Skip to main content
sharethis

 


 


  


 


0 0 0


 


 


  


 


0 0 0


 


 


ประชาไท—10 ม.ค. 2549 บรรยากาศจะนะเครียด  ตำรวจ สภอ.จะนะกว่า 30 นาย  ถือปืนยาวเอชเค    มือเหนี่ยวไกยืนประจันหน้ากับเครือข่ายคัดค้านฯโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย  และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ที่หน้าประตูสภ.อ.จะนะ โดยไม่ยอมให้ชาวบ้านเข้าไปทวงถามคดีที่แจ้งความดำเนินคดีกับบริษัททีทีเอ็มในข้อหาบุกรุก  ครอบครองที่ดินสาธารณะสมบัติของชาติ


 


ชาวบ้านจะนะกล่าวว่า พ.ท.ตสมเพียร เอกสมญา  รองสาวัตร สภอ.จะนะ ได้ตะโกนใส่ชาวบ้านว่าไม่มีความรู้และไล่ให้ออกไปจาก สภ.อ.  แต่ชาวบ้านยืนยันจะเข้าไปเพื่อทวงถามความคืบหน้าของคดีกับร.ต.อทวีศัดิ์   ขำผุด พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนและเป็นผู้ที่บอกว่าส่งสำนวนไปยังอัยการแล้ว โดยชาวบ้านยืนยันว่ามีสิทธิ์ทำได้เพราะโรงพักสร้างจากภาษีของชาวบ้าน


 


แต่ พ.ท.ตสมเพียร เถียงว่าว่า "พวกคุณเสียภาษีปีละเท่าไร  ตำรวจเสียภาษีมากกว่าเสียอีก"   จากนั้นเจ้าหน้าตำรวจชื่อกระจ่าง  มณีคง ก็คอยบันทึกภาพกลุ่มเครือข่ายคัดค้านอยู่ตลอดเวลา


 


เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เวลาประมาณ 10.00 น.  วันที่ 9  มกราคม  เครือข่ายคัดค้านฯโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย  และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง  ได้เคลื่อนขบวนออกจากลานหอยเสียบ  อ.จะนะ จ.สงขลา  ไปยังสภ.อ.จะนะ เพื่อเรียกร้องให้ตำรวจออกมาชี้แจงกรณีที่เครือข่ายคัดค้านฯมาทวงถามเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.อ.จะนะบอกว่าส่งสำนวนคดีที่พวกตนฟ้องร้องบริษัททีทีเอ็ม ในข้อหาบุกรุกไปยังอัยการจังหวัดสงขลาแล้ว   


 


แต่เมื่อทางเครือข่ายคัดค้านฯไปตามเรื่องที่อัยการจังหวัดสงขลาและที่ศาลแขวงกลับไม่คดีดังกล่าวตามที่ตำรวจสภ.อ.จะนะกล่าวอ้าง จึงเดินทางมาดังกล่าวโดยมีชาวบ้านจากกลุ่มรักท้องถิ่นบอนอก  ซึ่งคัดค้านโรงไฟฟ้าหินกรูด-บ่อนอก เดินทางมาให้กำลังใจจำนวนมาก


  


เมื่อถึงสภ.อ.จะนะเครือข่ายคัดค้านฯเรียกร้องให้ร.ต.อ.ทวีศักดิ์  ออกมาชี้แจง แต่ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ไม่ยอมออกมา ทางเครือข่ายคัดค้านฯจึงต้องการเข้าไปขอดูสำนวนคดี  แต่รองสาวัตรสภอ.จะนะ  ได้สั่งการให้ตำรวจตั้งขบวนหน้ากระดานออกมาขวางประจันหน้ากับชาวบ้านไม่ยอมให้เข้าไปและต่อว่าทางเครือข่ายคัดค้านฯ  สุดท้ายชาวบ้านมีทีท่าไม่หวั่นเกรงปืนที่ตำรวจเอาออกมาถือขู่จึงให้ถ่ายเอกสารบัญชีคดีมาให้กับทางเครือข่าย 


 


เมื่อมีการการตรวจสอบเอกสารพบความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง  เช่น  เครือข่ายคัดค้านฯเป็นผู้มาแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัททีทีเอ็มโดนเปลี่ยนให้นายพิทยา  พลูพงศ์  ปลัดอำเภอจะนะ   เป็นโจทย์แทน และมีบริษัท ทรานส์ไทย-มาเลเซีย(ประเทศไทย) จำกัด เป็นจำเลย    และพนักงานสอบสวนระบุว่า สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา เสนอ ผบก.สงขลา  ตามหนังสือ สข.0329(ดด)298  ลงวันที่ 10 ต.ค 2548    รวมทั้งเสนออัยการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาเสนออัยการจังหวัดสงขลา ผลสอบสวนไม่ฟ้อง ตามหนังสือ ที่สข.0329(ดด)298  ลงวันที่ 19 ต.ค 2548  


 


 ดังนั้นทางเครือข่ายจึงประกาศว่าจะไปตรวจสอบที่อัยการจังหวัดสงขลาอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ทราบชัดว่ามีการหลอกลวงโกหกหลอกลวงประชาชนหรือไม่ ขบวนจึงเคลื่อนไปยังสำนักงานอัยการเขต 9 (สงขลา)ต่อ


 


เวลา 13.30 น. ขบวนเริ่มจากบริเวณแหลมสระบัว สงขลา เดินเท้าไปยังสำนักงานอัยการเขต 9 (สงขลา)  พร้อมริ้ว ขบวนป้ายผ้าต่างๆ เช่น กระบวนการยุติธรรม เพื่อนายทุน  เพื่อชาติ  ,ฟ้องขับไล่คนไทย  พวกจัญไร ยกที่ดินสาธารณให้ต่างชาติ  , ที่ดินสาธารณเป็นของกู  รัฐชาติชั่ว ทูนหัวให้นายทุน  , นายทุน   ข้าราชการ         ชั่ง  รวมหัวรังแกประชาชน  ,สภ.อจะนะสังกัดทีทีเอ็ม 


 


ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวกดดันดังกล่าวมีเหตุจากการที่อัยการสงขลานัดชาวบ้านมาฟังว่าจะส่งสำนวนคดีที่นายคิม  ยัง  ตัวแทนบริษัทซัมซุง ประเทศเกาหลี แจ้งความเครือข่ายคัดค้านฯบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ต่อศาลสงขลาหรือไม่


 


"วันนี้ที่มากันมากเพื่อพิสูจน์ว่ากระบวนการยุติธรรมมีเพื่อใครระหว่างเพื่อชาติกับเพื่อนายทุน   รู้สึกอัปยศมาก กับการที่สภ.อ.จะนะออกหมายจับชาวบ้านตามที่นายคิม ยัง เชื้อชาติเกาหลี ตัวแทนบริษัทซุมซุงฯ เป็นคนแจ้ง ความชาวบ้าน ทั้งที่ดินตรงนั้นเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ แต่มีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ   ที่นี่คือแผ่นดิน ไทยแต่กลับถูกต่างชาติแจ้งความดำเนินคดี  ทั้งที่ตำรวจกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนไทย"  ชาวบ้านกล่าว


 


เมื่อไปถึงสำนักงานอัยการเขต9(สงขลา) ปรากฎว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมให้ชาวบ้านจำนวนมากขึ้น ไป  ให้เพียงผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 3 คน คือ นายสุไลมาน  หมัดยูโส๊ะ    นายก๊บ  หลำโส๊ะ  และนายกิตติภพ  สุทธิสว่าง พร้อมด้วยนางสาวส.รัตนมณี  พลกล้า  นายแสงชัย  รัตนเสรีวงษ์ ทนายจากสภาทนายความ  และนายประกันจำนวน 8 คน ได้แก่ สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลสะกอม 6  คน และผู้ใหญ่ตำบลสะกอมจำนวน 2  คน ขึ้นไป 


 


อย่างไรก็ตาม ทางเครือข่ายคัดค้านฯไม่ยินยอมเพราะถือว่าคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการปกป้องทรัพยากร    ซึ่งเป็นเรื่องของชุมชนทั้งหมดไม่ใช่เรื่องของคนแค่ 3 คน นายอนุสรณ์  สาธรัตน์ อัยการจังหวัดสงขลา จึงออกมาชี้แจงกับทางเครือข่ายบริเวณหน้าสำนักงานฯแทนว่า ตรียมส่งสำนวนฟ้องร้องต่อศาลวันนี้ แต่ชาวบ้าน มากันมาก และทำให้รู้ข้อมูลอีกด้าน จึงจะยื่นส่งสำนวนฟ้องในวันถัดไป จากนั้นจึงยืนยันว่าที่ดินตรงนี้ ที่บริษัทแจ้ง เป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ของชาวบ้าน มีการออกเอกสารสิทธิ์มิชอบ  แต่ที่ผ่านมารับรู้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ส่งสำนวนมาเพียงด้านเดียว


 


วลา 15.30 น.หลังจากที่นายประกันเซ็นต์รับทราบวันถัดฟ้องเสร็จ    ทางเครือข่ายจึงเดินทางกลับ แต่ก่อนไประบุว่าจะเดินทางมาอีกอย่างแน่นอน ขอเรียกร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ  อัยการ  และศาลดำรงความเป็นธรรมเพื่อปกป้องแผ่นดินของชาติไว้ให้ลูกหลาน  ทั้งนี้ทางเครือข่ายจะตรวจสอบการทำงานของกระบวนกระบวนการยุติธรรมว่า  มีความเป็นธรรมจริงหรือไม่และจะเรียกร้องให้สังคมช่วยตรวจสอบด้วย  คดีจะได้ไม่ซ้ำรอยในการถูกนายทุนร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจกลั่นแกล้งประชาชนผู้ปกป้องทรัพยากรและสมบัติของชาติดังที่ทางเครือข่ายคัดค้านฯและกลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอกโดนมาแล้ว


 


           


 


   กลับหน้าแรกประชาไท


 


 


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net