ประชาไท24 พ.ย.2548 ศาลปกครองกลางมีคำตัดสินว่ากระบวนการสรรหา กสช. ไม่ชอบด้วยกฎหมายทุกขั้นตอน เห็นควรให้เพิกถอนรายชื่อกรรมการสรรหา 17 คน
วานนี้ (23 พ.ย.) นาย
โดยศาลปกครองได้วินิจฉัยใน 3 ประเด็นคือ ความสัมพันธ์ระหว่างกรรมการสรรหากับผู้สมัครรับเลือกเป็นกสช. ในกรณีของ พล.อ.
โดยศาลปกครองเห็นว่า กรณีความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.สุนทร กับ นางสุพัตรา และ พล.อ.
ประเด็นต่อมาคือ กรณีที่ มาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2543 บัญญัติให้ กสช.ต้องเป็นผู้มีผลงานหรือเคยปฏิบัติงานที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้มีความรู้ ความเข้าใจ และมีความเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง การศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม เศรษฐกิจ ความมั่นคง กฎหมายมหาชน หรือกิจการท้องถิ่น อันจะเป็นประโยชน์ต่อกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ และมาตรา 10 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน บัญญัติว่า ให้คณะกรรมการสรรหา กสช.พิจารณาคัดเลือกบุคคลผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือมีประสบการณ์ตามมาตรา 7 เป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนกรรมการที่จะได้รับแต่งตั้งเสนอต่อประธานวุฒิสภา พร้อมทั้งรายละเอียดของบุคคลดังกล่าว ซึ่งต้องระบุให้ชัดเจน หรือมีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าเป็นบุคคลที่มีความเหมาะสมในด้านใดด้านหนึ่งตามมาตรา 7 เเละความยินยอมเป็นหนังสือของผู้ได้รับการเสนอชื่อ
แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า คณะกรรมการสรรหา กสช.คัดเลือกผู้สมัคร 2 คนในจำนวน 14 คนโดยกล่าวอ้างว่ามีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ โดยบุคคลดังกล่าวไม่ได้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญจริง จึงไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
และประเด็นสุดท้าย ในส่วนของกรรมการที่เป็นตัวแทนของภาคเอกชนที่เป็นนิติบุคคลซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองผู้บริโภคทางด้านสื่อสารมวลชนหรือใช้สื่อสารมวลชน ทั้งนี้ เนื่องจากศาลเห็นว่าคุณสมบัติของนาย
และจากประเด็นทั้งหมด ศาลตัดสินว่ากระบวนการสรรหา กสช. ไม่ชอบด้วยกฎหมายทุกขั้นตอนและศาลปกครองเห็นสมควรต้องเริ่มกระบวนการสรรหา กสช.ตั้งแต่ชั้นการแต่งตั้งกรรมการสรรหา กสช.
นายประมุท สูตะบุตร ผู้ฟ้องคดีดังกล่าวเปิดเผยภายหลังคำตัดสินว่า ยินดีกับคำพิพากษาศาลปกครองที่ออกมา และขอฝากไปยังรัฐบาลด้วยว่า ให้ดูกฎหมายให้ดี และควรที่จะทำให้ถูกต้องก่อนที่จะเสนอเรื่องใดขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ก็ยังมีศาลปกครองสูงสุดอีก ซึ่งไม่แน่ใจว่าเขาจะอุทธรณ์หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนจะอุทธรณ์ และจะต่อสู้ต่อไป เนื่องจากเห็นว่าไม่ถูกต้องในหลายกรณี
โดยภายหลังมีคำตัดสิน สำนักงานเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรีได้คัดสำเนาเพื่อตรียมอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด 4 ภายในระยะเวลา 30 วัน
ทั้งนี้ เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ธงชัยยอมรับว่า การตัดสินของศาลเป็นหน้าที่ที่ต้องเคารพ และคำตัดสินที่ออกมา กสช. ไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่ความเสียหายเกิดขึ้นในชั้นของกรรมการสรรหา โดยส่วนตัวก็ทราบดีว่ากระบวนการแต่งตั้ง กสช. นั้นต้องผ่านกระบวนการ 2 ขั้นคือ ต้องรอคำตัดสินของศาลปกครอง และต้องรอการโปรดเกล้าฯ
ทั้งนี้ พล.อ. ธงชัยระบุว่า เรื่องต่อจากนี้ก็คือความน่าเป็นห่วงของการปฏิรูปสื่อซึ่งกำลังมีปัญหามาก ทั้งในประเด็นของวิทยุชุมชน และเคเบิลทีวี
ด้านนาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ประธาน กสช.ตกกระป๋องบ่นเบื่อ ใครทำอะไรทำไป
http://www.bangkokbiznews.com/2005/11/23/c001l2_55048.php?news_id=55048
กสช.ป่วน! ศาลปกครองสั่งเพิกถอน-ชี้มิชอบต้องสรรหาใหม่
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9480000162171