"ถามหาสำนึกของความเป็นนายกรัฐมนตรี"
ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
---------------------------------------
หลังจากที่พวกเราสมัชชาคนจน มาชุมนุมตากแดด ตากฝนและฝุ่นควันพิษในกรุงเทพฯ เพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาคนจนอยู่ที่บริเวณหน้ารัฐสภาตลอดสองวันสามคืนที่ผ่านมา ปรากฏว่านายกฯทักษิณ ชินวัตรและรัฐบาลนี้ ยังคงเพิกเฉย ไม่เหลียวแล และไม่มีท่าทีว่าจะแสดงความรับผิดชอบต่อพวกเราแต่อย่างใด ล่าสุดเมื่อวานนี้นายกฯตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการแก้ปัญหาของสมัชชาคนจน โดยการตอบอย่างปัดรำคาญว่า
"มาถามผมทำไม ไม่ทราบ ให้ไปถามกระทรวงเกษตรฯ"
พวกเราคนยากคนจนไม่อาจรู้ได้หรอกว่า โดยโครงสร้างการบริหารราชการของบ้านนี้เมืองนี้ ลำพังกระทรวงเกษตรฯจะมาแก้ปัญหาจากทั้งหมด ๗ เครือข่ายของเราได้อย่างไร แต่ในเมื่อนายกฯไม่มีความอดทนพอที่จะคิดแก้ปัญหาให้เราอย่างเป็นเรื่องเป็นราวกว่านี้ เราก็หมดความอดทนแล้วเหมือนกันที่จะนั่งรอเฉยๆอยู่ที่หน้ารัฐสภาอย่างเดิม และตัดสินใจมาดำเนินการไล่เบี้ยให้เกิดการปัญหาด้วยตนเอง ตามแนวทางที่นายกฯเป็นฝ่ายชี้ช่องมา
ตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศเมื่อปี ๒๕๔๔ รัฐบาลนี้ภายใต้การนำของนายกฯทักษิณ ชินวัตรประกาศนโยบายแก้ปัญหาความยากจนเป็นนโยบายสำคัญ และสมัชชาคนจนคือกรณีปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลเคยรับปากว่าจะแก้ไข ทั้งยังได้เคยสร้างภาพที่ยังติดตาติดใจพวกเรามาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยการมาพูดคุยเพื่อจัด
กระบวนการแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
ถึงวันนี้ ภาพที่นายกฯสร้างไว้นั้นหมดความขลังไปแล้ว หากมองในเชิงปริมาณ ลำพังข้อเท็จจริงที่ว่า ตลอดระยะเวลา ๕ ปี รัฐบาลแก้ปัญหาของสมัชชาคนจนได้แค่ ๓ ปัญหา ก็เป็นตัวชี้วัดได้แล้วว่ารัฐบาลมีความตั้งใจเพียงใด
กรณีต่างๆที่มีมติครม.ออกมา ก็เป็นแค่กระบวนการแหกตาเพื่อลดกระแสกดดันเฉพาะหน้า
กรณีเขื่อนสิรินธรก็เป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนหากมองในเชิงคุณภาพ ว่าเป็นกรณีปัญหาเดียว ภายในรัฐบาลเดียว ที่มีมติครม.ถึง ๓ ครั้ง แต่กลับไม่ทำอะไรเลย
หรือการแก้ปัญหาแบบพูดอย่างทำอย่าง ในกรณีเขื่อนราษีไศล ที่มีมติให้เปิดประตูน้ำ เพื่อลดผลกระทบและตรวจสอบพิสูจน์สิทธิ์ แต่ระหว่างที่การพิสูจน์สิทธิ์กำลังดำเนินไป กลับปิดประตูเขื่อนเก็บกักน้ำ จนท่วมที่ดินของชาวบ้าน โดยไม่มีการชดใช้ความเสียหายให้
นอกจากนี้ยังมีการแก้ปัญหาอย่างเอาดีเข้าตัวแบบมักง่าย เช่นในกรณีที่ชาวบ้านมีข้อพิพาทในที่ดินกับรัฐ ก็จะถูกรัฐบาลกวาดต้อนเข้าไปสู่นโยบายประชานิยม ด้วยการผลักให้ชาวบ้านไปลงทะเบียนคนจน เพื่อจะ
เช่าที่สาธารณะ แทนการเรียกร้องสิทธิในที่ดินของตน
เช่นเดียวกัน ขณะที่รัฐบาลเน้นส่งเสริมการลงทุน แต่ไม่สนใจสวัสดิภาพความปลอดภัยของคนงาน
ไม่สนใจร่างพรบ.คุ้มครองสุขภาพและความปลอดภัยในสถานประกอบการที่พี่น้องผู้ป่วยจากการทำงานพยายามผลักดัน
ฯลฯ
จะต้องให้เรากลับมาชุมนุมอีกกี่ครั้ง ปัญหาจึงจะได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เราได้รับแต่คำสัญญาที่ปลอมขึ้นอย่างเป็นทางการด้วยการประทับตรามติครม. รัฐบาลไม่คิดบ้างหรือว่า ยิ่งเราถูกหลอกมากครั้งขึ้นเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเรียนรู้มากขึ้น และฉลาดรู้ทันขึ้น ที่ผ่านมาเราไม่ได้เป็นคนโง่ แต่เรายอมเพราะเราเป็นคนดี แล้วเราก็พบว่าความดีของเราถูกใช้เป็นเครื่องมือ จนถึงวันนี้เราได้เรียนรู้ว่า สำหรับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลแบบนี้ เราไม่สามารถใช้เหตุใช้ผลด้วยได้ มีแต่ต้องใช้สิทธิทางการเมืองเข้าจัดการเท่านั้น
ไม่ว่ามรสุมที่นายกฯกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้จะหนักหนาเพียงใด ก็ไม่ใช่เหตุอ้างที่จะทำให้รัฐบาลไม่แก้ไขปัญหาของคนจน ตราบใดที่ยังไม่ลาออกจากตำแหน่ง ก็ถือว่านายกฯและรัฐบาลนี้ยังต้องรับผิดชอบทำงานตามหน้าที่ที่ยังรับเงินเดือนจากประชาชนอยู่ทุกสิ้นเดือน ไม่มีสิทธิเพิกเฉย ไม่มีสิทธิรำคาญ ไม่มีสิทธิปัดความรับผิดชอบ
ขณะที่นายกฯทักษิณกำลังพยายามทำทุกทางเพื่อรักษาตำแหน่งไว้ แต่สิ่งที่พวกเรากำลัง
ถามหา คือสำนึกของความเป็นนายกรัฐมนตรีที่จะต้องรับผิดชอบต่อเรา !
ด้วยความเชื่อมั่นในพลังประชาชน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)