บอนิเลาะ บาโงซิแน
ความหวาดกลัวและความหวาดระแวงยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเป็นอุปสรรคขัดขวางการนำเงินงบประมาณของรัฐซึ่งมาจากภาษีของประชาชนไปช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ
รวมทั้งการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบจากภาครัฐด้วย ทำให้การการช่วยเหลือเยียวยายังขาดตกบกพร่องด้วย
ด้วยเหตุนี้ คณะทำงานประสานชุมชนเพื่อสนับสนุนภารกิจประธาน (นาย
ทั้งนี้ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือปอเนาะเป็นที่เชื่อถือของคนชุมชน โดยจะทำงานร่วมกับอาสาสมัครฟื้นฟูและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงด้วยกระบวนการชุมชน 140 คน กระจายใน 3 จังหวัด
ถึงกระนั้นก็ตาม ในวันที่ 2 ของการสัมมนา เรื่องบทบาทผู้บริหารและสถาบันปอเนาะกับการบริการชุมชน ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 - 4 ธันวาคม 2548 ที่โรงแรมอิมพีเรียลนราธิวาส ได้มีโต๊ะครูบางคนแสดงความกังวลต่อการดำเนินโครงการนี้
"เราเกรงว่าจะทำให้ว่ากลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบจะเข้าใจผิดว่า โต๊ะครูจะกลายเป็นคนของรัฐ โดยนำเงินของรัฐไปให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนที่เกิดจากกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐเอง หรืออาจคิดว่าโต๊ะครูตกเป็นเครื่องมือของรัฐได้ ซึ่งมันไม่เป็นผลดีต่อตัวโต๊ะครูเอง"
ในขณะที่โต๊ะครูส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า การช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและมีความยากลำบาก เป็นข้อบัญญัติในทางศาสนาอิสลาม เพราะฉะนั้นโครงการนี้จึงสอดคล้องกับหลักศาสนา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ บาบอนิเลาะ บาโงซิแน โต๊ะครูจากอำเภอยะหา จังหวัดยะลา บอกว่า ศาสนาอิสลามสอนให้ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือนร้อน ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีสอดคล้องกับคำสอนทางศาสนาอิสลามในเรื่อง "ตะอาวุน"หรือการช่วยเหลือซื่งกันและกัน จะทำให้ผู้ที่ได้รับความเดือนร้อนได้มีที่พึ่ง เปรียบเสมือนต้นไม้ที่เมื่อโตขึ้น จะมีสัตว์นานาชนิดมาเกาะอาศัยเป็นที่พึ่งพิง
อย่างไรก็ตามนายแพทย์
"เราช่วยเติมเต็มกระบวนการเยียวยาของภาครัฐในชุมชน สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการเยียวยาผู้ที่เดือดร้อน ไม่ใช่ไปจับผิดใคร เป็นการเชื่อมต่อให้เกิดกระบวนการเยียวยาโดยชุมชนเอง ทั้งชีวิต ร่างกายและทรัพย์สิน" เป็นคำยืนยันของนายแพทย์พลเดช
การให้เวทีแก่โต๊ะครูและให้ปอเนาะเป็นศูนย์กลาง นับเป็นการเติมเต็มกระบวนการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นด้วย โดยเริ่มจากการการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบในชุมชนก่อนนั่นเอง