ประชาไท - คนไทยไร้สัญชาตินับพัน เตรียมพบ "รองอธิบดีกรมการปกครอง" ยันต้องคืนสัญชาติไทย ให้คนไทยพลัดถิ่นไร้สัญชาติ "นักวิชาการ" แนะรัฐควรแก้กฎหมายรองรับคนไทยกลุ่มนี้ อ้างได้สัญชาติด้วยการแปลงสัญชาติ เป็นคนไทยไม่สมบูรณ์ ไร้สิทธิเสียงทางการเมือง หวั่นเจอปัญหาถอนสัญชาติภายหลัง
ตลอดวันที่ 7 มกราคม 2549 ที่ศูนย์ประสานงานโครงการปฏิบัติการชุมชนและเมืองน่าอยู่จังหวัดระนอง ตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง เครือข่ายฟื้นฟูผู้ประสบภัยสึนามิ ร่วมกับเครือข่ายการแก้ปัญหาคืนสัญชาติให้คนไทย ได้ประชุมเตรียมการและประสานงานคนไทยพลัดถิ่นไร้สัญชาติที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ ให้มาร่วมประชุมกับตัวแทนคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินและสัญชาติในพื้นที่ประสบภัยพิบัติกระทรวงมหาดไทย นำโดยนาย
นาย
นายสุทิน เปิดเผยต่อไปนี้ นอกจากนี้ ยังมีคนไทยไร้สัญชาติจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดินทางมาร่วมประชุมอีก 6 ชุมชน จาก 3 อำเภอ คือ อำเภอทับสะแก อำเภอบางสะพานน้อย และอำเภอบางสะพานใหญ่ ประกอบด้วย บ้านไกรทอง, บ้านหนองกลาง, บ้านด่านสิงขร, บ้านในล็อค, บ้านมรสวบ, และบ้านทุ่งพุด คาดว่าจะมีคนไทยไร้สัญชาติเข้าร่วมประชุมครั้งนี้กว่า 1,000 คน
"คนไทยไร้สัญชาติจังหวัดระนอง จะยืนยันให้รัฐบาลคืนสัญชาติไทยให้เท่านั้น ถ้าหากรัฐจะแปลงสัญชาติให้ เราจะไม่ยอม เพราะเท่ากับว่าคนไทยไร้สัญชาติจังหวัดระนอง ยอมรับว่าเป็นพม่า" นายสุทิน กล่าว
ต่อมา เวลา 20.00 น. วันเดียวกัน ทางเครือข่ายการแก้ปัญหาคืนสัญชาติคนไทย ได้จัดประชุมคนไทยไร้สัญชาติในจังหวัดระนอง จังหวัดชุมพร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเตรียมประเด็นพูดคุยกับตัวแทนคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินและสัญชาติในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ กระทรวงมหาดไทย ร่วมประชุมกับกรมการปกครองซึ่งเป็นตัวแทน คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินและสัญชาติในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ
นาย
นายฐิรวุฒิ กล่าวต่อไปว่า ประเด็นที่ต้องแก้กฏหมาย ไม่มีอะไรมาก แก้เฉพาะเรื่องการให้สัญชาติกับคนไทยที่ไม่มีสัญชาติเท่านั้น ตนคิดว่ากรณีนี้รัฐควรเสนอเป็นยุทธศาสตร์พิเศษ ในการแก้ปัญหาให้กับคนไทยที่บังเอิญไร้สัญชาติเนื่องจากอุบัติเหตุทางประวัติศาสตร์ ซึ่งแตกต่างจากคนไร้สัญชาติกลุ่มอื่น หรือแตกต่างจากผู้หลบหนีเข้าเมือง เพราะคนไทยพลัดถิ่นไร้สัญชาติ เป็นคนไทยอยู่แล้ว จึงควรคืนสัญชาติไทยให้เลย
"รัฐบาลไทยไม่ควรใช้เขตแดนประเทศ มาชี้วัดการให้สัญชาติไทยกับคนไทย แต่ควรจะมองว่าคนไทยไร้สัญชาติที่พลลัดถิ่นอยู่ในพม่า ได้สร้างความเป็นไทยให้ปรากฏอยู่ในพม่า และรักษาความเป็นไทยไว้ได้ โดยดูได้จากการเรียนหนังสือ วิถีชีวิตและวัฒนธรรม ทั้งที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเลย" นายฐิรวุฒิ กล่าว
นายฐิรวุฒิ กล่าวอีกว่า การพิสูจน์ความเป็นไทย ด้วยการหาหลักฐานและประจักษ์พยานต่างๆ มายืนยันตามกฎหมายนั้น ยากที่จะพิสูจน์ได้ เพราะหลักฐานที่จะนำมาพิสูจน์คนไร้สัญชาติว่าเป็นคนไทย ส่วนใหญ่เป็นพยานบุคคล ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนของรัฐ ซึ่งเป็นไปได้น้อยมากที่คนเหล่านี้จะออกมายืนยันให้กับไทยไร้สัญชาติ เท่าที่ผ่านมา ไม่ว่าผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนัน ไม่เคยช่วยคนไทยกลุ่มนี้ให้ได้รับสัญชาติไทยเลย ถึงเวลาแล้วที่รัฐจะต้องเปลี่ยนแนวคิดใหม่ว่า ความเป็นคนไทยไม่ได้อยู่ที่เขตแดนกำหนด
รศ.ดร.
รศ.ดร.
ทั้งนี้ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินและสัญชาติในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ มีกำหนดการลงพื้นที่ในวันที่ 8 - 9 มกราคม 2549 นี้ 2 ชุด แยกเป็น ชุดแก้ไขปัญหาคนไร้สัญชาติ นำโดยรองอธิบดีรกรมการปกครอง ชุดที่ 2 แก้ปัญหากรณีพิพาทที่ดินบ้านแหลมป้อม, บ้านทับตะวัน อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และบ้านในไร่ อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา
โดยวันที่ 8 มกราคม 2549 เวลา 10.00 น. ชุดแก้ปัญหาสัญชาติของกรมการปกครอง จะลงพื้นที่ประชุมคนไทยพลัดถิ่นไร้สัญชาติ ที่วัดอุปนันทาราม จากนั้น ลงสำรวจข้อมูลคนไทยไร้สัญชาติหลังจากนั้นกรมการปกครองก็จะลงสำรวจพื้นที่ชุมชนบางลำพู ตำบลม่วงกลาง อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง กลุ่มคนไทยไร้สัญชาติ ออกเป็น 3 กลุ่ม 1. คนไทยไร้สัญชาติที่เกิดในไทย 2. คนไทยไร้สัญชาติที่กลับเข้ามาอาศัยอยู่ในไทยไม่ต่ำกว่า 10 ปี 3. คนที่ข้ามมาจากฝั่งพม่ามาตั้งแต่ตอนแบ่งเขตแดน โดยจะพิจารณาจากหลักฐานต่างๆ เช่น บ้านเลขที่ พยานบุคคล ฯลฯ ถ้าใครมีหลักฐานชัดเจน จะให้สัญชาติไทยทันที
จากนั้น กรมการปกครองจะเดินทางไปยังจังหวัดพังงา เพื่อพบและสำรวจข้อมูลชาวมอแกนตกสำรวจ ยังไม่ได้สัญชาติไทยจนถึงปัจจุบันประมาณ 180 คน ในเวลา 10.00 น. วันที่ 9 มกราคม 2549 ที่ที่ว่าการอำเภอตะกั่วป่า
ส่วนคณะแก้ปัญหากรณีพิพาทที่ดิน 3 ชุมชน ที่จังหวัดพังงา จะมีนาย
เวลา 10.00 น. วันที่ 8 มกราคม 2549 ลงพื้นที่พบชาวบ้านและสำรวจที่ดินพิพาท ที่ชุมชนบ้านแหลมป้อม อำเภอตะกั่วป่า เวลา 13.00 น. วันเดียวกัน ลงพื้นที่พบชาวบ้านและสำรวจที่ดินพิพาท ที่ชุมชนบ้านในไร่ อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ต่อมา เวลา 10.00 น. วันที่ 9 มกราคม 2549 ลงพื้นที่พบชาวบ้านและสำรวจที่ดินพิพาท ที่ชุมชนบ้านทับตะวัน อำเภอตะกั่วป่า
สำหรับที่ดินพิพาทชุมชนบ้านแหลมป้อม คู่กรณีพิพาทกับชาวบ้าน คือ นาย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)