Skip to main content
sharethis



ประชาไท—29 พ.ย.48      ครม.เปลี่ยนใจไม่แก้ พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ มาตรา 80 แจงเข้าสภาไม่ทันสมัยประชุม และไม่อยากสวนกระแสสังคม ยืนยันให้สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรียื่นอุทธรณ์แย้งคำสั่งศาลปกครอง แถมท้าย วิทยุชุมชน เคเบิลทีวี เตรียมระวัง เพราะรัฐบาลเตรียมตั้งทีมกวดเข้ม

 


นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางภายใน 30 วัน คือไม่เกินวันที่ 23 ธ.ค.นี้ ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไม่ให้ความความเห็นในข้อเสนอให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ ในมาตรา 80 ที่ต้องการให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เข้ามาดูแลการออกใบอนุญาต ต่อใบอนุญาต และจัดสรรคลื่นความถี่เป็นการชั่วคราวระหว่างที่ยังไม่มี กสช. เนื่องจากเห็นว่าไม่มีความจำเป็น อีกทั้งสภากำลังจะหมดสมัยประชุมในอีกไม่กี่วันด้วย
 


สำหรับประเด็นที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษากระบวนการสรรหา กสช.ไม่ชอบด้วยกฎหมายและให้เพิกถอนทั้งกระบวนการนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ยังมีบางประเด็นที่ศาลปกครองกลางยังไม่ได้หยิบยกขึ้นมา จำเป็นต้องมีการวินิจฉัยให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ จึงต้องมีการอุทธรณ์ต่อไป และเมื่ออุทธรณ์แล้วจะมีกระบวนการสรรหาใหม่หรือไม่นั้น ในชั้นนี้ยังไม่จำเป็น แต่หากกระบวนการพิจารณาของศาลยืดยาว ก็อาจจะมีการเตรียมการสรรหาเพิ่มเติม


รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า "ถ้ารัฐบาลไปชิงพูดตอนแรกว่า สำนักปลัดฯ จะอุทธรณ์ แล้วเกิดว่า คณะกรรมการสรรหาไม่อุทธรณ์ ก็จะทำให้เกิดความล่าช้า เหมือนกับว่าบอลอยู่ในเท้าคณะกรรมการสรรหาแล้วก็ต้องให้เขาเป็นคนคิดดู และไม่จำเป็นต้องมาคิดแทนรัฐบาล แต่สาเหตุที่รัฐบาลอุทธรณ์ เพราะได้เห็นคำวินิจฉัยเต็มฉบับของศาลปกครองที่ระบุว่า สำนักปลัดฯผิด รัฐบาลจึงจะไม่นิ่งเฉย"


ด้านการแก้ไขกฎหมายมาตรา 80 นั้น ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอก่อนหน้านี้ เขากล่าวยืนยันว่า ที่ออกมาพูดกันว่าจะยึดอำนาจ กสช. ให้ กทช. ความจริงแล้วหลักการมีอยู่แค่ ในระหว่างที่ไม่มี กสช.ให้ กทช.จัดสรรคลื่นความถี่และออกใบอนุญาตเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับวิทยุชุมชน เคเบิลทีวี เท่านั้น และการใช้อำนาจในการออกใบอนุญาตก็มีอายุเพียงวันที่จะเกิด กสช. โดยไม่ให้มีการออกใบอนุญาตยาวเกินกว่านี้เป็นอันขาด


 


อย่างไรก็ตาม นายวิษณุ ย้ำอีกครั้งว่า "เมื่อประชาชนเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ควรแก้แก้กฎหมายก็ไม่ต้องแก้ และอันหนึ่งที่สำคัญมากถ้าจะทำจริงๆ คือมันไม่ทัน แต่ถ้าทำทันก็อาจจะคุ้มก็ได้ เมื่อไม่ทันก็จะคิดทำไม"
       
นอกจากนี้ยังเปิดเผยด้วยว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงเรื่องเคเบิลทีวีที่มีอยู่จำนวนมาก จึงขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนปัญหาวิทยุชุมชนวันนี้ไม่ได้มาขึ้นทะเบียนและติดป้ายว่า บ้านนี้มีวิทยุชุมชน การเข้าไปจับกุมก็เข้าไปยากลำบาก เจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในชนบท


 


"ในวันนี้มีวิทยุชุมชนอีก 2,800 สถานี เคเบิลทีวี 700-800 สถานีไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเดือนละ 75 ราย ถือว่าเดือนละ 1 จังหวัด รัฐบาลจะใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าไปดูแล ซึ่งในการเข้าไปดูแลและจัดการนั้น ไม่ใช่เป็นการไล่จับดะ และปล่อยดะ โดยเราจะใช้หลักที่ว่า ถ้าเป็นการทำผิดในส่วนของเนื้อหาที่ไปทำให้เอกชนเสียหาย ละเมิดทรัพย์สินทางปัญหา หมิ่นประมาท ดูหมิ่น โฆษณาสินค้า ลามก อนาจารไม่ถูกกฎหมาย ถ้าความผิดที่กระทำเกี่ยวข้องกับกฎหมายใด ก็จะใช้กฎหมายนั้นลงโทษ ซึ่งขณะนี้ได้หารือกับ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ให้ไปตั้งทีมในการเข้าไปตรวจสอบควบคุมเรื่องเนื้อหาแล้ว" นายวิษณุ กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net