ขออำนาจศาลฝากขัง "อัมเย๊าะ สะอุ" ห้ามประกัน

ประชาไท-9 ธ.ค.48 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ควบคุมตัว "อัมเย๊าะ สะอุ" ขออำนาจศาลอาญาฝากขังออกไปอีก 12 วัน พร้อมคัดค้านการประกันตัว เพราะเป็นคดีเกี่ยวกับความมั่นคง


 

พลตำรวจเอกสมบัติ อมรวิวัฒน์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ยังไม่มีการสอบสวน นายอัมเยาะอย่างเป็นทางการ มีเพียงการสอบถามข้อมูลทั่วไป เนื่องจากต้องรอให้ผู้ต้องหาติดต่อทนายความหรือญาติร่วมฟังการสอบสวนตามขั้นตอนกฎหมาย หากไม่มีทนายความประสานไปยังสภาทนายความ ให้จัดส่งทนายความช่วยต่อสู้คดี ทั้งนี้หากมีญาติของผู้ต้องหามาติดต่อขอเยี่ยม จะอนุญาตให้เยี่ยมได้อย่างแน่นอน

 

เว็บไซต์ คมชัดลึก รายงานเพิ่มเติมว่า นายอัมเยาะ หรือนายฮามือเยาะ สะอุ เคยเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านไอบาตู ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส มีรางวัลนำจับหรือค่าหัว 5 แสนบาท และเป็นผู้ต้องหาคดีปล้นปืนกองพันทหารพัฒนาที่ 4 ต.เจาะไอร้อง

 

หลังได้หลบหนีไปประเทศมาเลเซียพร้อมครอบครัวรวม 7 คน และเป็นหนึ่งในกรณี 131 คน ที่ทำให้ประเทศไทยกับประเทศมาเลเซียต้องตอบโต้ผ่านทางสื่อกันแทบรายวันจนกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาแล้ว

 

ทั้งนี้ นายอัมเยาะ ได้ติดต่อขอมอบตัวกับทางการไทย แล้วเดินทางเข้ามาทางด่านรินตูปันยัง อ.ปาเสม็ด รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ก่อนที่ทางการมาเลย์จะติดต่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยมารับตัวที่ชายแดน เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา และนำตัวมามอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ควบคุมตัวสอบขยายผล ดำเนินคดีตามกรอบกฎหมาย ตามที่รับปากกับทางการมาเลเซียในกรุงเทพฯ

                    

ต่อมา เวลา 13.00 น. วันนี้ (9 ธ.ค.) พ.ต.ท.เบญจพล เบญจวรรณ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษระดับ 8 กรมดีเอสไอ ได้ควบคุมตัวนายอัมเยาะ มาขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 9-20 ธันวาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก

 

คำร้องฝากขังสรุปพฤติการณ์ว่า ผู้ต้องหามีส่วนร่วมในคดีปล้นอาวุธปืน เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ที่กองพันพัฒนาที่ 4 จ.นราธิวาส ซึ่งได้ขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดนราธิวาสที่ 156/2547 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2547 แต่ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปประเทศมาเลเซียร่วมกับผู้อื่นอีก 131 คน

 

จนกระทั่งได้รับการประสานงานจัดส่งผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้รับตัวผู้ต้องหาไว้ และแจ้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อแบ่งแยกราชอาณาจักร หรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร, ร่วมกันสะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ, ร่วมกันเป็นสมาชิกของคณะบุคคล ซึ่งปกปิดวิธีการดำเนินการ และมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายหรืออั้งยี่, สมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดปล้นทรัพย์ วางเพลิงเผาทรัพย์สินสาธารณสมบัติ เพื่อแบ่งแยกดินแดนอันเป็นซ่องโจร, ฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่โดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ, ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวไปด้วยการกระทำใดแสดงความทารุณให้ผู้อื่นได้รับอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

หลังพนักงานสอบสวนควบคุมตัวครบ 48 ชั่วโมง แต่ยังต้องสอบสวนข้อเท็จจริงคดีและพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกรณีร่วมกับผู้อื่นออกนอกราชอาณาจักร 131 คน ที่จะต้องหาพยานหลักฐานอื่นๆ อีกจำนวนมาก จึงขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยของพยาน ซึ่งไปเกี่ยวข้องกับขบวนการความไม่สงบในจังหวัดภาคใต้ จึงขอรับตัวผู้ต้องหากลับไปควบคุมที่ดีเอสไอ หลังศาลพิจารณาคำร้องแล้ว ได้อนุญาตให้ฝากขังและรับตัวไปสอบสวนขยายผลต่อได้

กลับหน้าแรกประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท