ได้โง่อย่างที่เขาคิดเพียงแต่เราคือพลังเงียบและต้องแสดงให้เห็นว่าถ้าประชาชนทั้งประเทศใช้สิทธิ์ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์อะไรจะเกิดขึ้น แค่ให้ระวังเรื่องบัตรปลอมมาเป็นหีบๆ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ก็แล้วกัน (อ่านแล้วถ่ายเอกสารส่งต่อด้วยจะได้บุญ)


             อย่าลืม !! รักประชาธิปไตย 2เมษา  ไม่ต้องกาให้ใคร  - - -  เครือข่ายคนรักประชาธิปไตย สกลนคร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net