ประชาไท - 31 ม.ค.49 ที่โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ นาย
นายพินิจ กล่าวว่า ในปี 2549 รัฐบาลได้จัดงบประมาณเพื่อการป้องกันเอดส์ ซึ่งรวมถึงการวิจัยและพัฒนาวัคซีนด้วย รวม 573 ล้านบาท การใช้วัคซีนเอดส์เป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยประหยัดงบประมาณจำนวนมหาศาลของประเทศชาติ ในการป้องกันและรักษาพยาบาลผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ แต่เนื่องจากสายพันธุ์เชื้อเอช ไอ วี ที่พบในประเทศไทยนั้น และกว่าร้อยละ 90 เป็นสายพันธุ์อี ซึ่งพบน้อยมากเพียงร้อยละ 3 ของสายพันธุ์ที่ระบาดทั่วโลก ดังนั้น ประเทศไทยจึงต้องดำเนินการวิจัยและพัฒนาวัคซีนเอดส์ที่เหมาะสมสำหรับใช้กับสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในไทยเอง
จากการประชุมร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทยกับนาย
นายพินิจ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดในโลก ประสบความสำเร็จในการวิจัยวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ โครงการศึกษาวัคซีนเอดส์ทดลองของไทย นับว่ามีความก้าวหน้ามากที่สุดในโลก โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาในคน ระยะที่ 3 คือการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนเอดส์ทดลองในภาคสนาม ว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อเอช ไอ วี หรือชะลออาการ หรือลดความรุนแรงของโรคเอดส์ได้เพียงใด ซึ่งเป็นตำตอบก้าวสุดท้ายของการวิจัย โดยใช้อาสาสมัครจำนวนมากถึง 16,400 คน และติดตามผลเป็นระยะๆ ไปจนครบ 3 ปี คาดว่าในปี พ.ศ. 2552 ไทยจะประสบความสำเร็จเรื่องวัคซีนเอดส์ และจะเป็นข่าวดีที่สุดของคนไทยอย่างแน่นอน
ด้านนายแพทย์
ทั้งนี้ วัคซีนป้องกันโรคเอดส์ที่กำลังศึกษาอยู่ จะแตกต่างกับยาต้านไวรัสเอดส์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ตรงที่ยาต้านไวรัส จะออกฤทธิ์ทำลายเชื้อเอช ไอ วี หลังจากที่ติดเชื้อหรือเกิดโรคแล้ว ส่วนวัคซีนเอดส์จะออกฤทธิ์กระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกาย เพื่อป้องกันไม่ให้ติดเชื้อหรือไม่ให้เกิดโรค ซึ่งในการศึกษาวัคซีนเอดส์ทดลองระยะที่ 3 นี้ วัคซีนที่ใช้ ถือได้ว่ามีความปลอดภัยมากที่สุด ที่สำคัญคือไม่ได้นำเอาเชื้อเอดส์ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของเชื้อเอดส์ มาทำเป็นวัคซีน ดังนั้น อาสาสมัครของโครงการจึงไม่ติดเชื้อเอดส์จากวัคซีนนี้อย่างแน่นอน และตลอดระยะเวลาดำเนินการจะมีคณะกรรมการควบคุมดูแลข้อมูลความปลอดภัยของอาสาสมัคร ทำการเฝ้าระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับอาสาสมัครตลอดเวลา หากพบสัญญาณอันตรายใดๆ จะสั่งระงับการวิจัยทันที ขณะเดียวกัน คณะกรรมการตรวจสอบความปลอดภัยทางข้อมูลนานาชาติ จะเข้ามาร่วมตรวจสอบความปลอดภัยของการทดสอบทุกๆ 3 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลการวิจัยครั้งนี้เป็นไปตามมาตรฐานโลก
ด้านนายแพทย์
นายแพทย์ศุภชัย กล่าวต่อว่า วัคซีนทดลองจะฉีดทั้งหมด 4 ครั้ง รวม 6 เข็ม โดยครั้งที่ 1 และ 2 ฉีดปูพื้น ครั้งที่ 3 และ 4 ฉีดปูพื้นและกระตุ้น อย่างละ 0.5-1 ซี.ซี. เข้ากล้ามเนื้อ อาสาสมัครรายแรกเริ่มฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2546 และขณะนี้ได้ฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 70,000 เข็ม ในอาสาสมัครกว่า 12,000 คน โดยคนสุดท้ายคาดว่าจะฉีดครบในเดือนมิถุนายน 2549 จากการติดตามอาการหลังฉีด พบว่าอาสาสมัครทุกคนสบายดี ไม่มีอาการข้างเคียงร้ายแรง มีเพียงบางรายที่มีอาการไข้ ปวด บวม แดง ร้อน บริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการที่พบได้เหมือนกับผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคชนิดอื่นๆ เช่น วัคซีนบาดทะยัก และอาการจะหายไปเองภายใน 3 วัน โดยอาสาสมัครที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว จะมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิดเป็นระยะทุก 6 เดือน จนครบ 3 ปี ในปี พ.ศ. 2551 หลังจากนั้นจะใช้เวลาวิเคราะห์ข้อมูล ประสิทธิผลของวัคซีน ประมาณ 1 ปี และจะสรุปผลการศึกษาได้ภายในปี พ.ศ.2552
ทั้งนี้ หลังจากที่อาสาสมัครฉีดวัคซีนทดลองเอดส์แล้ว สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ มีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ต้องเป็นเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย เช่น มีการใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการเหล่านี้ พบว่ามีพฤติกรรมเสี่ยงลดลง ทั้งในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ การใช้ยาเสพติด