Skip to main content
sharethis


                                          


เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นเพียงจิ๊กซอว์ตัวแรกของโครงการใหญ่เชิงดอยสุเทพ ซึ่งจะใช้พื้นที่ป่ารวมกันเกือบ 1 หมื่นไร่ และ ด้วยงบประมาณ (ลงทุน-ค่าใช้จ่าย) ไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท


 


นี่เป็นการใช้พื้นที่ป่าดอยสุเทพในคราเดียว-มากที่สุด นับจากยุคพญามังรายก็ว่าได้ !


 


ข้อถกเถียงที่เกิดในสังคมตลอดระยะหลายเดือนที่ผ่าน ส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่ โครงการไนท์ซาฟารี ซึ่งเป็นแค่ส่วนย่อยส่วนหนึ่ง  อาจเพราะเป็นโครงการรูปธรรมอันแรก ที่มีความคืบหน้าจับต้องได้


 


ในบางขณะ สังคมทั่วไปถูกทำให้รับรู้แค่ประเด็นจิ๊บจ๊อย (แต่ชวนทะเลาะ) ว่า เอ็นจีโอ. เพิ่งมาคัดค้านไนท์ซาฟารีทำไม ในเมื่อสร้างเสร็จไปแล้ว ?  คำถามชวนทะเลาะแบบนี้แหละ ที่กำลังครอบงำสังคมอยู่ เลยทำให้ ประเด็นหัวใจจริง ๆ ถูกมองข้ามไป


 


สังคมส่วนใหญ่ขาดการรับรู้ข้อมูลที่ควรจะรู้ คือชุดข้อมูลองค์รวมของปรากฏการณ์ที่เชิงดอยสุเทพ เรื่องนี้ สื่อมวลชน(รวมทั้งผู้เขียน) มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบอยู่มาก


 


แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หน่วยงานภาครัฐเอง ก็ต้องยอมรับว่า มีส่วนสำคัญที่ ทำให้ชุดข้อมูลข่าวสารทั้งชุดขาดวิ่น เปิดแบบอยากเปิดแค่เพื่อผลโฆษณา ส่วนเนื้อหาไม่มี .....


 


คำเตือน  -  การเลือกที่จะนำเสนอในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เป็นวิธีการโฆษณาชวนเชื่อของ นักการเมืองและนักการตลาด เท่านั้น ไม่ควรที่ ข้าราชการประจำจะไปเอาเยี่ยง  


 


หมื่นไร่ - ไม่มีมาสเตอร์แพลน ?


 


ที่ป่า-ในเขตอุทยานแห่งชาติ ประมาณ 1 หมื่นไร่ บริเวณเชิงดอยสุเทพ ในตำบลแม่เหียะ ถูกหยิบขึ้นมาพิจารณาจะทำโครงการรองรับการท่องเที่ยวครั้งแรก เมื่อต้นปี 2545


           


ในครั้งนั้น เกิดจากข้อสั่งการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีผู้เพิ่งชนะการเลือกตั้งท่วมท้น ชี้นกเป็นไม้ ผุดไอเดียให้มีไนท์ซาฟารีขึ้นที่เชียงใหม่


           


กุมภาพันธ์ 2545 เกิดข้อถกเถียงกันในหมู่ข้าราชการว่าจะเสนอพื้นที่ใดดี บางฝ่ายก็เสนอที่ป่าใกล้ห้วยฮ่องไคร้ อ.ดอยสะเก็ด แต่ที่สุด ก็มาลงเอยในที่ป่าเชิงดอย เขตอุทยานสุเทพ-ปุย


           


คณะกรรมการชุดแรก ตั้งเมื่อ 25 มีนาคม 2545 เพื่อศึกษาจัดตั้งสวนสัตว์กลางคืนฯ มีนายปลอดประสพ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ในเวลานั้นเป็นประธาน เสนอที่ป่าประมาณ 1 หมื่นไร่ในบริเวณดังกล่าว และให้บริษัทที่ปรึกษาต่างประเทศมาดูความเหมาะสม


ประเด็นอยู่ตรงนี้ -  อยู่ที่ว่า ก่อนที่บริษัทที่ปรึกษาเบอร์นาร์ด แฮริสันฯ จะมาสรุปเลือกพื้นที่นั้น ทีมงานของนายปลอดประสพ ได้เตรียมการจัดสรรที่ป่าประมาณหมื่นไร่ดังกล่าวอยู่ก่อนแล้ว


           


รวมที่ป่าจะนำมาใช้เพื่อการนี้ 9,197 ไร่ ..โดยแบ่งเป็นไนท์ซาฟารี แค่ 824 ไร่ ที่เหลือจัดเป็นสวนสัตว์กลางวัน กรงแพนด้า วนอุทยาน พื้นที่มากที่สุดกันไว้สำหรับโครงการในอนาคต อีกกว่า5พันไร่


           


พอหย่อนก้นเป็นกรรมการปุ๊บ กะจะทำกิจกรรมรวดเดียวหมื่นไร่กันเลย !!


           


ปรากฏว่า แผนการจัดสรรที่หมื่นไร่ที่เตรียมไว้ใช้ไม่ได้ เพราะดร.เบอร์นาร์ด ชี้จะเอาที่สวนพฤกษศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของไนท์ซาฟารีปัจจุบันเท่านั้น ....ส่วนที่ ๆ เหลือ (อีก8พันกว่าไร่)  ไม่เหมาะสม !!! แนวคิดการย้ายสวนสัตว์จากห้วยแก้วมาอยู่ร่วมก็เลยระงับไป


 


แต่แนวคิดการใช้ประโยชน์จากที่ป่าส่วนที่เหลืออีกประมาณ 8 พันไร่-กลับยังคงอยู่


 


ตลอดทั้งปี 2545 คือปีที่มีการเตรียมการจะดำเนินการก่อสร้างไนท์ซาฟารี ควบคู่กันไป คือ การสรรหาไอเดียบรรเจิดเพื่อคิดจะเกิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง ในพื้นที่ป่าส่วนที่เหลือ


 


ในที่สุดต้นปี 2546 ร่างพิมพ์เขียวที่จะเนรมิตโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวขนาดใหญ่โดยน้ำมือมนุษย์ (Man made - เป็นศัพท์ที่นายกฯทักษิณ ใช้บ่อยครั้งมากในระยะนั้น) ก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา   แม้แต่กระเช้าไฟฟ้า และ อภิมหาปางช้าง ถูกคิดขึ้นมาในช่วงนั้น


 


ในช่วงแรกถึงขั้นศึกษาทำกระเช้าขึ้นดอยสุเทพ แต่ขึ้นด้านหลังอ้อมพระธาตุดอยคำขึ้นไป แต่เห็นว่าไม่คุ้ม เลยหันไปเล็งที่ดอยเชียงดาวอยู่ระยะใหญ่ แล้วค่อยกลับมาคิดทำกระเช้าแนวราบเลียบดอยแทนในที่สุด


 


ปางช้างก็เช่นกัน - ปี 2546 ตอนที่เสนอโครงการเข้าครม. ก็เริ่มมีแนวคิดนี้เป็นรูปร่างแล้ว แต่บริษัทที่ปรึกษาขอให้แยกเสนอ เป็นโครงการในอนาคต ตอนที่เสนอเรื่องเข้าครม. จึงมีเฉพาะ ไนท์ซาฟารี เพียงเรื่องเดียว


 


สรุปแบบภาษาชาวบ้าน -  ทันทีที่มีคณะกรรมการศึกษาจัดตั้งสวนสัตว์กลางคืนขึ้นมา คนของคณะทำงานนี้ได้คิดไกลไปล่วงหน้าเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว ว่างานนี้ไม่ได้มีแค่ไนท์ซาฟารี 800 ไร่ แต่จะให้มีกิจกรรมการลงทุนเกี่ยวข้องอื่น ๆ ในที่ป่าหมื่นไร่ส่วนที่เหลือที่กันเอาไว้


 


วิธีคิดแบบนี้ก็คือ - ตั้งโจทย์จากขนาดที่ดิน-คือป่าเกือบหมื่นไร่ เป็นตัวตั้ง


แล้วค่อยคิดหากิจกรรมซึ่งก็คือโครงการที่ใช้เงินก่อสร้าง มาใส่ลงไปภายหลัง


 


เพราะหากคนพวกนี้หาพื้นที่ที่ป่ามาได้แค่ 2 พันไร่ ส่วนหนึ่งทำไนท์ซาฟารีไปแล้ว พวกเขาก็คงไม่มีไอเดียบรรเจิดคิดทำอภิปางช้าง สวนนก สวนเสือ บ่อจระเข้ และที่พักแรมในป่ากันหรอก !!!


 


จนถึงวันนี้  - แนวคิดจะสร้างกิจกรรมจากมือมนุษย์เป็นโครงข่ายขนาดใหญ่บริเวณแม่เหียะ ที่ก่อรูปขึ้นมา เปรียบเสมือน  เจ้าของบ้านหลังหนึ่งมีที่ 5 ไร่  มีเงินในกระเป๋าพอสมควร เขาก็คิดคร่าว ๆ ว่าในรั้วบ้านนี้จะให้มีอะไรบ้าง ตรงโน้นเป็นเรือนรับรอง ตรงนี้เป็นโรงรถ ตรงนั้นเป็นเรือนคนใช้ ตรงนั้นเป็นบ่อส้วม  และตรงนู้นเป็นกรงขังหมาจากท่าแร่


 


เรือนนอนหลัก ซึ่งก็คือ ไนท์ซาฟารี มีสถาปนิกมาออกแบบและก่อสร้างไปแล้ว  แต่ส่วนอื่น ๆ ยังไม่มีการออกแบบ แต่อย่างใด.......  ในขณะเดียวกันหัวกบาลของเจ้าของบ้านคนนั้น ยังเต็มไปด้วยไอเดียพิสดาร ไอเดียแผลง ๆ บางครั้งพัฒนาไปไกลถึงขั้นเป็นไอเดียอุบาทว์ พร้อมจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพื้นที่ 5 ไร่ของตัวเองตลอดเวลา


 


แนวคิดของการสร้างสรรค์งานให้สุดยอดอลังการ-ยังไม่นิ่ง


เมนูเปิบเนื้อม้าลาย เป็นตัวอย่างที่ดี  หรืออย่างเช่น ชิงช้าสวรรค์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 50 เมตรที่ซื้อมือสองจากงานเอ็กซ์โป เมืองไอจิ ประเทศญี่ปุ่นราคา 50 ล้านบาท นั่นก็ใช่


 


ไปซื้อมาก่อน แล้วค่อยคิดว่า จะไปตั้งตรงมุมไหนของหมื่นไร่ดี !!!


 


ถ้าเป็นบ้านและเงินของคุณเองก็ไม่เป็นไร ..แต่นี่คือที่ป่าในเขตอุทยานซึ่งเป็นทรัพยากรส่วนรวม ควรจะต้องรอบคอบอย่างยิ่ง ถ้าไม่ลงตัว ยังไม่ต้องไปปักธงให้คนปฏิบัติทะลุ่มทะลุยเดินหน้าทำให้ได้  แต่นี่ลงล็อกก็ยังไม่ลง-ไอเดียก็ยังไม่นิ่ง แต่อยากใช้เงินแล้ว


 


ลงตัวแค่ไหน-อย่างไร ไปฟังคำพูดของ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ และ เป็นผู้ดูแลกิจกรรมการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่


                                                                                                                               


นายปลอดประสพ สุรัสวดี ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ณ เรือนวารีกุญชร ภายในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2548    ในการแถลงข่าวเรื่องกิจกรรมเปิดไนท์ซาฟารี 1 มกราคม 2549  ซึ่งการแถลงข่าวรอบนั้นจัดเป็นการถามตอบรายละเอียดของโครงการพัฒนาเชิงดอยสุเทพที่ยาวและละเอียดที่สุดนับจากมีการเริ่มโครงการมา


 


นายปลอดประสพ บอกว่า โครงการธีมปาร์ค หรือสวนสนุกที่เคยเป็นข่าวไปนั้น ยังไม่คิดจะทำในตอนนี้ หากจะทำก็ต้องเป็นส่วนสุดท้าย เพราะประเมินดูแล้วแพงมาก ต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 5 พันล้านบาท และจะไม่ลงทุนเองหากคิดจะทำ  อย่างไรก็ตาม ก็มีการติดต่อซื้อชิงช้าสวรรค์ จากการแสดงงานเอ็กซ์โปที่เมืองไอจิ ประเทศญี่ปุ่น อันหนึ่งสูง 100 เมตร อีกอันสูง 50 เมตร เขาเสนอขายต่อให้กับมิตรประเทศ เราก็ไปคุย อาจจะนำมาตั้งที่งานพืชสวนโลก หรืออาจจะมาตั้งที่นี่ (ไนท์ซาฟารี)


 


ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าของโครงการเคเบิ้ลคาร์


ซึ่งเคยมีการให้ข่าวเมื่อกลางปีที่แล้วว่า ได้เงินจำนวน 50 ล้านบาทเพื่อศึกษา ตอนนี้ถึงขั้นใด


 


นายปลอดประสพตอบว่า ตอนนี้(7ธ.ค.) กำลังเขียนทีโออาร์.อยู่ เข้าใจว่าจะแล้วเสร็จในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แสดงว่าในต้นปีหน้า (2549) จะเริ่มประมูลได้ใช่หรือไม่ ซึ่งนายปลอดประสพ ตอบว่าใช่ ! ซึ่งบริษัทที่จะมาประมูลคงมีไม่กี่รายเพราะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง


 


ผู้สื่อข่าวถามต่อไปอีกว่า ทำไมก่อนหน้านี้เคยมีการให้ข่าวว่า เคเบิ้ลคาร์จะแล้วเสร็จในปลายปี 2549 ให้ทันงานพืชสวนโลก


ซึ่งนายปลอดประสพได้อธิบายว่า ตอนแรกคิดจะไปเหมาเอาเคเบิ้ลคาร์ที่เขาแสดงในงานเอ็กซ์โปที่ญี่ปุ่นซึ่งเขาจะขายต่อในราคาถูก แต่เมื่อมาดูรายละเอียดทางเทคนิคพบว่า มันใช้ไม่ได้เพราะมีระยะทางการใช้งานแค่ 1-5 ก.ม.เท่านั้น เท่ากับว่า เคเบิ้ลคาร์ไม่มีทางเสร็จก่อนปี 2549


 


สรุปว่า เรื่องเคเบิ้ลคาร์เชิงดอยสุเทพ ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ แม้จะขอดูรายละเอียดทีโออาร์. ก็ไม่ได้ เพราะกำลังจัดทำอยู่


กรณี อภิปางช้าง หรือ ที่ภาษาทางการเรียกว่า อุทยานช้างก็เช่นกัน


 


เพราะเวลานี้ บริษัทที่ปรึกษาเขียน แผนรายละเอียด หรือ ดีเทลดีไซด์ ชื่อว่า บริษัทเทสโก้ จำกัด (บริษัทเดียวกันกับที่เขียนดีเทลดีไซด์ให้กับไนท์ซาฟารี) กำลังจัดทำแผนดังกล่าวอยู่-ยังไม่แล้วเสร็จ


 


แถมนายปลอดประสพ ยังบอกด้วยว่า ตนไม่ชอบใจรายละเอียดที่บริษัททำมาเท่าใดนัก อาจจะต้องให้ปรับแก้อีกหลายเรื่อง


                                                ..............................


ผู้เขียนสรุปแบบที่ตัวเองเข้าใจก็คือ  - กิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่า เคเบิ้ลคาร์ ปางช้างยักษ์ สวนนก สวนเสือ โรงแรมในป่านั้น ยังไม่มีรายละเอียดที่เป็นลายลักษณ์อักษรออกมา ดังนั้น ใครจะมาขอดู -ยังดูไม่ได้ ใครจะทำหนังสือขอข้อมูลข่าวสารทางราชการไป ก็ให้รอไปเรื่อย ๆ (ส่วนที่ไปติดต่อเจรจากับนักธุรกิจเกี่ยวข้องกันแล้วนั้น-ไม่จำเป็นต้องเปิดเผย)


 


สรุป


กรณีตัวอย่าง ทั้ง3-4 เรื่อง บอกให้เรารู้ว่า ภาพที่ชัดเจนของกิจกรรมในที่ป่าแม่เหียะของรัฐบาลยังไม่ชัด


-กรณีเปิบพิสดารชักเข้าชักออก


-กรณีชิงช้าสวรรค์จู่ ๆ ก็มาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวและก็ไม่รู้จะตั้งตรงไหนดี


-ยังไม่มีแผนรายละเอียดโครงการใหญ่ เคเบิ้ลคาร์กับอภิปางช้าง


 


ผืนป่าดอยสุเทพ เป็นปอดใกล้เมืองที่สุด เป็นแหล่งทรัพยากรสมบูรณ์ที่เหลืออยู่ไม่มากนัก


นี่คือ สมบัติของส่วนรวม เป็นที่สาธารณะที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสิ่งแวดล้อมของเมืองเชียงใหม่ที่นับวันจะขยายเป็นมหานครขึ้นทุกที


การตัดผืนป่าเชิงดอยออกมาร่วมหมื่นไร่ในรอบเดียว เพื่อคิดจะหากิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวมาใส่ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา  เป็นกระบวนการพัฒนาแบบแยกส่วน ไม่มีการศึกษาภาพรวมและผลกระทบในองค์รวม  ไม่เพียงเท่านั้น การออกข่าวหาคะแนนนิยมของฝ่ายการเมืองที่ผ่านมา ตอกย้ำว่า จะทำให้ที่ตรงนี้เป็นเชียงใหม่เวิลด์ ระดับที่ไม่อาย ดิสนีย์เวิลด์ จะมีกิจกรรมใหญ่โตมากมายจิปาถะ


 


แถมหัวหน้ารัฐบาลผู้คิดไวใจร้อนก็ยังยืนยันในหลายวาระว่า จะมีกิจกรรมเหล่านี้แน่


 


กระบวนการตั้งธงจะเอาให้ได้ไว้ก่อน กระทำบนพื้นที่ป่าซึ่งเป็นสมบัติร่วมของประชาชน ถ้าหากเกิดการลัดขั้นตอน เอาโครงการที่ไม่รอบคอบและอาจเกิดความเสียหายในระยะยาวมาใส่ลงไป   ยังไม่ศึกษาว่าคุ้มไม่คุ้มกันเลย จะเดินหน้าเอาแล้ว


 


เท่ากับนี่คือการปล้นกลางแดดกันชัดๆ !!


 


จนบัดนี้ ยังไม่มีแผนการพัฒนาหลัก หรือ มาสเตอร์แพลน ครอบคลุมกิจกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่เชิงดอยสุเทพ และที่สำคัญที่สุด ผลกระทบจากกิจกรรมในที่ป่าร่วมหมื่นไร่- ในภาพรวม  แยกไนท์ซาฟารีออกมา ก็บอกว่า กฎหมายไม่บังคับให้ทำ EIA   แยกเคเบิ้ลคาร์ ออกมา ก็คงทำนองเดียวกัน


 


สรุปว่า ทั้งหมื่นไร่พวกคุณไม่คิดจะศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมกันเลยใช่ไหม !!!!


 


นี่คือ จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของ เชียงใหม่เวิลด์


 


คุณคิดจะพัฒนา หาเงินมาใส่เมืองมาก ๆ ดึงนักท่องเที่ยวให้นอนค้างคืนเพิ่มขึ้น คิดเรื่องรายได้ คิดเรื่องเศรษฐกิจ ฯลฯ ตามสไตล์การพัฒนาแบบเศรษฐีคิดไวใจร้อน (2544-2548)


 


มองว่า ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ผลกระทบทางสังคม กระบวนการมีส่วนร่วมทางสังคม เป็นเรื่องรองลงไปหมด


 


อันที่จริงรัฐบาล ชุด พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ได้ใหญ่โตมีอำนาจมากมายขนาดที่ชี้นกเป็นไม้  แผ่อิทธิฤทธิ์บารมีปกป้องลูกน้องทั้งหลายให้สามารถเดินหน้าทะลุ่มทะลุยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมจะเอาอะไรได้หมด แบบว่า จะเอาไนท์ซาฟารีต้องได้ -รถราง เป็นอภิปางช้าง ต้องได้หมดตามประสงค์ทั้ง 100% โดยไม่ต้องสนใจเสียงค้าน หรือ เสียงท้วง  ขอยืนยันว่าไม่ใช่เลย ! 


 


สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความจำสั้น หลายคนคงจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว


 


เมื่อต้นปี รัฐบาลอำนาจล้นชุดนี้เองมิใช่หรือ ที่ถูกเบรกเรื่องโครงการก่อสร้างถนนตัดอ่าวไทยทางลัดสู่ภาคใต้ แบบต้องปิดวิกเลิกลิเกกระทันหัน


ถูกเบรคจนหัวทิ่ม...ตาเหลือกกลับลำ180 องศา ยังจำได้ไหม ว่า เกิดจากอะไร !!!


ไม่เห็นมีลิ่วล้อหรือขันทีตัวไหนกล้าเสนอหน้าพูดออกมาสักแอะ เพื่อต่อว่าผู้ที่สั่งเบรค ว่า ไปขัดขวางการพัฒนาสุดบรรเจิดตามแนวทางของฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้อย่างไร


 


พวกคุณไม่ได้ใหญ่โตคับแผ่นดินหรอก... ไม่ว่าฝ่ายการเมืองหรือข้าราชการประจำติดตามนาย


 


ตอนแรก ๆ ก็สนองคำอยู่ดีหรอก ว่า ต่อไปจะทำโครงการใหญ่ต้องรอบคอบ ต้องดูผลกระทบสิ่งแวดล้อม จะคิดทำเฉพาะที่จำเป็น จะเอาแนวทางนี้มาดำเนินการในเรื่องอื่น ๆ


 


ไม่ทันไรเลย ...ลืมแล้ว !!


 


ก่อนจบ-ขอบังอาจเสนอแนะ(ตามแนวทางสมานฉันท์แห่งชาติสักเล็กน้อย) ดังต่อไปนี้ .....


-ถ้าพวกท่านยังไม่ทำรายละเอียดของหมื่นไร่-หมื่นล้านออกมาให้ชัด


-ถ้าท่านยังไม่ทำแผนบริหารจัดการไนท์ซาฟารีในระยะยาวประกอบด้วยแผนบริหารโครงการและแผนการบริหารการเงิน ซึ่งครม.เคยมีมติให้ทำ - ก็ให้รีบทำและรีบเปิดเผย


-ถ้าท่านไม่มีผลการศึกษาผลกระทบองค์รวมของการพัฒนาที่เกือบหมื่นไร่ และเปิดการมีส่วนร่วมทั้งกระบวนการศึกษาความเป็นไปได้ ศึกษาผลกระทบ และ ศึกษาความจำเป็น


-และถ้ายังคิดจะใช้วิธีลักไก่  เปิดแบบกั๊ก ๆ จริงครึ่งเท็จครึ่ง เหมือนกับหลายเรื่องที่เคยทำกันมา


ตราบนั้น จะยังมีผู้อยู่ตรงกันข้ามกับพวกท่าน-จำไว้ !!


 


................................................................................................................................


 


หมายเหตุ


เอกสารประกอบเวทีสาธารณะ "คนฮักเจียงใหม่" และการสัมมนา "สัตว์ป่ากับเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี" วันที่ 26 ธ.ค. 2548 ณ ห้องประชุมทองกวาว UNISERV มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 


 


 กลับหน้าแรกประชาไท 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net