Skip to main content
sharethis


เครือข่ายพิทักษ์เจตนารมณ์เดือนตุลา ออกแถลงการณ์เรียกร้องครั้งสุดท้ายให้เพื่อนเดือนตุลาทั้งหลายถอนตัวออกจากการรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยันแม้วหมดความชอบธรรม และปลุกประชาชนลุกขึ้นสู่หวนสู่เจตนารมณ์เดือนตุลา

 


ทั้งนี้แถลงการณ์ของคนที่ร่วมต่อสู่ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 ที่ใช้ชื่อว่า "เครือข่ายพิทักษ์เจตนารมณ์เดือนตุลา" ระบุว่า ตั้งแต่สมัยแรกของการเข้ารับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ได้พร่ำบอกแก่ประชาชนชาวไทย ว่าจะยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตย จะปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และประชาชน จะแก้ปัญหาประเทศชาติด้วยการให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง เคารพสิทธิ เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ยึดมั่นในประชาธิปไตยและจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น


 


แต่ตลอดเวลาที่เขาเข้ามาครองอำนาจในฐานะผู้นำรัฐบาลสองครั้ง กลับดำเนินการในสิ่งที่ตรงข้ามกับคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับประชาชน เริ่มตั้งแต่การเข้าครอบครองสื่อมวลชนด้วยวิธีการต่างๆโดยใช้อำนาจเงินและอำนาจรัฐเข้าดำเนินการ ปิดกั้น ริดรอนจำกัดการเสนอข่าวสาร สื่อมวลชน วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ไม่มีอิสระเสรีภาพในการเสนอข่าวสาร นักสื่อสารมวลชนที่ได้แสดงความคิดเห็นแตกต่างจากเขา หรือวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเขาจะถูกไล่ต้อน ไม่มีพื้นที่ให้ยืน เช่นเดียวกับองค์กรภาคประชาชนต่างๆได้ถูกจำกัดเวทีการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาทั้งของประเทศชาติและแม้แต่ของปัญหาประชาชนเอง


 


ได้เข้ายึดครองครอบงำองค์กรตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ กลไกรัฐทุกองคาพยพและแม้แต่รัฐสภา ก็ไม่อาจทำหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดได้อย่างอิสระ การดำเนินการดังกล่าวได้พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ประชาธิปไตยในความหมายของเขา ก็คือ การยอมให้ประชาชนใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง หลังจากนั้นก็หมดสิทธิและหน้าที่ รอเพียงให้เขาดำเนินนโยบายตามอำเภอใจ


 


นโยบายประชานิยมของเขาไม่ได้ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นตามที่แอบอ้าง แต่กลับทำให้ประชาชนต้องยากจนลง ในขณะที่ผลประโยชน์ทั้งหลายทั้งปวง ตกได้และสร้างความร่ำรวยให้แก่ธุรกิจของเขาและกลุ่มทุนที่รายล้อม การใช้อำนาจบริหารในการเสนอกฎหมายของเขา ทำให้ประเทศชาติและประชาชนต้องสูญเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล ทั้งๆที่รัฐได้ให้สิทธิประโยชน์แก่ธุรกิจของเขา ทั้งสัมปทาน ทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษี และอื่นๆ แม้กระทั่งวงโคจรดาวเทียมซึ่งเป็นผลประโยชน์สาธารณะของชาติ แต่เกลับนำมันมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหุ้นในบริษัทของเขาและครอบครัว และในที่สุดก็ขายมันออกไปนำมาซึ่งผลกำไรมหาศาลแก่เขาและครอบครัวโดยไม่ต้องเสียภาษีหรือผลประโยชน์แก่รัฐแม้แต่บาทเดียว


 


โดยแถลงการณ์ได้ย้ำว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ดำเนินการเช่นนี้ได้ ก็ด้วยอาศัยกลุ่มนักการเมืองที่แวดล้อม ข้าราชการที่ไม่รักศักดิ์ศรี และกลุ่มทุนต่างชาติที่ละโมบ ซึ่งในจำนวนนั้น มีคนที่เคยเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยในเหตุการณ์ เดือนตุลาคมทั้งสองเหตุการณ์ในอดีตร่วมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง


 


กลุ่มคนเดือนตุลาเหล่านั้น ได้อาศัยชื่อเสียงเกียรติภูมิและบทบาทในการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยอันยิ่งใหญ่ของประชาชนในเดือนตุลาโดยรวม มารองรับการไต่เต้าทางการเมืองของพวกเขา ละทิ้งจุดยืนเดิมด้วยการไปยืนเคียงข้างผู้มีการกระทำที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไปเป็นมือเป็นเท้า เป็นสมอง ไปคิดและทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งดีงามที่เคยทำมาในอดีต ที่วีรชนประชาชนเดือนตุลาคมได้ยอมสละเลือดเนื้อชีวิตเข้าต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิประชาธิปไตยที่แท้จริงของประชาชน มิหนำซ้ำยังบิดเบือนเจตนารมณ์เดือนตุลาไปสู่หนทางมืดดำ อ้างประชาธิปไตยอย่างข้างๆคูๆ ให้มีความหมายอย่างแคบ เพื่อปิดกั้นการแสดงออกของประชาชนในทุกทาง


 


การกระทำเช่นนี้นำความอดสูมาสู่พวกเราผู้ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 เป็นการทำลายเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของจิตวิญาณตุลาคม ด้วยแอบอ้างความเป็นคนเดือนตุลาไปรับใช้อำนาจเผด็จการ


 


ทั้งนี้แถลงการณ์ฉบับนี้ยังเรียกร้องให้ อดีตคนเดือนตุลาถอนตัวออกจากการทำงานให้รัฐบาล โดยระบุว่า


 


"เราจึงขอเรียกร้องเป็นครั้งสุดท้าย ในฐานะที่เคยมีจุดยืนเดียวกัน ขอให้อดีตคนเดือนตุลาเหล่านั้นถอยห่างจากการกระทำทั้งปวงของการเป็นมือเท้าให้กับผู้นำที่มีการกระทำอันเป็นเผด็จการ ซึ่งไม่เคารพสิทธิ เสรีภาพและประชาธิปไตยของประชาชนเสียเดี๋ยวนี้ และหันมาร่วมกับประชาชนเพื่อฟื้นฟูสิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย ให้กับประชาชนไทยเหมือนอย่างที่เคยกระทำมา และขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจที่รักชาติ รักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรม ขอจงร่วมกันพิทักษ์สิทธิ เสรีภาพ รวมตลอดถึงผลประโยชน์ของชาติและทรัพยากรอันมีค่าของชาติ ตามเจตนารมณ์เดือนตุลา ที่ได้เคยสร้างคุณูปการ เช่นนี้ไว้แก่ประเทศของเรา


 


"เราเห็นร่วมกันว่า บัดนี้พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ได้หมดความชอบธรรม ในการเป็นนายกรัฐมนตรี นับแต่วันที่เขามีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่กับนโยบายของรัฐบาลที่เอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของเขา และมันได้เผยธาตุแท้อย่างแจ่มชัด เมื่อเขาได้ขายหุ้นในธุรกิจของเขาและครอบครัวให้แก่ต่างชาติ ซึ่งในนั้นมีทรัพย์สมบัติของประเทศรวมอยู่ด้วย


 


"ถึงเวลาแล้วที่เรา จะต้องพิทักษ์ดอกผลของการต่อสู้ตามเจตนารมณ์เดือนตุลา โดยไม่ให้ผู้ใดมาบิดเบือนนำผลพวงของการต่อสู้เดือนตุลาไปหาประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง เราหวังว่าแถลงการณ์นี้จะทำให้ผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย รักความถูกต้องเป็นธรรมทั้งหลาย รวมทั้งผู้คนที่เคยต่อสู้ร่วมกันในนาม เจตนารมณ์เดือนตุลา จะลุกขึ้นมาอีกครั้ง และจะร่วมกันต่อสู้ เรียกร้อง อย่างหยัดยืนทรนง ร่วมกันแสดงออกในทุกๆทางด้วยการไม่ยินยอมให้เสรีภาพ ประชาธิปไตย ที่เราและประชาชนแลกมาด้วยเลือดเนื้อ ชีวิตของวีรชนเดือนตุลา ต้องถูกทำลายลงไปด้วยน้ำมือของผู้นำรัฐบาลที่ขาดความชอบธรรมเช่นนี้" แถลงการณ์ระบุ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net