Skip to main content
sharethis



ประชาไท—24 ก.พ. 2549 สภาอาจารย์ มช.ออกโรงย้ำบทบาทหน้าที่ของมหาวิทยาลัย มิใช่เพียงแค่เป็นกลาง แต่ต้องอยู่เคียงข้างความชอบธรรม เชื่อทักษิณต้องยุบสภา เพราะมั่นใจว่ามีเงิน ดังนั้นภาคประชาชนต้องเดินหน้าเปิดโปงต่อและร่วมกันตั้งพรรคการเมืองภาคประชาชน


 


เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุม ม.ล.ตุ้ย ชุมสาย ณ อยุธยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สภาอาจารย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้จัดประชุมเสวนา เรื่อง "วิกฤติเสรีภาพทางวิชาการต่อสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน" โดยมีคณาจารย์ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นการเมืองที่กำลังดุเดือดกันในขณะนี้


 


รศ.สดศรี เผ่าอินจันทร์ หัวหน้าภาคการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า เมื่อพูดถึงเรื่องความเป็นกลาง คือความไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่ถ้ามองแง่ความเป็นกลางของสื่อสารมวลชน ซึ่งอาจารย์ท่านหนึ่งของ ม.ธรรมศาสตร์ ได้กล่าวไว้ว่า ความเป็นกลาง คือหลุมหลบภัยของคนขี้ขลาดเท่านั้น เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เพียงแต่เราต้องมีความเป็นกลางเท่านั้น แต่เราจะต้องสร้างความเป็นธรรมด้วย


 


"แท้จริงแล้ว มหาวิทยาลัย มีบทบาทหน้าที่อยู่ 4 หน้าที่ คือ หนึ่ง จัดการศึกษา สอง ทำงานวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ สาม บริการชุมชน และสี่ ทำนุบำรุงรักษาศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เป็นอาจารย์ที่มีหน้าที่เพียงแค่สอนๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ทางมหาวิทยาลัยจะต้องมีการปฏิรูประบบการศึกษา ปฏิรูปองค์กรสื่อ ซึ่งทางสภาการหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยนั้นก้าวหน้าไปแล้ว ที่มีการทำสมุดปกขาวออกมาเสนอให้สังคมรับรู้ แต่ตนรู้สึกผิดหวังกับองค์กรสื่อวิทยุโทรทัศน์ที่อ่อนแอมาก ที่ยอมควบคุม ครอบครอง แทรกแซง ทำไมไม่ออกมาวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองกันในขณะนี้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น"


 


รศ.สดศรี ยังได้กล่าวถึง รายการนายกรัฐมนตรีพบประชาชน อีกว่า รายการดังกล่าว ไม่ใช่การประชาสัมพันธ์ แต่เป็นโฆษณาชวนเชื่อ ที่ออกมาพูดเพียงคนเดียว


 


ด้าน นายไพสิฐ พาณิชย์กุล อาจารย์ประจำสาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ทำอย่างไรจึงจะให้ชาวบ้านได้เข้าถึงการรับรู้กระบวนการของระบบกฎหมายให้ง่ายขึ้น ทำอย่างไรจึงจะให้ชาวบ้านได้ออกมาตั้งคำถามกับระบบการเรียนในมหาวิทยาลัย ให้ออกมาตอบสนองชาวบ้านได้อย่างแท้จริง


 


"ดังนั้น ทุกฝ่ายจะต้องทลายรั้วมหาวิทยาลัยเพื่อขยายผลออกไปสู่ชุมชน ร่วมกันสร้างองค์วิชาการให้เป็นตัวสั่งสมกระบวนการให้ไปถึงประชาชนได้เกิดการตื่นตัว และรู้เท่าทันข่าวส่วนใหญ่ที่ออกมานำเสนอซึ่งมีการบิดเบือน"


 


ในขณะที่ รศ.ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า และอยากให้ร่วมกันผลักดันให้มีการปฏิรูประบบมหาวิทยาลัยกันให้มากกว่านี้ เนื่องจากว่า ประเทศไทยเรายังมีปัญหาทางโครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรมอีกมาก ซึ่งเมื่อวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคงเลือกที่จะยุบสภา เพราะแกมั่นใจว่าต้องกลับมาใหม่ได้ เพราะแกมีเงิน ดังนั้น ถ้ามีการยุบสภา ขบวนการประชาชนคงจะต้องเดินหน้าเพื่อเปิดโปงปัญหาต่างๆ กันต่อไป และในอนาคต ตนอยากเห็นขบวนการประชาชน ได้รวมกันตั้งพรรคการเมืองเพื่อเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง


 


ทั้งนี้ ขณะที่มีการเสวนากันอยู่นั้น ได้มีนักเรียนระดับชั้นมัธยมจากสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่คนหนึ่ง ได้ลุกขึ้นตั้งคำถาม ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีอาจไม่รับฟังข้อเสนอของประชาชนที่ให้ออกจากตำแหน่ง เพราะเคยอ้างว่า ต้องให้ในหลวงกระซิบข้างหูรับสั่งให้ออกเท่านั้น แล้วเราจะทำอย่างไร


 


ซึ่ง รศ.สดศรี ได้ตอบว่า การที่นายกฯทักษิณออกมาพูดเช่นนั้น ถือว่าเป็นการอาจเอื้อม มิบังควรอย่างยิ่ง ซึ่งลูกๆ หลานๆ ที่เป็นนักเรียนอย่าไปเอามาเป็นเยี่ยงอย่าง


 


อย่างไรก็ตาม ทางตัวแทนสภาอาจารย์ มช.ได้กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า จุดยืนของสภาอาจารย์ มช.ไม่ใช่เราต้องอยู่ตรงกลางเท่านั้น แต่เราจะอยู่ตรงไหนที่มีความเป็นธรรมมากที่สุด เพราะมหาวิทยาลัยมีหน้าที่รับใช้สังคม รับใช้ประชาชน


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net